• พาเที่ยวงานอุ่นไอรัก คลายความหนาว

    งาน อุ่นไอรัก คลายความหนาว งานน่ารักๆทุกคนสวมชุดไทยทั้งดอกไม้ ร้านอาหาร รวมถึงส่วนจัดแสดงวัฒนธรรมไทยแต่โบราณต่างๆซึ่งสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 10 โปรดเกล้าให้จัดงานนี้ขึ้นบริเวณสนามเสือป่าและพระลานพระราชวังดุสิต โดยงานจะแบ่งออกเป็นประมาณ 3 โซน 1.โซนพระลานพระราชวังดุสิต มีสาธิตงานฝีมือต่างๆของไทย เย็บ ปัก ถัก ร้อย แกะสลักจิตรกรรมต่างๆ และส่วนจัดแสดงดอกไม้สวยๆกว่า 20 สายพันธุ์ รวมถึงเรือสุพรรณหงส์จำลองมาจัดแสดงบริเวณพระบรมรูปทรงม้า ถ่ายรูปสวยๆ เห็นบรรยากาศของพระที่นั่งอนันตสมาคม นิทรรศการพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจของ ร.5 และ ร.9 สาธิตการทำขนมว่างโบราณของไทย อาทิเล่น ขนมค้างคาวเผือก ขนมเบื้องญวน จากโรงเรียนการเรือนต่างๆ  2.โซนสนามเสือป่า มีซุ้มจับฉลากสอยดาว รางวัลต่างๆ ร้านค้าในพระบรมวงศานุวงศ์ ร้านค้ารับเชิญจากโครงการพระราชดำริและสมาคมแม่บ้านเหล่าทัพต่างๆ  3.โซนร้านค้าร้านอาหาร ร้านอาหารภายในงานเป็นร้านอาหารไทยโบราณต้นตำรับจากทั้ง 4 ภาครวมไปถึงขนมไทยสูตรโบราณที่หาทานยาก งานนี้จะจัดขึ้นตั้งแต่ 8 กุมภาพันธ์ ถึง 11 มีนาคม ตั้งแต่เวลา 10.30 - 21.00 น. วันศุกร์และเสาร์ ขยายเวลาถึง 22.00 น. อีกทั้งที่งานยังมีชุดไทยสมัย ร.5 ให้เช่าหลายแบบเลยในราคาชุดละ 250 บาท

  • ชมวิว 360 องศาที่ห้องอาหาร Saffron Sky Garden บันยันทรี กรุงเทพฯ

    ชมวิว 360 องศาที่ห้องอาหาร Saffron Sky Garden บันยันทรี กรุงเทพฯเดี๋ยวนี้ทานอาหารต้องมีบรรยากาศ เปรี้ยวปากเช็คอินพาไปกินลมชมวิวที่ห้องอาหาร Saffron Sky Garden ชั้น 52 โรงแรมบันยันทรี กรุงเทพฯ เหมาะกับพาคนพิเศษมาดินเนอร์มื้อเย็นทานไปชมวิวเมืองกรุงยามเย็น อาหารไทยที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องการผสมผสานระหว่างอาหารไทยและเทคนิคของอาหารต่างชาติเข้าด้วยกันยังคงรสชาติอาหารไทยไว้ แต่ละจานก็สร้างสรรค์สวยงามจนต้องขอยกกล้องขึ้นมาถ่ายก่อนลงมือชิม เริ่มกันที่ "ของว่างรวม" (790 บาท)  สะเต๊ะไก่ กุ้งโสร่งทอด ยำส้มโอ ปอเปี๊ยะปลาฟูม้วนเป็นโรล ตัดด้วย "ซุปคาปูชิโน่ดอกโสนกับหอยเชลล์ย่าง"  เมนูนี้หน้าตาฝรั่งแต่รสชาติสไตล์ไทย เติมมะนาวนิดนึงเพิ่มความเปรี้ยวทำให้เมนูนี้ไม่หนักท้องเกินไป "ยำแซลมอน" (590 บาท) หอมใบแมงลักที่ใส่มาเติมกลิ่นเฉพาะตัว เสิร์ฟมาพร้อมดอกไม้ที่สามารถทานได้ จัดจ้านแบบน้ำยำถึงเครื่อง ส่วนเมนูนี้ก็เสิร์ฟแบบพอคำ "กุ้งย่างพริกสดเสิร์ฟคู่กับข้าวตัง"ถ้าชนะเลิศเรื่องความสวย ยกให้จานนี้ "ยำมะเขือยาวปู" เพิ่มคาเวียร์ ใส่แผ่นทองคำทานได้ เมนูใต้อย่าง "แกงกะทิปูใบชะพลูกับขนมจีนไข่ต้ม" (870 บาท) ถึงเครื่องหร่อยแรงๆแบบชาวใต้ ใครที่กำลังมองหาร้านดินเนอร์ บรรยกาศดี อาหารไทยอร่อย Saffron Sky Garden บันยันทรี กรุงเทพฯ มีครบจบที่เดียว

  • “ลมโชย” ไปที่เดียวอิ่มครบ 4 ภาค

     “ลมโชย” ไปที่เดียวอิ่มครบ 4 ภาค“ยามลมโชยมา พาใจหน่วงหนัก คิดถึงรัก ครั้งก่อนนั้นเคยรัญจวน” เสียงร้องจากเจ้าของร้านหน้าคุ้น คุณเอ๋ ศุภชัย นักปั้นมือทองที่ยกเมนูความอร่อยมาเสิร์ฟด้วยตัวเอง พร้อมบอกเล่าที่มาของร้านลมโชยที่อยากจะร้านอาหารติดริมแม่น้ำเจ้ายา ประจวบเหมาะกับเจ้าของเป็นเพื่อนสมัยเรียนจึงมาลงตัวที่โครงการ ล้ง 1919 เริ่มที่อาหารภาคใต้ บ้านเกิดของคุณเอเอง "แกงส้มปลากะพงยอดมะพร้าวอ่อน"  จัดจ้านร้อนแรง คุณเอบอกกับเราว่าอาหารใต้ขี้เหนียวเครื่องไม่ได้ ไม่งั้นไม่อร่อย "ปลากระบอกทอดขมิ้น" ปลากระบอกชิ้นกำลังดีกรอบนอกนุ่มใน หอมกระเทียมเจียวทานกับข้าวสวยเพลิน ภาคอีสาน "ตำปูม้าอินเตอร์"  นัวปลาร้าอย่างดี ซึมเข้าเนื้อปูม้าสดๆ แซ่บจริงแซ่บจัง ภาคกลาง "ยำปลาดุกฟู"  ฟูได้ใจจริงๆ ภาคเหนือ "ขนมจีนน้ำเงี้ยว" คุณเอแอบบอกเคล็ดลับความอร่อยว่าเมนูนี้แอบเต็มเครื่องแกงใต้ลงไปทำให้น้ำเงี้ยวเข้มข้นและมีรสเผ็ดนิดๆเฉพาะตัว จะมาเป็นครอบครัว เป็นแก๊งค์ แต่ชอบอาหารไม่เหมือนกันก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับร้านลมโชย อาหารไทย 4 ภาค ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่พัดพากลิ่นอาหารหอมๆลอยมาแตะจมูก 

  • อาหารพื้นเมืองภูเก็ต แปลก อร่อย ต้อง “ร้านตาทวย”

    ไปภูเก็ตกินร้านไหนดี? เปรี้ยวปากขอยกให้ "ร้านตาทวย" ร้านอาหารพื้นเมืองภูเก็ตที่มีเมนูหาทานยาก ใครอยากลิ้มลองอาหารท้องถิ่นแปลกใหม่ในบรรยากาศร่มรื่นเอกลักษณ์ตัวร้านจะตกแต่งเหมือนป่า มีน้ำตกเล็กๆให้ความสดชื่น เมนูเด็ด หร่อยจังฮู้ "หอยแครงป้าเหนียวลวกจิ้ม" ของหายากที่มีแค่ 2 ครั้งต่อเดือนเท่านั้น!!! ต้องโทรมาเช็คก่อนเพราะหอยแครงป้าเหนียวนี่จะจับได้เฉพาะเวลาน้ำลงช่วงขึ้น 15 ค่ำเท่านั้น เคล็ดลับคือเค้าจะลวกแป๊ปเดียวเพื่อคงความหวานของเนื้อหอยไว้ “ส้มตำสาหร่าย” จะใช้สาหร่ายเม็ดพริกไทยซึ่งจะมีความเค็มน้อยกว่าสาหร่ายพวงองุ่นแบบสดๆ มาเสิร์ฟคู่กับน้ำส้มตำไทยรสชาติแซ่บถูกใจเว่อร์ “เพรียงทรายผัดกะปิสะตอ” ซึ่งตัวเพรียงทรายนี่จะอาศัยอยู่บริเวณที่สมบูรณ์เท่านั้น ลักษณะจะคล้ายๆกับหอยหลอดเอาไปผัดกับกะปิของท้ายเหมืองที่รสชาติจะไม่เค็มเกินไป มีกลิ่นหอมเปรี้ยวๆค่ะ ปรุงรสถึงใจมากๆ “ยำดอกถั่วเล” แค่เห็นก็สะดุดกับความสวยของจานนี้ ดอกถั่วเล เป็นดอกไม้ที่ขึ้นอยู่ตามหน้าชายหาด หายากมาก “ต้มกะทิผัดลิ้นห่าน“ ผักลิ้นห่านมีประโยชน์ในการต้านอนุมูลอิสระ ถ้ามาภาคใต้แล้วไม่กินแกงกะทิเขาว่ามาไม่ถึงนะ “แกงพริกปลาดุกทะเล” จานนี้เครื่องแกงพริกจัดจ้านตามสไตล์อาหารใต้ ซึมเข้าเนื้อปลาดุกทะเล อร่อยแบบต้องมีขอเบิ้ลข้าว

  • ธรรมชาติเนรมิตร ทะเลบัวแดง บึงหนองหาน จ.อุดรธานี

    ไปเบิ่ง ธรรมชาติ เนรมิตรทะเลบัวแดง 🌷 เด้อค่า | บึงหนองหาน กุมภวาปี อุดรธานี#แอดเปรี้ยว🍋 ชูวับชูวับ มาแล้วค่า #มื้อหนี่สิพาไปเบิ่งทุ่งบัวแดงก๊ะจังหวัดอุดรเด้อค่า 😊 ธรรมชาติความสวยงามของทะเลดอกบัวแดงที่กว้างสุดลูกหูลูกตา บอกเลยว่าเลอค่าที่สุดค่ะบึงหนองหาน 🌅 ทะเลบัวแดงที่เราไปคือ ที่บึงหนองหานค่ะ ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องบัวแดงจริงๆ #แต่บอกก่อนเลยว่าช่วงพีคคือ #ธันวาถึงมกรา ค่ะ #ถึงแม้ว่าเราจะไปหลงฤดู 😅 แต่ทะเลที่นี่ ก็ไม่ทำให้เราผิดหวังค่ะ ควรไปตั้งแต่เช้า ไปจนถึงประมาณเที่ยงนะคะ ถึงจะเห็นดอกบัวแดงบานสะพรั่งแบบพี่จอยล่ะค่า แหมพี่เต๋อ ฮ่าๆๆ เก๊กถ่ายรูปซักหน่อยค่ะ📱 : เรือที่เรานั่งนั่งจาก ท่าเรือบ้านเดียมค่ะ 📞 : 081-964-5420สำหรับแอดเปรี้ยว 🍋💕 ส่วนตัวชอบไปเที่ยวเชิงธรรมชาติ 🌱 แบบนี้มากค่ะ พี่เต๋อพี่จอยเองก็ชอบ ทริปนี้ชวนน้อง โมนาไปด้วย ถ่ายรูปชิคๆ สวยๆ ได้ทั้งภาพคน ได้ทั้งภาพวิวแบบนี้ล่ะค่ะ 📸ปล. ช่วงที่ควรไปจริงๆ คือ ธันวาคม - กุมภาพันธ์ นะคะ จะได้เห็นดอกบัวแดงแบบ บานเต็มบึงกว่านี้แน่นอนเลยค่ะ ! #แอดเปรี้ยว 

  • ส้มตำบุญรอด แซ่บหล๊ายหลาย

    ตามเปรี้ยวปากไปแซ่บกันที่ร้าน "ส้มตำบุญรอด จ. หนองบัวลำภู" ร้านส้มตำสุดแซ่บ ทั้งแซ่บ ทั้งนัว แล้วไม่ใช่แซ่บแค่ส้มต้มซะด้วย เมนูอื่นก็แซ่บไม่แพ้กัน ไปดูดีกว่าว่ามีเมนูอะไรบ้าง"ตำครูเจี๊ยบ" คล้ายๆตำลาว แต่ใส่เม็ดกระถิน"ตำปูม้า" ทีเด็ดอยู่ที่ปลาร้าทำเองสิ่งที่ต้องทานคู่กับส้มตำแน่ๆคือ "ไก่ย่าง" หมักด้วยเครื่องเทศมาแล้วรสชาติจะเข้าเนื้อ ย่างมาแห้งกำลังดี หนังกรอบ เนื้อชุ่มช่ำ"ปลานิลเผา" ที่ร้านจะมีบ่อปลานิลของตัวเอง เพราะฉะนั้นจะเลือกมาไซส์ใหญ่สะใจเลยทีเดียวใครแวะมาหนองบัวลำภูอย่าลืมแวะมาลองส้มตำแซ่บๆที่ ส้มตำบุญรอด นะคะ

  • ที่พักสุดคลาสสิก Prince Theatre Heritage Stay Bangkok

    วางแพลนไปชิลล่วงหน้ากับที่พักสุดคลาสสิคย่านบางรักอย่าง "Prince Theatre Heritage Stay Bangkok" ที่มีอดีตยาวนานจากโรงบ่อนกลายมาเป็นโรงหนัง Stand Alone อย่างปริ้นซ์รามาเมื่อปี 2460และในปัจจุบันถูกรีโนเวทเป็นที่พักแต่ยังคงความเป็นโรงหนังสุดคลาสสิคเอาไว้ได้อย่างลงตัวที่สำคัญ!!! ย่านบางรักแห่งนี้มีของอร่อยเยอะแยะมากมาย ถ้ามาพักที่โรงแรมก็ไม่ต้องเดินไปไกลสามารถสั่งอาหารเจ้าดังๆย่านบางรักมาทานภายในโรงแรมได้ด้วย"ข้าวขาหมูเทวดา" เจ้าเด็ดเจ้าดังก็สามารถสั่งมาทานได้"โจ๊กปริ๊นซ์" เจ้าดังย่านบางรัก ถ้าใครอยากไปนั่งทานที่ร้านก็สามารถให้ทางโรงแรมพาไปทานได้ หรืออยากจะทานอาหารสไตล์ไหน แนวไหน รสชาติแบบไหนที่อยู่ในย่านบางรักทางโรงแรมมีบริการจัดพาไปทานได้หมดเลย และใครที่จะมาแวะถ่ายรูปเล่นภายในโรงแรมก็สามารถมาแวะทานอาหารทานขนมของโรงแรมที่มีไว้บริการได้อีกด้วย"Show Ticket" ม็อกเทลซิกเนเจอร์ของโรงแรม"Day Light""New York Cheese Cake""Tiramisu"หาเวลาว่างไปพักกายพักใจ ตามรอยเปรี้ยวปากกันนะคะ

  • ต้องมนตร์เสน่ห์ไทยโบราณที่ เดอะ ระวีกัลยา แบงค็อก

    "เดอะ ระวีกัลยา แบงค็อก" ตั้งอยู่ในย่านประวัติศาสตร์ บางขุนพรหม พระนคร บรรยากาศร่มรื่นไปด้วยหลากหลายพันธุ์ไม้และเรือนเก่าแก่ เหมาะแก่การพักผ่อนสุดๆ ห้องพักของที่นี่ออกแบบอย่างพิถีพิถัน ตกแต่งด้วยงานศิลปทั้งไทยเดิมและร่วมสมัย สิ่งก่อสร้างต่างๆก็คงวิถีดั้งเดิมสมัยรัชการที่ 6 เอาไว้ สวยงามคลาสสิคจริงๆที่นี่ยังมีสวนผักออแกนิค ให้ผู้มาพักเข้ามาเก็บผักแล้วนำไปปรุงอาหารได้อีกด้วย ถือเป็นกิจกรรมสนุกๆที่สามารถชวนเด็กๆมาทำร่วมกันได้ น่ารักมากๆเลย อาหารของที่นี่ก็ไม่ธรรมดา เพราะอาหารทุกอย่างเป็นแบบไทยชาววังตั้งแต่ต้นสมัยรัชกาลที่ 6 มีความปราณีตและหลายเมนูหาทานได้ยากแล้วในปัจจุบัน"ยำทวาย" น้ำยำใช้กะทิสดและเครื่องแกงที่โขลกเองผัดจนแตกมัน"ม้าฮ่อ" ใช้สับปะรด ไส้จะคล้ายๆกับสาคู ถือเป็นเมนูที่หาทานได้ยากแล้วในปัจจุบัน"หมี่กรอบ" ทานแล้วสดชื่นแน่นอนเพราะผสมผิวของสมซ่าด้วย"ขนมจีนซาวน้ำ" สูตรเด็ดอยู่ที่แจงลอน หรือลูกชิ้นปลากรายนั่นเอง"ส้มฉุน" นำผลไม้ตามฤดูกาลมาลอยแก้ว ความพิเศษจะอยู่ที่น้ำเชื่อมที่ใส่กลิ่นส้มฉุนลงไปด้วย ทานคู่กับหอมเจียว"ขนมเหนียว" วิธีการทานคือคลุกทุกอย่างเข้าด้วยกัน จะมีทั้งน้ำตาลโตนด น้ำตาลเกลืองาขาว และข้าวตังกรอบ

  • ไป Feel Good อิ่มอร่อยกลางทุ่งนาสวยๆที่ Brandnew Field Good

    หลายๆคนคงเคยเห็นบรรยากาศของร้าน "Brandnew Field Good" กันแล้วจากคลิปงานแต่งสวยๆของ "เป๊ก เปรมณัช" และ "นิว นภัสสร" สถานที่จัดงานแต่งก็ไม่ธรรมดา เนรมิตทุ่งนาจนกลายเป็นงานแต่งสวยๆ หลังจากนั้นจึงเปิดเป็นร้านอาหารบรรกาศดีที่ให้ความรู้สึก Feel Good สมชื่อแค่ทางเดินเข้าร้านก็สวยจนต้องขอยกกล้องมาถ่ายรูปรัวๆ จุดเด่นอยู่ที่ "สะพานไม้ไผ่" ที่ทอดยาวตั้งแต่ปากทางเข้าไปจนถึงตัวร้าน มีเสน่ห์สุดๆจนใครที่มาก็ต้องแวะถ่ายรูปเก็บไว้ เดินเข้ามาถึงในตัวร้านแล้วขอสั่งอาหารเหนือมาทานสักหน่อย เพราะอยากลองชิมอาหารเหนือแท้ๆสูตรคุณแม่ของสาวเหนืออย่างนิว นภัสสร"ขนมจีนน้ำเงี้ยว" สูตรแท้ๆจากคุณแม่ของนิว นภัสสร ยืนยันความอร่อยด้วยเครื่องแกงที่ตำเองกับมือ"แกงเห็ดถอบ" เห็ดถอบมีเฉพาะฤดูฝน ปรุงตามแบบฉบับพื้นเมืองเหนือแท้ๆ ลำแต๊ๆ "ไก่ต้มขมิ้นใบโหระพา" ใช้เนื้อไก่ส่วนสะโพก เนื้อนุ่มกำลังดี รสชาติเปรี้ยวๆ ทั้งเผ็ดทั้งแซ่บ"ซาโยเต้ไก่กรอบ""ผัดไทยกลางทุ่ง""ผัดผักกูดใส่จิ้นส้ม""ข้าวเหนียวมะม่วง"ที่นี่ไม่ได้มีแค่ร้านอาหาร แต่ยังมีที่พักสวยๆอย่าง "บ้านไก่โห่" ไก่โห่สมชื่อจริงๆ เพราะมีไก่เดินต๊อกแต๊กกันทั้งวัน แต่ก็ส่งเสียงกันน่ารักๆตามประสาไก่ ใครอยากไปสโลว์ไลฟ์พักจิตใจให้สงบที่นี่ก็เป็นอีกทางเลือกที่ดีเลยทีเดียว

  • ย้อนรอยออเจ้า เที่ยววัดไทยในอยุธยา: วัดมหาธาตุ l วัดไชยวัฒนาราม

    เปรี้ยวปากพามาย้อนรอยออเจ้าเที่ยววัดที่ "อยุธยาเมืองมรดกโลก" มาเริ่มชื่นชมความงดงามของวัดวาอารามกันที่ "วัดมหาธาตุ" ในสมัยที่อยุธยาเจริญรุ่งเรืองได้เป็นที่ประดิษฐานของพระบรมสารีริกธาตุและเป็นศูนย์กลางทางศาสนาในยุคนั้นวัดมหาธาตุยังเป็น "วัดที่มีเศียรพระพุทธรูปในต้นไม้" คาดว่าเศียรพระพุทธรูปเป็นศิลปะในสมัยอยุธยาที่ตกลงมาในสมัยที่เสียกรุงหลังจากนั้นก็มีรากไม้เข้ามาปกคลุมเกิดเป็นความงดงามของสถาปัตยกรรมโบราณและธรรมชาติ แม้จะถูกทำลายไปในช่วงเสียกรุงครั้งที่ 2 แต่ยังคงความงดงามไว้ไม่มีเปลี่ยนแปลง และภายในวัดยังมี "เจดีย์ทรงแปดเหลี่ยม" เป็นเจดีย์ลดหลั่นกัน 4 ชั้น 8 เหลี่ยม ชั้นบนสุดประดิษฐานปรางค์ขนาดเล็ก ซึ่งมีเพียงองค์เดียวเท่านั้นในอยุธยามาชื่นชมความงดงามของวัดกันต่อที่ "วัดไชยวัฒนาราม" เป็นสถานที่ถ่ายทำละครเรื่องบุพเพสันนิวาสใส่ชุดไทยถ่ายรูปสวยๆ ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่ห้ามพลาดวัดไชยวัฒนาราม ถือเป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองสร้างขึ้นสมัยพระเจ้าปราสาททองเพื่ออุทิศผลบุญให้กับพระราชมารดา รวมถึงเป็นการแสดงชัยชนะที่มีเหนือนครละแวก

  • 3 เฮง ข้าวผัดปูไฟลุก

    "3 เฮง ข้าวผัดปู"  ร้านอร่อยย่านพัฒนาการที่เปิดโดย 3 หนุ่มคนรุ่นใหม่ที่อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง โดยที่ 2 หนุ่มนั้นจบทางด้านอาหาร ส่วนอีกหนึ่งหนุ่มจบด้านบริหารแค่ชื่อร้านก็เป็นข้าวผัดปูแน่นอนว่าทีเด็ดต้องอยู่ที่ "ข้าวผัดปู" ทางร้านพิถีพิถันตั้งแต่การเลือกข้าว การคุมไฟเพื่อให้ได้ข้าวที่หอมกลิ่นกระทะนิดๆ เนื้อปูนี่ก็ยังได้กันเป็นก้อนๆ ที่สำคัญมาในราคาเพียง 45 บาทเท่านั้น!!!อีกหนึ่งเมนูเด็ดที่ไม่แพ้ข้าวผัดปูนั่นก็คือ "กระเพาะปลา" (50 บาท) ใช้ซอสสูตรพิเศษในการปรุง ทำสดใหม่ที่ละชาม"ผัดหมี่ฮ่องกง" (50 บาท) ผัดหมี่กับซอสสูตรพิเศษของทางร้าน ใช้ไฟแรงในการผัดให้หมี่นั้นแห้งโดยที่ไม่ต้องใช้น้ำมัน เพราะฉะนั้นผัดหมี่ของทางร้านจะอร่อยโดยที่ไม่มันมากแต่ละจานราคาน่ารักซะจริงๆ จัดไปหลายจานขนาดนี้ รับรองว่าอิ่มกันได้ในราคาสบายกระเป๋าแน่นอน!

  • ร้านคลังสวน อาหารใต้หรอยอย่างแรง

    มาหรอยอย่างแรงกับอาหารใต้สูตรเด็ดส่งตรงจาก อ.หลังสวน จ.ชุมพร ที่ "ร้านคลังสวน" ทั้งการตกแต่งร้านและรสชาติอาหารที่ผสมผสานความเป็นปักษ์ใต้และโมเดิร์นเอาไว้ได้อย่างลงตัว แต่รับรองว่ารสชาติอาหารไม่ทิ้งความแซ่บของอาหารใต้แน่นอน"เมี่ยงปลากระเบน" คนใต้นิยมทานกันกับใบชะพลู"สะตอข้าวผัดกะปิกุ้ง" ใช้สะตอข้าวที่เม็ดเล็กและมันกว่าสะตอทั่วไปมาผัดกับกะปิหอมๆ"แกงส้มปลาอินทรี" (แกงเหลือง) ปลาอินทรีส่งตรงมาจากอ่าวไทย เนื้อเนียนสวยน่าทาน"คั่วกลิ้งหมูสับ" ทางร้านจะคั่วพริกแกงบนเตาถ่านให้หอมเครื่องแกง"ผัดเนื้อคลังสวน" เนื้อจะนุ่มและช่ำมากเพราะทางร้านเอาเนื้อไปเคี่ยวนานหลายชั่วโมงกว่าจะนำมาผัด"ข้าวยำสมุนไพร" เมนูพิเศษทำเฉพาะเสาร์-อาทิตย์เท่านั้น!!! 

  • โอชาม ข้าวต้มแห้งสูตรโบราณที่ควรไปลอง

    "ร้านโอชาม ข้าวต้มแห้งเอกมัย" ร้านข้าวต้มแห้งสูตรโบราณที่ตกทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นจนกลายมาเป็นร้านอาหารสุดฮิต ทุกชามราดด้วยซอสสูตรเข้มข้นจากหมูบะเต็ง โปะด้วยเครื่องแน่นๆทั้งซีฟู้ด หมูบะเต็ง หมูสับ หมูสันใน เสิร์ฟพร้อมซุปอีกคนละถ้วยกับน้ำจิ้มซีฟู้ดและเต้าเจี้ยวเพิ่มความแซ่บ"ข้าวต้มแห้งทะเล""ข้าวต้มแห้งปลาเก๋า" จัดมาชิ้นใหญ่ สด ไม่คาว"ข้าวต้มแห้งหมูเครื่องใน""ปอเปี๊ยะไส้เผือก"

  • เฮือนกาฬสินธุ์ อาหารอีสานแซ่บหลาย

    "เฮือนกาฬสินธุ์-สวนดอนธรรม" เป็นรีสอร์ทกลางท้องทุ่งในบรรยากาศหมู่บ้านอีสาน สัมผัสได้ถึงกลิ่นไอของความเป็นอีสานได้อย่างชัดเจนจากสไตล์การตกแต่งร้าน และยังมี "สวนอาหารเฮือนดวงจำปา" ที่มีอาหารขึ้นชื่อทุกอย่างในกาฬสินธุ์ ร้านอาหารบรรยากาศดี ล้อมรอบด้วยต้นไม้ มานั่งรับลมเย็นๆ สูดอากาศบริสุทธิ์บนเรือนไทยพร้อมทานอาหารอร่อยๆในสไตล์อีสานแท้ๆ"กุ้งเผา" มันกุ้งเยิ้มๆ ทานคู่กับน้ำจิ้มแซ่บๆ เมนูซิกเนเจอร์ของทางร้าน"ซุปหน่อไม้อีสาน" ปกติจะใส่เป็นข้าวคั่ว แต่ที่นี่จะใช้เป็นน้ำข้าวเหนียวหมัก เข้มข้น นัวแซ่บถึงรสอีสาน"ต้มปลาช่อนใส่ไข่มดแดงและผักติ้ว" เนื้อปลาช่อนชิ้นใหญ่ๆ แซ่บเต็มคำ แถมยังหอมเครื่องสมุนไพรมาก"ป่นปลาช่อน" คล้ายๆกับน้ำพริก ทานคู่กับผักได้เลย

  • ล่องเล สปาโคลน ชิมซีฟู้ดกลางอ่าว

    โดดขึ้นเรือตามเปรี้ยวปากไปเที่ยวแบบใกล้ชิดธรรมชาติ สัมผัสวิถีชีวิตชาวบ้านชุมชนบ้านแหลม อ.ท่าศาลา กิจกรรมวันนี้มีทั้งล่องเรือ จิบกาแฟ ชิมอาหารท้องถิ่นบนเรือ ต่อด้วยปิ้งย่างซีฟู้ดสดๆกลางทะเล และห้ามพลาดกับ สปาโคลน กลางทะเล จากธรรมชาติ ทำแล้วผิวเนียน เด้งดึ๋งล่องเรือชมธรรมชาติ จิบกาแฟ ทานอาหารเช้าแบบท้องถิ่นบนเรืออย่าง "ข้าวมันแกงห่อใบตอง" ล้างปากด้วยของหวาน "ข้าวเหนียวหน้ากุ้ง" ไปจับซีฟู้ดกลางทะเลแล้วย่างกินกันสดๆบนเรือ ด้วยความสด เนื้อจะเด้ง หวาน อร่อย ยิ่งกินกับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเด็ด รับรองว่าแซ่บแวะเก็บ "ใบโกงกาง" จะเอาไปลวกกะทิหรือชุบแป้งทอดก็อร่อยและแล้วก็มาถึงไฮไลท์เด็ด "สปาโคลนบำรุงผิวจากธรรมชาติ" โคลนเนื้อนิ่มละเอียด ช่วยผลัดเซลล์ผิวหนังกำพร้าให้ผิวเนียนนุ่ม ถือเป็นการบำบัดจากธรรมชาติ

  • ชุมชนบ้านแหลม ที่เดียวจบครบ ช้อป ชิม ชิล

    ตามเปรี้ยวปากมาสัมผัสวิถีชีวิตชาวบ้าน "ชุมชนบ้านแหลม" ชุมชนเล็กๆทางภาคใต้ที่มีวิถีชีวิตเรียบง่ายแต่ซ่อนอะไรไว้มากมาย ปั่นจักรยานเที่ยวชมรอบชุมชนและเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆกับชาวบ้านทำให้เราได้ซึมซับวิถีชีวิตอันเรียบง่ายไม่ซับซ้อนและมีเอกลักษณ์ปั่นจักรยานชิวๆรอบหมู่บ้านแล้วแวะกิน "ขนมปะดา" ขนมพื้นเมืองภาคใต้ รูปร่างคล้ายโดนัท รสชาติหวานๆเผ็ดๆ นิยมทานคู่กับกาแฟชิมขนมพื้นเมืองไปแล้วต้องต่อด้วย "น้ำมัลเบอร์รี่ปั่น" เพื่อเพิ่มความสดชื่น รสชาติหวานอมเปรี้ยว ยิ่งดื่มตอนอากาศร้อนๆ รับรองสดชื่นปั่นจักรยานต่อมาอีกสักหน่อย มาแวะซื้อเครื่องแกงจากฝีมือชาวบ้านทั้งเครื่องแกงส้มใต้, เครื่องแกงกะทิ และอีกหลากหลายเครื่องแกง ผลิตภัณฑ์จากกลุ่มพริกแกงมุสลิมะฮ์ ที่ตั้ง: ชุมชนบ้านแหลม อ.ท่าศาลา โทร: 08-9594-0688มาลองทำ "แกงส้มปลากระบอกยอดมะพร้าวใส่มะม่วงเบา" จากเครื่องแกงของกลุ่มพริกแกงมุสลิมะฮ์ แวะพักทานอาหารพื้นเมืองและซีฟู้ดสดๆกัน ด้วยความสดใหม่ของซีฟู้ด เนื้อจะแน่น หวาน อร่อย จิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ดสักนิด แซ่บแน่นอน"ใบโกงกางชุบแป้งทอด""ผัดสะตอใส่กุ้ง""แกงส้มปลากระบอกยอดมะพร้าวใส่มะม่วงเบา"อิ่มท้องเรียบร้อยมาซื้อผลิตภัณฑ์จากฝีมือชาวบ้านกันต่อ เริ่มด้วยชาวบ้านจากกลุ่มผลิตภัณฑ์หางอวนที่ใช้ทักษะการสานอวนมาทำเป็นหมวก กระเป๋า เพื่อสร้างรายได้ และยังมีเสื้อผ้า สบู่โคลน ให้ช้อปอีกมากมาย ผลิตภัณฑ์จากกลุ่ม ผลิตภัณฑ์หางอวน ที่ตั้ง: ชุมชนบ้านแหลม อ.ท่าศาลา โทร: 08-6593-5157

  • ร่วมสัมผัสวิถีชีวิตชาวผู้ไทย หมู่บ้านวัฒนธรรมผู้ไทยบ้านโคกโก่ง

    เดินทางไปสัมผัสวิถีชีวิตชาวผู้ไทยที่ "หมู่บ้านวัฒนธรรมผู้ไทยบ้านโคกโก่ง จ.กาฬสินธุ์" เข้าร่วมประเพณีและกิจกรรมอันหลากหลายกับชาวบ้านทั้งนั่งรถอีแต๊กชมท้องทุ่งนา , เข้าร่วมประเพณีบายศรีสู่ขวัญ , ชมการแสดงพื้นบ้านจากกลุ่มเยาวชน , เรียนรู้วิถีชีวิตผ่านกิจกรรมภายในหมู่บ้าน แล้วทุกคนจะหลงรักวิถีชีวิตชาวบ้านโคกโก่งเริ่มต้นด้วยกิจกรรมเรียกขวัญกำลังใจของผู้มาเยือน ผ่านประเพณีบายศรีสู่ขวัญโดยผู้เฒ่าประจำหมู่บ้านมาถึง "หมู่บ้านวัฒนธรรมผู้ไทยโคกโก่ง" ทั้งทีต้องมาลองแต่งชุดของชาวผู้ไทยที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว นุ่งผ้าซิ่น ผ้าแดงโผกหัว ห่มสไบเฉียง จากฝีมือกลุ่มเย็บจักรปักมือก่อนจะเริ่มไปทำอาหารต้องมาหาวัตถุดิบกันก่อน เริ่มจากแหย่ไข่มดแดง และ จับปูนา ด้วยตัวเองมาขอเป็นลูกมือทำอาหารท้องถิ่นกับพ่อๆแม่ๆชาวผู้ไทยโดยใช้วัตถุดิบที่หามาได้เปิบกับข้าวเหนียว รับรองแซ่บหลาย"แกงไก่ใส่หวาย" "ก้อยไข่มดส้ม""แกงผักหวานใส่ไข่มดส้ม" "ป่นกะปู๋"

  • ขนมฉัน คาเฟ่ขนมไทยสุดเก๋บนดาดฟ้ากลางกรุง

    ถ้าพูดถึงคาเฟ่หลายๆคนคงนึกถึงเบเกอรี่และขนมปัง แต่ขนมไทยก็อร่อยไม่แพ้กันจนมีคาเฟ่ขนมไทยสุดชิคย่านบางลำพูอย่าง "ขนมฉัน" ที่นำเสนอขนมไทยได้อย่างแตกต่างและน่าสนใจแค่ก้าวเท้าเข้ามาภายในร้านก็รู้สึกถึงความเป็นไทยของร้านที่เป็นบรรยากาศของบ้านเรือนไทย เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งภายในร้านเป็นสไตล์ไทยทั้งหมด กลิ่นอายภายในร้านจะเป็นกลิ่นหอมอ่อนๆของขนมไทย และยังมีอีกหนึ่งมุมฮิตที่ต้องมาถ่ายรูปคือส่วนของดาดฟ้าที่จะเห็นวิวเมืองเก่าย่านบางลำพูคาเฟ่นี้เน้นเสิร์ฟความหลากหลายของขนมไทยแบบต้นตำรับที่ "คุณบิ๊ว ณัฐพล แสนจินดา" เจ้าของร้าน "ขนมฉัน" ได้นำสูตรขนมไทยมาจากคุณแม่ เจ้าของร้านขนมไทยชื่อดังแห่งดิโอลด์สยามมาปรับให้ร่วมสมัยเข้ากับคนรุ่นใหม่มากขึ้น เมนูของทางร้านจะทำวันต่อวันและไม่ใส่วัตถุกันเสีย"ครองแครงน้ำกะทิ""ไอศกรีมขนมไข่ทองม้วนกรอบ" ทานทุกอย่างรวมกันแล้วรู้สึกสดชื่น "ขนมครกชาววัง" แป้งกรอบ มี 7 ไส้ "ทองม้วนสด" แป้งเหนียมนุ่ม รสชาติหวานหอมทางร้านไม่ได้มีเพียงเมนูขนมหวานแต่ยังมีอาหารคาวให้เลือกทานอีกด้วย ใครอยากชมวิวดาดฟ้ารับลมเย็นๆย่านบางลำพูมาได้ที่ร้าน "ขนมฉัน" ชั้น 5 ตึกชนะการแพทย์

  • ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ อร่อยไปกับสารพัดเมนูเห็ด

    "ร้านฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ" อร่อยไปกับสารพัดเมนูเห็ด มานั่งทานกันเพลินๆท่ามกลางวิวทุ่งนาสีเขียวขจี แถมอากาศก็ดี มีต้นไม้น้อยใหญ่เต็มไปหมด ได้บรรยากาศร่มรื่น สูดอากาศสดชื่นกันได้แบบเต็มปอดเลยทีเดียวแต่ก่อนที่ร้านเป็นฟาร์มเห็ดตอนนี้มีร้านอาหารเพิ่มเข้ามาจึงนำเอาเห็ดที่ปลูกมาทำหลากหลายเมนูเห็ดที่อร่อยและยังได้สุขภาพให้เราได้ทานกัน แต่ละเมนูบอกเลยว่าอร่อยเด็ดสุดๆ ราคาก็ไม่แพง ผงชูรสก็ไม่ใส่"พิซซ่าเห็ด" เมนูเด็ดของทางร้าน พิซซ่าแป้งบาง มีทั้งเห็ดเข็มทอง เห็ดหอม ใส่ด้วยชีสเยิ้มๆ"ยำเห็ดน้ำปู๋ หรือยำหน่อไม้" แต่ร้านจะใช้เห็ดแทนหน่อไม้ และทีเด็ดอยู่ที่น้ำปู๋หรือน้ำปู นั่นเอง"ไข่ป่ามเห็ด" คล้ายๆกับไข่เจียวแต่ย่างใส่ใบตองแทนการทอด จะมีกลิ่นหอม"แกงเห็ดใส่ใบย่านาง""ไส้อั่วเห็ด"นอกจากอาหารอร่อยๆแล้วยังมีวิวสวยๆให้เช็คอินและถ่ายรูปกันด้วย โดยเฉพาะเจ้า ชิงช้าไม้ กับ วิวทุ่งนา ที่ยังไงก็ควรถ่ายรูปเก็บไว้ในอัลบั้ม

  • ตื่นตาไปกับประวัติอันยาวนานของภาพยนตร์ที่หอภาพยนตร์

    หอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) ที่ศาลายา เป็นแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย ที่เก็บรักษาดูแลสิ่งของที่เกี่ยวกับฟิล์มภาพยนตร์ไทยเก่าๆตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ภายในหอภาพยนตร์มีจัดแสดงเมืองจำลอง ชื่อว่า "เมืองมายา" เป็นนิทรรศการกลางแจ้งที่รวมสถานที่สำคัญในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ไทยและโลกเอาไว้ ทั้งมงคลบริษัท สถานีรถไฟศินิมา ร้านถ้ำมอง คิเนโตสโคป กร็องด์ คาเฟ่ เป็นต้น"มงคลบริษัท" อาคารไม้สีแดง เป็นที่ติดต่อสอบถามข้อมูล ลงทะเบียนเข้าเยี่ยมชมสถานที่ และ ขายสินค้าที่ระลึก จำลองอุปกรณ์การถ่ายหนัง"โรงถ่ายภาพยนตร์เสียงศรีกรุง" อาคารสีเหลืองขนาดใหญ่ ด้านหน้ามีรูปหล่อจำลอง พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าทองแถมถวัลยวงศ์ กรมหลวงสรรพสาตรศุภกิจ หรือ พระบิดาแห่งภาพยนต์สยาม โรงถ่ายภาพยนตร์เสียงกรุงศรีเป็นกิจการแห่งเดียวที่สร้าง "หนังพูด" อัดเสียงลงฟิล์มขณะถ่ายทำพร้อมกัน ของ มานิต วสุวัต เจ้าของโรงถ่ายภาพยนตร์มาตรฐานสากลแห่งแรกของไทย ซึ่งได้ฉายา "ฮอลลีวู้ดเมืองไทย""สถานีรถไฟศินิม่า" เป็นการจำลองความเกี่ยวข้องของภาพยนตร์ไทยกับการรถไฟในอดีต ด้วยหัวจักรไอน้ำ โมกุล ซี 56 หมายเลข 738 ซึ่งเป็นหนึ่งใน หัวรถไฟที่ผลิตจากญี่ปุ่น เพื่อนำมาใช้ในสมัยสงครามโลกในไทยเวลาเปิด-ปิดโซนเมืองมายา โซนเมืองมายา และพิพิธภัณฑ์ภาพยนตร์ไทย เปิดให้บริการในวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่ 10.00-17.00 น. อีกจุดน่าสนใจคือ "โรงหนังตู้" หรือ "หนังถ้ำมอง" หนังสั้นที่ในอดีตได้รับความนิยมจนต้องต่อคิวดู และยังเป็นต้นแบบของภาพยนตร์ในโลกอีกด้วยเวลาเปิด-ปิดโซนต่างๆของหอภาพยนตร์ห้องสมุด วันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 09.00-17.00 น. พิพิธภัณฑ์ วันเสาร์ - อาทิตย์ และ วันหยุดนักขัตฤกษ์ วันละ 3 รอบ เวลา 10.00 น. 13.00 น. และ 15.00 น. โรงภาพยนตร์ วันจันทร์ - ศุกร์เวลา 17.30 น. วันเสาร์ - อาทิตย์ เวลา 13.00 น. 15.00 น. และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 13.00 น. 

  • ขนมโบราณตำรับชาววัง ขนมแป้งสิบ คุณกบ

    ขนมแป้งสิบหรือปั้นขลิบ จากร้าน "ขนมแป้งสิบคุณกบ" ขนมไทยตำรับชาววัง สูตรดั้งเดิมจากห้องเครื่องสมัย ร.5 สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นจนเกือบ 100 ปีแล้ว ทั้งรสชาติ ความละเมียดละไมในการทำ เรียกว่าเป็นตำรับจากชาววังจริงๆ ขนมแป้งสิบเป็นขนมโบราณที่หาทานได้ยากในปัจจุบัน ใครที่ยังไม่เคยลองต้องไปลิ้มลองกันสักครั้งในชีวิตแล้วละ มีทั้งไส้ปลา ไส้ไก่ และขนมไทยโบราณอีกหลายอย่าง เมนูเด็ด "ขนมแป้งสิบนึ่ง" (ร้อยละ 600 บาท)"ขนมแป้งสิบทอด" (ร้อยละ 600 บาท)"ขนมปังหน้าหมู" (ร้อยละ 500 บาท)"ปอเปี๊ยะทอด" (ร้อยละ 700 บาท)"ข้าวตังหน้าตั้ง" (โลละ 600 บาท)"สาคู" (ร้อยละ 500 บาท)"ถุงทอง" (ร้อยละ 700 บาท)"วุ้นกะทิ" (ร้อยละ 300 บาท)"เมี่ยงลาว" (ร้อยละ 600 บาท)

  • ทานอาหารไทยโบราณระดับมิชลินสตาร์ Chim by Siam Wisdom

    "Chim by Siam Wisdom" อาหารไทยมิชลินสตาร์ระดับ 1 ดาว โดยฝีมือของ “เชฟหนุ่ม ธนินธร” ที่จะพาทุกคนดื่มด่ำไปกับอาหารไทยโบราณด้วยวัตถุดิบที่สดใหม่ และพิเศษเฉพาะเดือนพฤศจิกายนนี้จะเป็นเมนูสไตล์ไทยอีสานซึ่งวัตถุดิบหลักคือ ไก่เบญจา เป็นไก่ที่เลี้ยงด้วยข้าวกล้อง เนื้อจะนุ่ม ชุ่มฉ่ำ และหอมกว่าไก่ทั่วไป ร้านเป็นบ้านทรงไทยที่ถูกดัดแปลงมาเป็นร้านอาหาร ทั้งงดงามและคงกลิ่นอายความเป็นไทยไว้ได้อย่างลงตัว และเข้ากันได้ดีกับอาหารไทยโบราณที่จะมาเสิร์ฟนี้อีกด้วยเมนูเด็ด "กุ้งโสร่ง" กุ้งพันหมี่ทอดกรอบ "สะโพกไก่เบญจารมควันกับน้ำจิ้มแจ่วสไตล์อีสาน" นำเนื้อน่องติดสะโพกมาย่างและรมควันด้วยฟางทานคู่กับน้ำจิ้มแจ่ว "ไก่เบญจาต้มกะทิกับใบมะขามอ่อนและไข่มดแดงนอกฤดู" ความเปรี้ยวได้จากใบมะขามและความมันจากไข่มดแดง "ไก่ม้วนเบญจาแช่เหล้าโรง" นำไก่ส่วนน่องติดสะโพกไปหมักแช่เหล้าโรงข้ามคืนแล้วนำไปซูวีให้สุก "ต้มยำปลาช่อนโบราณ (ร.ศ.109)" สูตรจากรัชกาลที่ 2 ที่หาทานได้ยากในปัจจุบัน

  • BATT Tempura เทมปุระสไตล์ฮิปๆใช้วัตถุดิบไทยแท้ 100%

    ตลาดน้อย ย่านฮิปๆที่มีร้านเก๋ๆอย่าง "BATT Tempura" แค่เข้าไปภายในร้านก็ตื่นตาไปกับการตกแต่งร้านแนวสตรีทด้วยไฟนีออนเท่ๆ และยังเสิร์ฟเมนูเทมปุระแป้งบางกรอบที่เลือกใช้วัตถุดิบตามฤดูกาลจากชาวประมงในประเทศไทยนี่เอง! มาดูกันดีกว่าว่ามีเมนูเทมปุระอะไรบ้าง"BATT Tempura Set" ประกอบด้วยผัก 4 อย่าง กุ้งและปลา ที่เปลี่ยนไปตามฤดูกาล "กั้ง Tendon" เมนูที่ไม่ค่อยได้เห็นกันนักแต่รสชาติดี เนื้อแน่น อร่อยเชียวละ! "ปลาปากแตรเทมปุระ" เนื้อมีความใกล้เคียงกับปลาไหล "ปลากะพงแดง"

  • ICONSIAM แลนด์มาร์คแห่งใหม่สุดอลังการ!

    New Destination แห่งใหม่สุดอลังการที่ทั้งฮอตและร้อนแรงแบบที่ใครไม่มาเช็คอินถือว่าพลาดกับ ICONSIAM แลนด์มาร์คแห่งใหม่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ไม่ว่าจะมาเดินช้อปปิ้ง ชมนิทรรศการ หรือหาร้านอร่อยๆทานก็เดินกันได้ทั้งวันแบบไม่มีเบื่อ และที่สำคัญรับรองว่าถ่ายรูปสวยทุกมุมแน่นอนมาเริ่มกันด้วยบริเวณหน้าห้างริมน้ำที่เป็นจุดชมวิวริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่สวยสุดๆ ถือเป็นจุดที่หลายๆคนต้องแวะถ่ายรูปเช็คอินกันก่อนเข้าห้างและบริเวณริมน้ำยังมี "พิพิธภัณฑ์ลอยน้ำแห่งแรกของไทย" หรือ "เรือศรีมหาสมุทร" เทียบท่าอยู่หน้า ICONSIAM อีกด้วย ภายในพิพิธภัณฑ์จะบอกเล่าพระราชประวัติของสมเด็จพระเจ้าตากสินเพื่อร่วมเฉลิมฉลองวาระ 250 ปี แห่งการสถาปนากรุงธนบุรีภายใน ICONSIAM แบ่งออกเป็นโซนต่างๆให้เลือกสรร เริ่มด้วย "โซนTheVeranda" ชั้น G ICONSIAM โซนที่รวมหลากร้านอาหารน่าสนใจมากมาย"ร้านจัมโบ้ ซีฟู้ดส์" ชื่อดังระดับตำนานเปิดมากกว่า 31 ปีแล้ว มีถึง 15 สาขาทั่วเอเชีย และที่ ICONSIAM เป็นสาขาน้องใหม่ล่าสุดส่งตรงมาให้ทุกคนได้ลิ้มลองแบบไม่ต้องไปต่อแถวยาวเหยียดถึงสิงคโปร์ ที่สำคัญน้ำจิ้มรสเด็ดในตำนาน Import มาจากสิงคโปร์ครบทั้ง 12 สูตรอีกด้วยร้าน Jumbo Seafood ชั้น G , Zone ICONLUXE เปิดทุกวันตั้งแต่ 10:00 - 22:00 น. โทร. 099-110-5888 "AWARD-WINNING CHILLI CRAB" เมนูซิกเนเจอร์ ปูยักษ์ใหญ่อลังการ ส่งตรงจากเคนยา เนื้อปูสดและแน่นมาก "STIR FRIED WITH PAPPER AND SPICED SALT DUNGENESS CRAB" ปูยักษ์ผัดซอสพริกเกลือ"SIGNATURE BLACK PEPPER ALASKAN CRAB" ปูอลาสก้าส่งตรงจากรัสเซียผัดซอสพริกไทยดำ"STIR FRIED WITH GOLDEN SALTED EGG CRAB" ปูอลาสก้าผัดซอสไข่เค็ม ร้าน WHITE PLATE BY LOBSTER AND MORE โซนThe Veranda ชั้น G ICONSIAM โทร. 09-5724-7980"โซนสุขสยาม" โซนยอดฮิต เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของ ICONSIAM ที่รวบรวมของอร่อยกว่า 77 จังหวัดมาไว้ในที่เดียว ภายในจะแบ่งออกเป็น 4 โซนตามภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคกลาง ภาคอีสาน และยังมีการจำลองแม่น้ำ มีเรือขายของกันจริงๆด้วย ได้ฟีลของตลาดน้ำสมจริงสุดๆ "ร้านกรุงสยาม" กุ้งแม่น้ำเผาตัวใหญ่ๆ ส่งตรงมาจากอยุธยาทั้งหอม มันเยิ้ม เนื้อแน่นเว่อ โซนสุขสยาม ชั้น G ICONSIAM ใครอยากจะมานั่งชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาในมุมสูงต้องมาที่ "โซนICONDiningRooms" เป็นโซนที่ร้านอาหารทุกร้านในโซนนี้จะมีโซนด้านนอกไว้ชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาแบบชิวๆ

  • เที่ยวสวนบัวอมรรัตน์ บัวยักษ์ยืนได้ ถ่ายรูปได้ ไม่ตกน้ำ!!!

    พิษณุโลกต้องห้ามพลาด จุดนี้มีความน่าตื่นเต้นสุดๆเพราะจะพามา "สวนบัวอมรรัตน์" หรือ สวนบัวยักษ์ ที่หลายๆคนเห็นในโซเชียลแล้วอยากไปลองยืนสักครั้งบัวยักษ์ ต้นกำเนิดในแถบประเทศแอฟริกาแต่ชื่อสายพันธุ์คือ "บัววิคตอเรีย" ภายในมีบัวยักษ์อยู่เต็มไปหมด สวยงามมากๆ มาถึงสวนบัวทั้งทีจะไม่ลองไปยืนบนบัวเดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึง การไปยืนบนบัวยักษ์ไม่ใช่ลงไปเหยียบบนบัวได้เลยแต่จะต้องมีแผ่นไม้รองบนกึ่งกลางใบบัวเพื่อกระจายน้ำหนักและทรงตัว ใบบัวยักษ์ที่สมบูรณ์สามารถรับน้ำหนักได้ถึง 100 กิโลกรัม!!!หากนักท่องเที่ยวสนใจเข้าชมสวนบัว มีค่าบำรุงสวนบัว คนละ 10 บาท หรือใครสนใจลงไปยืนถ่ายรูปบนบัวยักษ์ คนละ 100 บาท

  • ก๋วยเตี๋ยวห้อยขาป้ากฐิน @พิษณุโลก

    เปรี้ยวปากพามาเช็คอินเจ้าตำรับก๋วยเตี๋ยวห้อยขาขนานแท้แห่งเมืองพิษณุโลกที่ "ก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ป้ากฐิน" ร้านเก่าแก่ระดับตำนานเปิดมากว่า 60 ปี "ก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ป้ากฐิน" ถือเป็นเจ้าแรกๆที่เป็นก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ช่วงแรกๆที่เปิดร้านขายอยู่ในแพแต่ทางร้านกลัวว่าลูกค้าจะตกไปในน้ำจึงสร้างที่กั้นขึ้นมา แม้ในปัจจุบันไม่ได้ขายอยู่ในแพแล้วแต่ยังคงกิมมิคห้อยขาเอาไว้ ทุกคนจึงเรียกว่า "ก๋วยเตี๋ยวห้อยขา" สูตรก๋วยเตี๋ยวก็ยังอร่อยเด็ดถึงเครื่องเหมือนเดิม"บะหมี่ต้มยำหมูแดงแห้ง""เส้นเล็กเย็นตาโฟ"

  • หมูทอดจิ้มแจ่ว เด็ดทั้งหมู แซ่บทั้งน้ำจิ้ม

    เดินตามกลิ่นหอมของหมูทอดมาแต่ไกลจนถึงร้าน "หมูทอดจิ้มแจ่ว" ของพ่อค้าแซ่บ บอย พิษณุ หมูทอดก็เด็ด น้ำจิ้มแซ่บๆมีให้เลือก 2 แบบ คือ น้ำจิ้มแจ่วแซ่บสะเดิด และ น้ำจิ้มแจ่วปลาร้าหอม ทานคู่กับข้าวเหนียวร้อนๆคือฟินเมนูเด็ด"เนื้อทอด ""ซี่โครงหมูทอด หมักอย่างดี เนื้อนุ่มติดกระดูก ""หมูไร้มันทอดกระเทียม""หมูสามชั้นทอดน้ำปลา "

  • ทานข้าวแช่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา "บ้านรามัญ"

    เติมความสดชื่นกันด้วยข้าวแช่มอญ กันที่ "บ้านรามัญ" ร้านอาหารมอญพื้นบ้านติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาแถวปทุมธานีขับรถไม่เกิน 1 ชม. ก็ถึง ดื่มด่ำไปกับอาหารอร่อยๆและวิวแม่น้ำสวยๆ รับรองว่าฟินสุดๆเมนูเด็ด "ข้าวแช่มอญ" เมนูคู่หน้าร้อนที่หอมกลิ่นเตาถ่าน "แกงมะตาด" กะทิหอมมันกับเครื่องแกงรสเด็ด "แกงจืดกระเจี๊ยบ""ผัดเผ็ดไข่อ่อน ""น้ำพริกรามัญ" น้ำพริกปลาช่อนหอมปลาร้า

  • คอหมูพระราม5

    Top List ราชพฤกษ์ เปรี้ยวปากจะพาไปร้าน "คอหมูพระราม5" ใครไม่มาลองถือว่าพลาดเพราะมีเชฟมากฝีมืออย่าง "เชฟยีนต์ นกุล" เจ้าของร้านรังสรรค์สารพัดเมนูจากคอหมูย่าง ทางร้านใช้คางหมูหมักและย่างบนเตาจนหอมทานคู่กับน้ำจิ้มที่มีให้เลือกถึง 9 ชนิด และผักหลากหลายชนิดให้เลือกตักมาทานคู่กันเมนูเด็ด "ข้าวคอหมูย่าง ""ข้าวหมูชาชูซาเตี๊ยะ" ได้แรงบันดาลใจมาจากปลาทูซาเตี๊ยะแม่กลอง ตุ๋นหมูนานถึง 3-5 ชม. "แกงรัญจวนเวียงจันทน์ ""ไข่กบ นกปล่อย บัวลอย อ้ายตื้อ" ขนมหวานสุดครีเอทจากเชฟไข่กบ คือ เม็ดแมงลักนกปล่อย คือ ลอดช่องบัวลอย คือ ข้าวต่ออบควันเทียนอ้ายตื้อ คือ ข้าวเหนียวดำ"แคบหมู" ชื้นใหญ่ยักษ์อลังการ

  • ศรีชา เปิดตำนานโป๊ะแตกจากศรีราชากว่า 40 ปี

    จากตำนาน "โป๊ะแตก" ที่ถูกนายอำเภอในสมัยนั้นขอให้ทางร้านทำเมนูแปลกๆจนเกิดเป็นเมนูเด็ดของร้านศรีราชาซีฟู้ดที่อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี จนเกิดเป็นเมนูใหม่ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายจนถึงปัจจุบันนี้แม้ในปัจจุบันร้านศรีราชาซีฟู้ดจะปิดตัวลงไปแล้ว แต่เคล็ดลับความอร่อยนั้นถูกส่งต่อมาจนกลายเป็นร้าน "ศรี'ชา (Sri'Cha)" ที่นำเอาเมนูพื้นบ้านภาคตะวันออกสูตรเด็ดที่สืบทอดมายาวนานกว่า 40 ปี มาเปิดใจกลางเมืองให้ทุกคนได้ลิ้มลองกันร้านศรี'ชา (Sri'Cha) รีโนเวทบ้าน 2 ชั้นย่านใจกลางสาทรให้เหมือนบ้านพักตากอากาศเลียบชายทะเลเน้นโทนสีฟ้าและน้ำเงิน รอบๆร้านเป็นกระจกทำให้ร้านดูโปร่งโล่งสบายตาและยังมีการตกแต่งด้วยภาพเขียนแนวโมเดิร์นอีกด้วยมาเริ่มกันที่เมนูแรก "นางรมพิมรส" ทางร้านนำหอยนางรมสดๆ ลงไปคลุกเคล้ากับซอสศรีราชาทานคู่กับหอมเจียว กระถิน แล้วโปะลงบนขนมปังอบ ต่อด้วยเมนูต้นตำรับของทางร้าน "โป๊ะแตก" เป็นซุปใสอ่อนๆ ซดคล่องคอ "มัสยาลงสรง" หรือต้มยำปลากะพงรสจัดจ้านที่ใช้ความหอมของพริกแห้งบางช้าง"หอยสะอื้น" ใช้หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ผัดกับกระเทียม โหระพา ให้ได้ความเผ็ดร้อนแบบไทยๆ"หมูญวนทรงเครื่อง" ทางร้านนำหมูมาปรุงกับปลาสละเค็มแล้วนำไปทอด "น้ำพริกขี้กา"ใครอยากมาลองอาหารไทยอร่อยๆที่ร้าน "ศรี'ชา (Sri'Cha)" มากันได้ที่ สาทร ซอย 7 หรือจะมาทาง BTS ลงได้ที่สถานช่องนนทรี

  • ครัวครูหมู นั่งทานอาหารพื้นเมืองริมแม่น้ำระยอง

    "ครัวครูหมู" ร้านอาหารกึ่งพิพิธภัณฑ์เล็กๆติดริมแม่น้ำระยอง บรรยากาศสบายๆ ตกแต่งด้วยของเก่า โบราณมากมาย เพราะเป็นบ้านเก่าแก่ของเจ้าเมืองระยองท่านสุดท้าย สร้างไว้เมื่อปี พ.ศ.2475 อาหารก็เป็นแบบพื้นบ้านของจังหวัดระยอง หาทานที่ไหนไม่ได้ รสชาติเด็ดทุกเมนู "ผัดวุ้นเส้นโบราณ" รสชาติกลมกล่อมด้วยเครื่องแน่นๆ หมู หมึก กุ้ง และกระเทียมดอง "แกงระยอง" เป็นอาหารท้องถิ่นหาทานยากมาก ใช้แขนงสับปะรดมาแกงกับหมู รสชาติจะคล้ายแกงป่า "ไข่เจียวโบราณ" ใส่หอมแดง และพริกขี้หนู เน้นไข่เจียวตีฟูๆ กรอบๆ "ผัดพริกแกงปลาอินทรีย์""พล่าสามเกลอ"

  • บัวลอยปิญชาน์ ร้านบัวลอยโฮมเมดเจ้าเด็ดครองใจคนระยองมากกว่า 20 ปี

    "ร้านบัวลอยปิญชาน์" ร้านบัวลอยโฮมเมดสุดครีเอทจากระยองที่นำเอาวัตถุดิบต่างๆมารวมกันได้อย่างลงตัว ตัวบัวลอยทำมือใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติไม่ว่าจะเป็นแครอท, ฟักทอง, มันม่วง, ใบเตย, และอัญชัน น้ำกะทิหอมเข้มข้นไม่หวานมากจนเกินไป มาในราคาเริ่มต้นเพียงแค่ 20 บาทเท่านั้น ราคาเป็นมิตรสุดๆ จากความสดใหม่ของวัตถุดิบและความใส่ใจของเจ้าของร้านทำให้กลายเป็นร้านขนมขวัญใจของชาวระยองนั่นเอง!ทีเด็ดของทางร้านต้องเมนูนี้เลย "บัวลอยไส้ไข่เต่า " ไส้ด้านในคือ ถั่วกวนและเผือกกวน ทานแล้วจะมีความหนึบหนับ อร่อยมัน"บัวลอยทุเรียน" เมนูที่ทั้งหอม มัน ไม่เหมือนใคร"ไอศกรีมบัวลอยครองแครงกะทิสด" ตัวไอศกรีมจะมีความเย็นพอมาเจอกับความร้อนของบัวลอยก็เข้ากันได้อย่างลงตัว  นอกจากเมนูบัวลอยแล้วทางร้านยังทำขนมไทยอื่นๆอีกมากมายมาขาย ไม่ว่าจะเป็นขนมกล้วย มันม่วง ฟักทอง และถั่วแปบ เป็นต้น

  • หลานกลมกิ๊ก ร้านอาหารไทย-ซีฟู้ดแน่นๆแบบจัดเต็ม

    "หลานกลมกิ๊ก" ร้านอาหารไทย-ซีฟู้ดของคู่รักสาวเสียงหวาน เปา-เปาวลี และ หนุ่มเอิร์ธ-กานต์ กิจเจริญ ลูกชายซูโม่กิ๊ก ที่หลงรักในการทำอาหารจึงมาเปิดร้านร่วมกันอาหารส่วนใหญ่จะเน้นซีฟู้ดที่สดใหม่ เนื้อแน่น และสูตรลับความอร่อยของหนุ่มเอิร์ธที่คิดข้นขึ้นมาเอง อร่อยกลมกล่อม รสชาติจัดจ้านแบบไทยแท้ "กุ้งอบวุ้นเส้น" ใช้น้ำสต็อกสูตรพิเศษของหนุ่มเอิร์ธอบกับวุ้นเส้นจนได้ที่"ทอดมันหัวปลี" ใช้เฉพาะใจกลางของหัวปลีเอามาคลุกเครื่องเทศแล้วนำไปทอด ทั้งกรอบและหอมมาก "กลมกิ๊กกะเพราถาดไข่ข้น" ซีฟู้ดกะเพราถาดท็อปด้วยไข่ข้นนุ่มละมุนลิ้น"หมึกผัดผงกะหรี่" ปลาหมึกนุ่ม รสชาติเข้มข้นถึงเครื่อง"กุ้งแม่น้ำเผา Super Big" ทางร้านนำเข้ากุ้งมาจากอินเดีย ไซส์ใหญ่ ยักษ์ เนื้อเด้งตามมาอิ่มอร่อยกับซีฟู้ดแน่นๆได้ที่ร้าน "หลานกลมกิ๊ก" ถนนสุคนธสวัสดิ์ ติดโรงเรียนอนุบาลโชคชัย รอบเช้าเปิดตั้งแต่เวลา 11.00-14.30 น. รอบเย็นเปิดตั้งแต่เวลา 17.30-22.00 น.

  • ก.พานิช ข้าวเหนียวมะม่วงหวานฉ่ำ หอมกลิ่นกะทิ

    "ก.พานิช" ร้านข้าวเหนียวมะม่วงเจ้าดัง ทั้งหวาน มัน ฉ่ำน้ำกะทิ การันตีความอร่อยที่มีมาเกือบ 100 ปี! ด้วยสูตรลับของครอบครัวที่สืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่น โดยเฉพาะตัวข้าวเหนียวมูนที่สุกนุ่มพอดี รสชาติกลมกล่อม ทานกับมะม่วงเนื้อสุกกำลังดี ราดตามด้วยน้ำกระทิเพิ่มความชุ่มฉ่ำอิ่ม ฟิน กับข้าวเหนียวมะม่วงได้ที่ร้าน "ก.พานิช" ใกล้ศาลเจ้าพ่อเสือ ถนนตะนาว เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 7.00-18.00 น. (ร้านปิดทุกวันอาทิตย์เฉพาะเดือนมิถุนายน-ธันวาคม) 

  • ร้านอาหารบ้านหมอมี อาหารไทยโบราณ ตำนานที่มีชีวิต

    เปรี้ยวปากขอพามาอร่อยแบบไทยๆกันที่ "ร้านอาหารบ้านหมอมี" ร้านอาหารไทยสูตรโบราณที่หาทานได้ยากในปัจจุบัน หลายคนคงคุ้นเคยกับชื่อ 'น้ำยาอุทัยหมอมี' หรือ 'หมอมี' ทายาทผู้สืบทอดบ้านสุวรรณเวศม แม้เวลาจะผ่านมากว่าหนึ่งศตวรรษสถาปัตยกรรม และบรรยากาศของบ้านยังคงกลิ่นไอย้อนยุคเอาไว้ได้เป็นอย่างดีจาก 'บ้านสุวรรณเวศม' สู่ร้านอาหารบ้านหมอมี ภายในร้านไม่ได้เป็นเพียงร้านอาหารเท่านั้นแต่ยังมีเรื่องราว ประวัติศาสตร์ ตำนานเชิงพิพิธภัณฑ์ของหมอมีอีกมากมาย สามารถเข้ามาสัมผัสถึงกลิ่นไอความเป็นไทยและร่วมร่ำลึกถึงห้วงอดีตกาลได้ที่บ้านหมอมี และที่ร้านอาหารบ้านหมอมียังมีอาหารไทยโบราณอีกมากมายให้ทุกคนได้มาชิมกัน "ข้าวแช่บ้านหมอมี" จัดเครื่องมาแน่นมาก ไม่ว่าจะเนื้อฝอย, หมูฝอย และปลาหวาน ที่สำคัญขายข้าวแช่ขายตลอดทั้งปีเลย!"หมี่กะทิ" พิเศษสุดคือตัวหมี่ผสมน้ำยาอุทัยเข้าไปด้วย "ปลากะพงทอดตะไคร้""แกงจีนจ๊วนไก่" รสชาติเปรี้ยวนิดๆ มีกะทิ คล้ายๆมัสมั่น"มะม่วงหาวมะนาวโห่ลอยแก้ว"

  • น๊อตโตะ ยำปากบาน ยำยั่วๆ แซ่บ เผ็ด นัวสุด

    ช่วงนี้ร้านยำแซ่บๆฮอตฮิตเหลือเกินในโลกโซเชียล เปรี้ยวปากเลยขอพาไปอัพเดทความแซ่บกันที่ร้าน "น๊อตโตะ ยำปากบาน" ยำยั่วๆ แซ่บ เผ็ด นัว ที่จังหวัดจันทบุรี แซ่บทั้งยำแซ่บทั้งแม่ค้ากันไปเลยมีเมนูหลากหลายให้เลือก น้ำยำที่ใช้ก็ต่างกันยำกันชามต่อชาม ของทะเลที่ใช้รับมาวันต่อวันขึ้นจากเรือก็มาส่งถึงร้านเลยรับรองว่าสดใหม่แน่นอน ความแซ่บไม่ต้องพูดถึงแค่เห็นก็น้ำลายสอกันแล้วละ แต่ถ้าใครอยากทานต้องรีบมารับบัตรคิวกันหน่อยเพราะแค่เปิดร้านแปบเดียวก็รับบัตรคิวกันไปหลายคิวแล้วละเมนูซิกเนเจอร์ของร้านต้อง "ยำปากบาน" ชามใหญ่ยักษ์ทานได้ถึง 4 คน! ใช้วัตถุดิบในร้านทั้งหมดมายำ ราคา 500 บาท"ยำปูไข่ดอง" ดองปูไข่กันวันต่อวัน ยำกับน้ำยำและน้ำจิ้มซีฟู้ดแซ่บๆ "ยำหอยนางรม" น้ำยำจะใส่พริกเผาและผักกูด ทานคู่กับยอดกระถินและหอมเจียว"ยำสามไข่" ใช้ทั้งไข่ปู ไข่แมงดา และไข่ปลาริวกิว ตามมาทานยำแซ่บๆแบบนี้กันได้ที่ "ร้านน๊อตโตะ ยำปากบาน" ต.ตะกาดเง้า อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี เปิดตั้งแต่เวลา 10.00-19.00 น. (หยุดทุกวันพุธ) / เปิดให้จองคิวเวลา 10.30 น. / โทร. 08-9561-7292

  • ร้านอาหารท่องนที อิ่มอร่อยกับเมนูพื้นบ้านเมืองจันท์

    มาถึงจันทบุรีทั้งทีต้องมาชิมเมนูพื้นเมืองที่ทำจากผลไม้ที่ "ร้านอาหารท่องนที" อิ่มอร่อยกับฝีมือแม่ครัวท้องถิ่น รสมือดั้งเดิม ในบรรยากาศสบายๆ ติดริมน้ำ และความพิเศษอยู่ที่เมนูพื้นเมืองที่ทำจากผลไม้ ทั้งอร่อยและกลมกล่อมเข้ากันได้อย่างไม่น่าเชื่อ! "ร้านอาหารท่องนที" อยู่ใน "โอเอซิส ซีเวิลด์ จันทบุรี" ที่มีกิจกรรมสนุกๆสำหรับนักท่องเที่ยวมากมาย เช่น โลมาโชว์, ค่ายโลมา, เล่นน้ำกับโลมา, ถ้ำปลาการ์ตูน, สปาปลา, เรือปั่น เป็นต้นเมนูที่ร้านก็ไม่ธรรมดาเป็นเมนูท้องถิ่นเมืองจันท์ที่นำผลไม้มาผสมเข้ากับอาหาร และยังเข้ากับเมนูอาหารได้อย่างลงตัว"มันมั่นไก่ทุเรียน" เครื่องแกงสูตรรุ่นคุณยาย เคล็ดลับอยู่ที่เทคนิคการเลือกทุเรียนและเครื่องแกงที่ทำเองทุกขั้นตอน ทานแล้วหอมมันถึงเครื่องสุดๆ"ผัดเผ็ดเงาะ" ทั้งความเผ็ดร้อนของเครื่องแกงตัดด้วยความหวานฉ่ำๆของเงาะเข้ากันได้อย่างลงตัว "หมูชะมวง" เมนูท้องถิ่นประจำเมืองจันท์"น้ำพริกปูไข่" ใช้ปูทะเล คัดมาเน้นๆ สูตรจากรุ่นคุณยาย "ยำผักกูดกุ้งสด"ได้ทั้งชมโชว์โลมาและทานอาหารท้องถิ่นเมืองจันท์กันแบบเต็มอิ่ม ครบจบในที่เดียวแบบนี้ต้องมาที่ "โอเอซิส ซี เวิลด์" และ "ร้านอาหารท่องนที" อ.แหลมสิงห์ จ.จันทบุรี / เปิดตั้งแต่เวลา 09.00-18.00 น. / โทร. 06-3196-2083

  • ราดหน้าตาโก๊ะ ราดหน้าเตาถ่านในตำนานของชุมแสง

    ดูกรงกรรมแล้วไปตามรอยของอร่อยๆกันที่ "ร้านราดหน้าตาโก๊ะ" ร้านในตำนานของตลาดชุมแสง จ.นครสววรค์ เปิดมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2510 อดีตใช้เตาถ่านในยังไงปัจจุบันก็ยังใช้อยู่ราดหน้าจึงกลิ่นหอมเตาถ่าน ทั้งน้ำซุปและหมูหมักก็มีสูตรเฉพาะทำให้น้ำซุปมีรสหวานกลมกล่อมและเนื้อหมูที่นุ่ม โดยเฉพาะลูกชิ้นปลากรายของขึ้นชื่อ จ.นครสวรรค์ ด้วยเสน่ห์เฉพาะตัวแบบนี้ทำให้ราดหน้าตาโก๊ะเป็นที่โด่งดังในตลาดชุมแสงมาอย่างยาวนาน"ราดหน้าเส้นใหญ่ลูกชิ้นปลาปราย" จัดเต็มทั้งลูกชิ้นปลากราย หมูหมัก หมูแดง เคล็ดลับอยู่ที่น้ำซุปและหมูหมักที่มีสูตรเฉพาะ"ผัดซีอิ๊วเส้นหมี่หมูหมัก"มาตามรอยกรงกรรมทานราดหน้าอร่อยๆหอมเตาถ่านได้ที่ "ร้านราดหน้าตาโก๊ะ" ถ.แสงรังษี อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ / เปิดตั้งแต่เวลา 10.00 - 16.00 น. / โทร. 0-5628-2880

  • แม่แกลบ ร้านอาหารจิ๋วแต่แจ๋วขวัญใจชาวชุมแสง

    ร้านอาหารเล็กๆในชุมแสงอย่างร้าน "แม่แกลบ" เป็นร้านอาหารพื้นบ้านขวัญใจชาวชุมแสงกับการปรุงรสอาหารไทยแท้แบบฉบับชาวนครสวรรค์ อำเภอชุมแสงอยู่ติดแม่น้ำน่านดังนั้นใครมาทานอาหารต้องห้ามพลาดกับเมนูปลาแม่น้ำที่ทั้งสดและใหม่ วัตถุดิบที่ร้านจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆไม่มีเมนูประจำ ใครจะมาทานสามารถสอบถามกับแม่ครัวได้ว่าวันนี้มีวัตถุดิบอะไร และสามารถขอคำแนะนำว่าจะสามารถทำเมนูอะไรได้บ้างMenu"ต้มยำปลาช่อนพุงไข่""ฉู่ฉี่ปลาแดง" "แกงป่าปลาน้ำเงิน" "ปลาปีกไก่ทอดกระเทียม" "ทอดมันปลากราย"

  • รสเสน่ห์ ร.ศ.155 ข้าวแกงไทยโบราณระดับเชฟมิชลินสตาร์

    ร้านข้าวราดแกงไทยโบราณกับตำนานความอร่อยแบบต้นตำรับที่ร้าน "รสเสน่ห์ ร.ศ.155"เมนูอาหารไทยแบบโบราณมักจะหาทานได้ยากในปัจจุบันแต่มีในร้านข้าวราดแกงอย่าง 'รสเสน่ห์ ร.ศ.155' ราคาก็ย่อมเยาว์ เริ่มต้นเพียง 49 บาทเท่านั้น เพราะทางร้านอยากให้ทุกคนได้ทานอาหารในราคาไม่แพง แม้ร้านรสเน่ห์จะเกิดจาการรวมตัวของเชฟทั้ง 3 คน คือ 'เชฟฮูโต๋' - ดูแลในส่วนของดีไซน์หน้าตาอาหารและเมนู 'เชฟป้อม' - อดีตเชฟร้านเสน่ห์จันทน์ ร้านอาหารมิชลินสตาร์ 1 ดาว ดูแลในส่วนของอาหารไทยโบราณ และ 'เชฟชิ้ง' - ดูแลอาหารไทยฟิวชั่น แต่ราคาอาหารก็แสนเป็นมิตรเมื่อถามถึงที่มาของชื่อร้าน 'เชฟชิ้ง' อธิบายว่า "อาหารไทยเป็นอาหารที่มีรสชาติมากที่สุดในโลกคือ 6 รสชาติ และ 'รสเสน่ห์' คือ รสชาติที่ 7 ที่อยากจะนำเสนอให้กับลูกค้า เป็นรสชาติอาหารที่มีเสน่ห์ในสไตล์ของเชฟทั้ง 3 ท่าน" การตกแต่งร้านก็ไม่ธรรมดา ออกแบบด้วยสีสันสดใสผสมกลิ่นอายย้อนยุคด้วยการใช้จานช้อนสังกะสี เมนูไทยโบราณ"พะโล้โบราณ" น้ำพะโล้หอมกลมกล่อมโดยใช้การปรุงแบบโบราณที่ใช้เพียงกระเทียม รากผักชี พริกไทยดำ และต้มกับน้ำตาลปี๊บให้หวาน "แกงรัญจวน" แกงโบราณ ตั้งแต่สมัย ร.5 รสชาติจัดจ้าน "ขาหมูคั่วพริกเกลือ" ขาหมูตุ๋นสมุนไพร นำไปทอดแล้วไปคั่วด้วยพริกและเกลือ ทานคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ด "แกงเผ็ดเป็ดย่างใส่ลิ้นจี่""แกงคั่วรสเสน่ห์คอหมูย่าง" เมนูซิกเนเจอร์ของทางร้าน เป็นแกงมอญที่ใส่ขมิ้นมาตามรอยข้าวราดแกงไทยโบราณอย่างร้าน "รสเสน่ห์ ร.ศ.155" ได้ที่ซอยนาคนิวาส21 ถนนนาคนิวาส เปิดตั้งแต่เวลา 10.30-19.00 น. (หยุดวันจันทร์) โทร.09-7132-8575

  • ข้าวแกงบ้านผู้ใหญ่ลี ร้านในตำนาน โก๋หลังวังต้องกิน

    "ร้านข้าวแกงบ้านผู้ใหญ่ลี" ถือเป็นตำนานย่านวังบูรพาที่เปิดขายมากว่า 50 ปี หรือที่รู้จักในชื่อ "ข้าวแกงจิ๊กโก๋หลังวัง" ทีเด็ดจะอยู่ที่ผัดเผ็ดต่างๆซึ่งจะใช้พริกแกงทำเองทั้งหมด รสชาติจัดจ้าน และยังมีกับข้าวให้เลือกมากกว่า 20 อย่างในแต่ละวัน ขายดีกันตั้งแต่เช้าพอบ่ายๆก็ขายหมดซะแล้ว ใครอยากไปลองต้องรีบไปอุดหนุนกันแต่เช้าเลยเมนูขายดี"ผัดเผ็ดปลาดุก" เมนูขายดี ทำเสร็จปุ๊บก็ขายหมดอย่างรวดเร็ว "หอยลายผัดพริกเผา"มาย่านวังบูรพาอย่าลืมมาอุดหนุน "ร้านข้าวแกงบ้านผู้ใหญ่ลี" ซอยเจริญกรุง 6 ถนนเจริญกรุง เปิดตั้งแต่เวลา 06.00-15.00 น. (หยุดวันอาทิตย์) โทร.08-4044-1673

  • รสแกงใต้ by K.Asawin จัดจ้านถึงใจ

    ถ้าพูดถึงอาหารใต้ทุกคนคงนึกถึงเครื่องแกงหอมๆ วันนี้เปรี้ยวปากจะพาไปบุก "ร้านรสแกงใต้ by K.Asawin" ร้านข้าวแกงใต้ฝีมือคนสุราษฎร์ที่ตั้งอยู่ย่านสาทรใกล้วัดแขกให้คนกรุงได้มาทานอาหารใต้แบบถึงเครื่อง รสชาติจัดจ้าน ทุกเมนูวัตถุดิบหลักจะสั่งตรงมาจากทางใต้ และไม่ได้ขายเฉพาะข้าวแกงเท่านั้นยังมี 'ขนมจีนน้ำยาใต้' ขายอีกด้วยเมนูแนะนำ"แกงคั่วกระดูกหมู""แกงเหลืองปลากะพงยอดมะพร้าว""แกงคั่วเห็ดแครง" "หมูหวาน""ขนมจีนน้ำยาใต้"ตามมาทานอาหารใต้อร่อยๆ เครื่องแกงหอมๆ ได้ที่ "ร้านรสแกงใต้ by K.Asawin" ร้านตั้งอยู่ใกล้พระศรีมหาอุมาเทวี ถนนสีลม เปิดตั้งแต่เวลา 07.00-14.00 น. โทร.08-5813-3363

  • ร้านอาหารสีเขียว เมนูอีสานพื้นบ้านศรีสะเกษ

    "ร้านอาหารสีเขียว" ร้านอาหารอีสานรสมือคนศรีสะเกษแท้ๆ การันตีความอร่อยที่มีมายาวนานกว่า 30 ปี และวัตถุดิบที่ใช้ก็เป็นของท้องถิ่นดังนั้นแต่ในละฤดูกาลก็จะมีวัตถุดิบที่แตกต่างกันออกไปMenu"ป่นปลาทู" ทานคู่กับผักเครื่องเคียงท้องถิ่นอย่างผักเสี้ยนดอง ผักกูด และดอกอัญชัน"อุหน่อไม้" คล้ายกับแกงหน่อไม้แต่จะใส่ใบย่านาง "แกงเห็ดเผาะหน่อไม้สด" เห็ดเผาะจะมีเฉพาะบางช่วงเท่านั้น "ปลาช่อนทอดแจ่ว"ใครมาจังหวัดศรีสะเกษอย่าลืมมาทานอาหารท้องถิ่นฝีมือคนศรีสะเกษได้ที่ "ร้านอาหารสีเขียว" ตั้งอยู่ที่ ถ.มหาราช ต.โพธิ์ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ร้านเปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 10:00-21:00 น. โทร.0-4561-1589

  • นายเฮงดีไก่ย่างไม้มะดัน ของดีแห่งห้วยทับทัน

    มาถึงศรีสะเกษต้องมาลิ้มลองเมนู "ไก่ย่างไม้มะดัน" จาก "ร้านนายเฮงดีไก่ย่างไม้มะดัน" ของดีแห่งห้วยทับทัน จังหวัดศรีสะเกษ ที่นำไม้มะดันสดๆมาปิ้งไก่ น้ำมันจากไม้มะดันจึงซึมเข้าเนื้อไก่ช่วยเพิ่มความหอมและรสชาติให้ดียิ่งขึ้น นอกจากไก่แล้วยังมีเมนูแซ่บๆอีกหลายอย่างMenu"ไก่ย่างไม้มะดัน ""ส้มตำปูปลาร้า ""ตำลาวกุ้งสด ""ลาบเป็ด""แกงเห็ดรวม"มาตามรอยความแซ่บกันได้ที่ "ร้านนายเฮงดีไก่ย่างไม้มะดัน" ต.เมืองเหนือ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษต.เมืองเหนือ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 8:00-18:00 น. (หยุดทุกวันที่ 25 ของเดือน) โทร.09-1229-9959

  • ก๋วยเตี๋ยวลุงหนั่น

    มื้อนี้เราจะขอพาไปอร่อยกับเมนูก๋วยเตี๋ยวแบบฟินๆ ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวลุงหนั่น ร้านนี้เค้ามีทั้งก๋วยเตี๋ยวแบบน้ำข้นที่รสชาติเข้มข้นอร่อยถึงใจ และแบบน้ำตก(ใส่เลือด) จะสายเนื้อ หรือสายหมูก็ฟินได้เลยจ้าเส้นหมี่หมูน้ำตก (ราคา 60 บาท)ที่นี่เค้าจะมีเต้าหู้ยี้ให้เราทานกับก๋วยเตี๋ยวน้ำตกด้วยแหละ ใส่ไม่ต้องเยอะมาก ก็ได้ความหอมของเต้าหู้ยี้ เหมือนทานสุกี้น้ำตก อร่อยไปอีกแบบเลยละคะเส้นหมี่เนื้อน้ำข้น (ราคา 70 บาท)รวมเนื้อลวก (ราคา 60 บาท)บะหมี่เนื้อแห้ง (ราคา 70 บาท)

  • 100 มหาเศรษฐ์ อาหารอีสาน Fine Dining

    เปรี้ยวปากขอพาไปเปิดประสบการณ์ทานอาหารอีสานแนวใหม่ที่ "100 มหาเศรษฐ์" ร้านอาหารไทย-อีสานบนถนนมหาเศรษฐ์ลิ้มลองความแซ่บของอาหารอีสานในรูปแบบ Fine Dining ที่นักชิมทั้งหลายควรมาลองภายในร้านตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้เรียบง่ายแต่มีกลิ่นอายความเป็นไทย และมีการนำวัตถุดิบมาวางตกแต่งเป็นกิมมิก ส่วนบริเวณครัวเป็นครัวเปิดสามารถมองเห็นการทำอาหารของเชฟได้ มีมุมตู้แช่โชว์ชิ้นส่วนของวัตถุดิบ เนื้อประเภทต่างๆทางร้านมีเมนูหลากหลายให้เลือก ปรุงรสชาติออกมาให้กลิ่นอายแบบอีสานดั้งเดิมแต่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเริ่มจานแรกด้วยเมนู "ไขกระดูกงาขี้ม่อน" ไขกระดูกวัวโรยด้วยเมล็ดงาขี้ม่อนคลุกน้ำยำ ด้วยความนุ่มของไขกระดูกมาเจอกับความกรอบของเมล็ดงาขี้ม่อนยิ่งเพิ่มรสชาติมากยิ่งขึ้นใครที่ชอบทานเนื้อต้องมาลอง "เนื้อเค็ม" ใช้เนื้อส่วนท้องไปหมักแล้วนำมาตากแห้งจึงนำไปทอด ทานคู่กับซอสหลนที่ใช้หนังควายเผาไฟมาต้มกะทิเพื่อความกลมกล่อม"แหนมซี่โครงหมู""เนื้อย่างริบอาย""ยำชี" ผักชี 3 อย่างมาปรุงกับน้ำยำ รสชาติจะคล้ายกับส้มตำไทย "ฮอทด็อกไส้อั่วรมควัน" บาแก๊ตต์ไส้อั่วนำไปรมควันกับไม้ลำไย ราดซอสน้ำพริกหนุ่ม มาลิ้มลองความแซ่บอาหารอีสานสไตล์ Fine Dining ได้ที่ร้าน "100 มหาเศรษฐ์" ถนนมหาเศรษฐ์ เขตเจริญกรุงวันจันทร์-วันศุกร์ เปิดตั้งแต่เวลา 17:00-23:00 น. / วันเสาร์-วันอาทิตย์ เปิดตั้งแต่เวลา 11:00-23:00 น. เบอร์โทร. 0-2235-0023

  • ตี๋บ้านนก ชิมรังนกแท้ ชมวิวเขามัทรีแบบเพลินๆ

    มาถึงชุมพรทั้งทีต้องแวะทานรังนกแท้ที่ร้าน "ตี๋บ้านนก" ที่ตั้งอยู่ในบริเวณจุดชมวิวเขามัทรี เรียกได้ว่าเป็นการทาน รังนกแปะก๊วย พร้อมชมวิวสวยๆในคราวเดียวกัน "จุดชมวิวเขามัทรี" จะมองเห็นชุมชนปากน้ำชุมพรที่เป็นหมู่บ้านชาวประมง หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับมุมนี้เพราะเป็นมุมยอดนิยมในโปสการ์ดของชุมพรนั่นเอง วิธีการทานรังนก คือ ให้ทานตอนท้องว่างและดื่มชาก่อนเพื่อล้างคอให้พร้อมในการรับรสชาติ เริ่มทานรังนกตามด้วยเครื่องเคียงแต่ละอย่างได้ตามชอบ การทานรังนกจะช่วยบำรุงปอดและทำให้รู้สึกสดชื่นรังนกของที่ร้านตี๋บ้านนกจะมีลักษณะเป็นเส้นๆ เพราะนกสายพันธุ์นี้บินวันละ 13 ชม. โดยไม่เกาะอะไรเลยทำให้มีความแข็งแรงมากนอกจากรังนกแล้วที่ร้านยังมีติ๋มซำอร่อยๆไว้ให้ทานอีกด้วยใครมาชุมพรอย่าลืมมาแวะเช็คอินกันที่ร้าน "ตี๋บ้านนก" จุดชมวิวเขามัทรี อ.เมืองชุมพร เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 09:00-19:00 น. โทร.08-0522-4449

  • ร้านอาหารบ้านยายปวด ร้านอาหารพื้นเมืองชุมพร

    มาแวะชิมอาหารพื้นบ้านอร่อยๆที่ "ร้านอาหารบ้านยายปวด" เปิดมากว่า 20 ปี เจ้าของร้านก็คือแม่ครัวประจำหมู่บ้านหรือยายปวดนั่นเอง! ได้มาเปิดร้านเล็กๆเพื่อให้คนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวได้มาลิ้มลองความอร่อย ที่สำคัญอาหารทุกเมนูใช้เตาถ่านทำให้อาหารมีกลิ่นหอม Recommended Menu"แกงส้มผักรวม ""ปลาอินทรีทอด ""ปลาเค็มผัดกะทิ ""แกงคั่วกระดูกอ่อนลูกกล้วย ""น้ำพริกกุ้งสดมะเขือราดกะทิ "แวะชิมอาหารพื้นเมืองชุมพรอร่อยๆได้ที่ "ร้านอาหารบ้านยายปวด" ต.บางหมาก อ.เมืองชุมพร เปิดตั้งแต่เวลา 11:00-17:00 น. (หยุดทุกวันที่ 16 ของเดือน) โทร.09-3680-8375

  • นัวหัวหิน อร่อยนัวไม่ใส่ผงชูรส

    ตามกลิ่นหอมมาฝากท้องกันที่ร้านอาหาร Local ที่ใช้วัตถุดิบท้องถิ่นมาทำเป็นเมนูอาหารที่สำคัญไม่ใส่ผงชูรสแต่อร่อยนัวสมชื่อร้าน "นัวหัวหิน" ร้านนัวหัวหิน เป็นร้านที่มีส่วนร่วมในโครงการเชฟฝีมือดีของหัวหินที่ถ่ายทอดออกมาเป็นอาหารสุดพิเศษเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาสัมผัสบรรยากาศของหัวหิน  เมนูอาหารที่ร้านมีความหลากหลายแม้จะดูบ้านๆแต่เน้นวัตถุดิบที่สด สะอาดและไม่ใส่ผงชูรสตามคอนเซ็ปต์ของทางร้าน และความอร่อยนัวนี้มีรางวัลการันตีด้วย 2 เมนูพิเศษที่ได้รางวัลชนะเลิศอันดับ 2 Cooking Contest ของหัวหินมาอีกด้วย นั่นคือเมนู "หมูบ้านนอก" และ "ไส้กรอกบ้านใน"Recommended Menu"หมูบ้านนอก (130 บาท)" หมูย่างราดด้วยซอสแกงขี้เหล็ก เสิร์ฟพร้อมกับหมี่ญวนทอดกรอบ "ไส้กรอกบ้านใน (85 บาท)" เมนูผสมผสานที่เอาไส้กรอกเยอรมันมามิกซ์รวมกับเมี่ยงแบบไทยๆ อร่อยเข้ากันอย่างลงตัว"ปลากะพงหมกตะไคร้ (150 บาท)" ปลากะพงนึ่งหอมกลิ่นสมุนไพร "ส้มตำไส้กรอกเยอรมัน (90 บาท)""ต้มแซ่บไส้กรอกเยอรมัน (100 บาท)""พานาคอตต้ากล้วยบวชชี (45 บาท)"อร่อยนัว ฟิน กันได้ที่ร้าน "นัวหัวหิน" อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 9.30-21.00 น. ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ 08-3909-0666

  • Freddie RiceCurry ข้าวแกงกะหรี่ญี่ปุ่นท็อปปิ้งสไตล์ไทย

    ร้านริมทาง จานด่วน เสิร์ฟเร็ว สไตล์เอเชีย ต้องมาลองชิมข้าวแกงกะหรี่สไตล์เฟรดดี้ที่ร้าน "Freddie RiceCurry" ร้านข้าวแกงกะหรี่ฟิวชั่นไทย-ญี่ปุ่นที่แปลกแหวกแนวไม่เหมือนใคร วิธีการโปรโมทร้านก็กวนได้ใจ จากจุดเริ่มต้นขายข้าวแกงกะหรี่สูตรไทยๆแบบเดลิเวอรี่จนเปิดหน้าร้านของตัวเองให้ลูกค้าได้เข้ามานั่งทานกันอย่างจริงจัง ลูกค้าประจำหลายคนรู้จักร้านนี้จากเพจเฟสบุ๊คเพราะภาพโปรไฟล์เพจร้าน Freddie RiceCurry ที่เป็นเหมือนมีมล้อเลียนกระแสต่างๆจนคนในโลกคนออนไลน์ให้ความสนใจ แกงกะหรี่ที่ร้านนี้จะไม่เลี่ยน ไม่มีครีม-เนยแล้วยังมีท็อปปิ้งไทยๆอย่างผัดเผ็ดเนื้อโคขุน ซี่โครงหมูชาชู และอื่นๆอีกมากมายหลายหน้า สามารถเลือกความเผ็ดได้ถึง 3 ระดับ"ข้าวเเกงกะหรี่โคขุน (175 บาท)""ข้าวเเกงกะหรี่หมูกรอบผัดพริกเกลือ (165 บาท)" "ข้าวเเกงกะหรี่คอหมูย่าง (155 บาท)""ข้าวแกงกะหรี่กะเพราเป็ดหนังกรอบ (165 บาท)" "ข้าวเเกงกะหรี่หมูชาชู (165 บาท)""ข้าวแกงกะหรี่หมูสับผัดไข่เค็ม (165 บาท)"ตามรอยความอร่อยกันได้ที่ร้าน Freddie RiceCurry เฟรดดี้ ข้าวแกงกะหรี่ ซอยลาดพร้าววังหิน 34 เปิดตั้งแต่เวลา 11.00-21.00 น. (หยุดทุกวันพุธ) เบอร์โทร 09-7097-9523

  • ห้องอาหารเชลียง อาหารไทยโบราณ ณ โรงแรมชินะปุระ จังหวัดพิษณุโลก

    ตามมาสัมผัสความอร่อยของอาหารไทยโบราณกันที่ "ห้องอาหารเชลียง โรงแรมชินะปุระ จังหวัดพิษณุโลก" กับหลากหลายอาหารโบราณด้วยฝีมือเชฟที่มีความถนัดในด้านอาหารไทยเป็นพิเศษ ทั้งรสชาติและการตกแต่งจานสวยงามจับตามากๆ "โรงแรมชินะปุระ หรือ Shinnabhura Historic Boutique Hotel"  โรงแรมเชิงท่องเที่ยวแนวประวัติศาสตร์ตั้งอยู่ใจกลางเมืองพิษณุโลกที่เต็มไปด้วยเรื่องราวประวัติศาสตร์มากมาย ที่มาของชื่อโรงแรม "ชินะปุระ" มาจากคำว่า "ชิน" หมายถึง "พระพุทธเจ้า" หรือ "ผู้ชนะ" อีกนัยหนึ่งยังพ้องกับชื่อพระพุทธรูปสำคัญของเมืองพิษณุโลกนั่นคือ "ชินราช" ซึ่งหมายถึง "ราชาผู้ชนะกิลเลส" อีกด้วย ส่วนคำว่า "ปุระ" หมายถึง "เมือง" ดังนั้น ชินะปุระ จึงหมายถึง เมืองแห่งผู้ชนะ หรือ เมืองแห่งชินราช นั่นเอง"ห้องอาหารเชลียง" เปิดให้บริการทั้งอาหารเช้า กลางวัน และมื้อค่ำ อาหารแต่ละเมนูล้วนถูกคัดสรรมาแล้วจากเชฟที่มีความถนัดในด้านอาหารไทยเป็นพิเศษรอบเช้าเปิดตั้งแต่เวลา 6.30-10.30 น.รอบกลางวันเปิดตั้งแต่เวลา 11.00-17.00 น.รอบเย็นเปิดตั้งแต่เวลา 17.00-22.00 น."เมี่ยงคำกลีบบัวหลวง""ยำส้มโอกุ้งแม่น้ำสองแคว""ยำมังคุดมหาเทวี""กรกฎสองทัพ""หัวปลีทอดกรอบกุ้งสดน้ำยำทรงเครื่อง""โรงแรมชินะปุระ พิษณุโลก" ตั้งอยู่บน ถ.สีหราชเดโชชัย อ.เมืองพิษณุโลก สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 0-5521-9888

  • บ้านเบญจมาศ ตำรับความอร่อย อาหารไทยชาววัง

    เปรี้ยวปากขอพาทุกคนมาลิ้มรสตำรับอาหารไทยชาววังในบรรยากาศแห่งยุคสยามกันที่ร้าน "บ้านเบญจมาศ" ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากวิถีชีวิตคนไทยในสมัยรัชกาลที่ 5 เมนูต่างๆก็สวยงามประณีตสุดๆและแต่ละเมนูผ่านการคัดสรรมาจากฝีมือเชฟรางวัลการันตีการแข่งขันโอลิมปิก "ร้านบ้านเบญจมาศ" ตัวร้านโดดเด่นด้วยอาคารสไตล์โคโลเนียลสีครีมนวลตา ตัดกับซุ้มประตูโค้งด้านหน้าตึกซึ่งเก๋ไก๋โดดเด่นมากเข้ามาภายในร้านก็มีพนักงานของร้านที่แต่งชุดไทยประยุกต์ นุ่งโจงกระเบนคอยต้อนรับพร้อมส่งรอยยิ้ม ส่วนเมนูก็สวยงามประณีตเหมาะมานั่งฟังเพลงเคล้าไปกับการทานอาหารที่แสนละเมียดละไม"ข้าวปรุงน้ำพริกเจ้าจอม (350 บาท)" เมนูซิกเนเจอร์ของทางร้าน ข้าวคลุกน้ำพริกลงเรือเสิร์ฟคู่กับแซลมอน ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากสูตรน้ำพริกลงเรือของเจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สดับ ในรัชกาลที่ 5"ส้มฉุนกรุ่นกลิ่นส้มซ่า (140 บาท)" เมนูของหวานหาทานยากเสิร์ฟมาในโถแก้วอย่างสวยงาม เป็นผลไม้ลอยแก้วที่ทำจากผลไม้ไทยตามฤดูกาล แล้วนำมาปรุงด้วยน้ำเชื่อมกลิ่นผิวส้มซ่าทานคู่กับน้ำแข็งทุบละเอียด หวานเย็นชื่นใจ"ข้าวมันไก่ฝรั่งเศส (320 บาท)" เป็นเมนูที่ผสมผสานกันระหว่างวัฒนธรรมตะวันออกและวัฒนธรรมตะวันตก"แกงพะแนงเป็ดรมควันใส่ผลไม้ (390 บาท)" แกงพะแนงปรุงจากพริกแกงสดใหม่ทุกวัน ใส่เนื้ออกเป็ดรมควันเนื้อแน่นและผลไม้ไทยอย่างลิ้นจี่"พุดดิ้งกล้วยโอชารส (180 บาท)" พุดดิ้งสไตล์ไทยที่ทำจากกล้วย ทานคู่กับซอสน้ำดอกกุหลาบรสเปรี้ยวอมหวาน เนื้อพุดดิ้งนุ่มละลายในปากตามมาชิมและชมความงามของตำรับอาหารไทยชาววังได้ที่ "ร้านบ้านเบญจมาศ" ตั้งอยู่ใน ซ.อารีย์ 1 ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 10.30-22.00 น. (หยุดทุกวันจันทร์) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 0-2279-8055

  • ก๋วยเตี๋ยวปากหม้อน่าล่อในสวน

    "ก๋วยเตี๋ยวปากหม้อน่าล่อในสวน" ร้านก๋วยเตี๋ยวปากหม้อชิคๆเปิดใหม่ในนครปฐมที่อยู่ในร่องสวนบรรยากาศเย็นสบาย นั่งทานปากหม้อไปชมสวนไปชิลสุดๆมานั่งห้อยขาชมสวนก่อนเริ่มทานปากหม้ออร่อยๆกัน ที่นี่มีปากหม้อให้เลือกถึง 8 ไส้ด้วยกัน ทั้งไส้กะหล่ำม่วง, ไส้หมู, วุ้นเส้น, กุยช่าย, ถั่วงอก, แครอท, ข้าวโพด และไส้หวาน น้ำซุปก็จะมีทั้งน้ำใส, ต้มยำโบราณ, ต้มยำน้ำข้น และเย็นตาโฟ"ปากหม้อทะเลหมอก (70 บาท)""ปากหม้อเย็นตาโฟต้มยำ (ธรรมดา 40 บาท/ทะเล 60 บาท)""ปากหม้อห่อกุ้งสะดุ้งทั้งสวน (70 บาท)""ปากหม้อขอเผือก (50 บาท)""ก๋วยเตี๋ยวปากหม้อน่าล่อในสวน" อยู่ที่ปากซอยวัดไร่ขิง 1 อ.สามพราน ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 09.00-15.30 น.(หยุดทุกวันจันทร์) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-6849-6933

  • สวนมะนาวโห่ลุงศิริ

    มาถึงสมุทรสงครามทั้งทีเปรี้ยวปากขอมาเดินชมสวนเพลินๆกันที่ "สวนมะนาวโห่ลุงศิริ" สวนท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่มีต้นมะม่วงหาวมะนาวโห่ให้ชิมกันแบบสดๆจากต้นจากผลไม้ในวรรณคดี "มะม่วงหาวมะนาวโห่" สู่ผลไม้ที่ช่วยชีวิต "ลุงศิริ เจริญช่าง" คุณพ่อของ "คุณทสน์ เจริญช่าง" ลูกชายคนเล็กของครอบครัว คุณทสน์เล่าให้ฟังว่า ลุงศิริ เคยป่วยหนักเป็นโรคถุงลมโป่งพองจากการสูบบุหรี่ กลับมีอาการดีขึ้นเมื่อได้ทานมะม่วงหาวมะนาวโห่ ครอบครัวจึงตัดสินใจนำผลไม้ชนิดนี้มาปลูกเป็นสวนจึงเกิดเป็น "สวนมะหาวโห่ลุงศิริ" "สวนมะนาวโห่ลุงศิริ" กลายเป็นธุรกิจครบวงจรที่ทั้งปลูก แปรรูปมะนาวโห่เป็นสินค้าหลากหลายชนิด ไปจนถึงศูนย์การเรียนรู้ คาเฟ่ และแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของอัมพวาเที่ยวรอบๆสวนจนเหนื่อยแล้วมาแวะพักกันที่ "สิริสมปองคาเฟ่" คาเฟ่ธีมมะนาวโห่แห่งแรกในไทยที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำแม่กลอง บรรยากาศร่มรื่นเหมาะแก่การมานั่งพักผ่อน เดินชมร้านกันจนอิ่มหนำแล้วมาลิ้มลองเมนูเด็ดๆจากมะม่วงหาวมะนาวโห่กัน"เครปเค้กแยมมะนาวโห่ (75 บาท)""เอสเปรสโซ มะนาวโห่ (70 บาท)""Summer Set (120 บาท)" เสิร์ฟมาทั้งเยลลี่มะนาวโห่, ไอศกรีมมะนาวโห่ และมะนาวโห่ลอยแก้ว"Waffle Set (120 บาท)" วาฟเฟิลเสิร์ฟมาพร้อมกับไอศกรีมที่ทำจากมะนาวโห่มาเที่ยวชมสวนและลิ้มลองความอร่อยของมะม่วงหาวมะนาวโห่ได้ที่ "สวนมะนาวโห่ลุงศิริ" ต.บางนกแขวก อ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 9.00-17.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-0566-5124

  • อิ่ม อร่อย กับกั้งเน้นๆที่ "ผัดไทยกั้ง ราชพฤกษ์"

    "ร้านผัดไทยกั้ง" ย่านราชพฤกษ์เกิดจากความชื่นชอบทานกั้งของเจ้าของร้านจึงมาเปิดเป็นร้านที่มีแต่เมนูกั้งนั่นเอง! และด้วยความชื่นชอบทานกั้งที่สดใหม่ของเจ้าของร้านดังนั้นวัตถุดิบหลักอย่างกั้งจึงถูกส่งตรงมาจากทะเลสุราษฎร์ธานี รับประกันความสดใหม่แน่นอน"ผัดไทยกั้ง (เริ่มต้น 89 บาท)" เมนูไฮไลท์ของร้าน เคล็ดลับอยู่ที่น้ำผัดไทยสูตรของคุณแม่ที่ผัดให้รสชาติเข้าถึงเส้น เวลาทานจะหอมกลิ่นกระทะ"ก๋วยเตี๋ยวแกงส้มหม้อไฟทรงเครื่อง (199 บาท)" ในหม้อแน่นไปด้วยหลากหลายซีฟู้ด ทั้งหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์, ปลาหมึก, กุ้ง และกั้งตัวโตๆ ท็อปด้วยไข่ชะอม ด้านล่างเป็นเส้นก๋วยเตี๋ยวนุ่มๆ ทำจากข้าวหอมมะลิเข้ากันได้ดีกับน้ำแกงส้ม"ขนมจีนน้ำยากั้ง (109 บาท)" กั้งมาทั้งตัวและตัวน้ำยายังทำมาจากกั้งอีกด้วย"กั้งผัดพริกเกลือ (เริ่มต้น 199 บาท)" เมนูนี้ชูรสด้วยขมิ้นและเม็ดพริกไทย ถึงเครื่องมากๆอิ่มอร่อยไปกับกั้งแบบเน้นๆ ได้ที่ "ร้านผัดไทยกั้ง" อยู่บนถนนราชพฤกษ์ ร้านเปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 12.00-22.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-9221-9666

  • ก๋วยเตี๋ยวต้มยำเจ๊สุนีย์

    "ก๋วยเตี๋ยวเจ๊สุนีย์" ร้านก๋วยเตี๋ยวต้มยำที่เปิดขายนานกว่า 30 ปีแล้ว และเคล็ดลับความอร่อยนั้นเจ๊สุนีย์เป็นคนคิดค้นด้วยตัวเอง ร้านนี้ทีเด็ดจะอยู่ที่ตัวเย็นตาโฟและต้มยำโดยจะใช้มะนาวสดทำต้มยำ วัตถุดิบที่ใช้สดใหม่ทุกวัน"ก๋วยเตี๋ยวต้มยำหมูมะนาว (50 บาท)""ก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟ (50 บาท)"ร้านก๋วยเตี๋ยวเจ๊สุนีย์ อยู่ก่อนถึงท่าเรือประตูน้ำ ถนนราชดำริ ร้านเปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 06.00-00.00 น. หรือสอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-2557-5799

  • เฮียให้ ต้นตำรับ ข้าวผัดโคตรปู

    "เฮียให้" ข้าวผัดปูเจ้าดังย่านเอกมัยที่เพิ่งได้รางวัล บิบ กูร์มองด์ จากมิชลินไกด์ปี 2020 นี้เอง รับรองว่าของที่ให้จัดเต็มสมชื่อร้านแน่นอนทั้งเนื้อปูเน้นๆ กั้งตัวโตๆ และหอยเชลล์แน่นๆ "ขลุ่ยปู (120 บาท)""โคตรกั้งพริกเกลือ (ราดข้าว 360 บาท/กับข้าว 380 บาท)""ข้าวผัดโคตรปู (340 บาท)""โคตรหอยเชลล์ผัดกะเพรา (ราดข้าว 250 บาท)"ร้าน "เฮียให้" อยู่ระหว่างเอกมัย ซอย 10-12 ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 10.00-18.00 น.(หยุดทุกวันจันทร์) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 06-3219-9100

  • คนชง คนปรุง ส่งต่อความอร่อยจากสูตรรสมือของคุณแม่

    "คนชง คนปรุง" ร้านฮิตติดมิชลิน 2020 หน้าใหม่ในซอยอินทามระ 3 ร้านที่ส่งต่อความอร่อยจากสูตรรสมือของคุณแม่เจ้าของร้านในไสตล์ Thai-Chinese Comfort Food ที่อยากส่งต่อมื้ออาหารดีๆ เหมือนที่มีคุณแม่คอยดูแลให้กับเหล่านักชิมได้ทานกัน ที่ร้านเลือกใช้วัตถุดิบท้องถิ่นเด่นๆ ในแต่ละที่มาทำเมนูอาหาร เช่น ปลาเค็มจากจังหวัดเพชรบุรี ที่ผ่านการดองบนเรือจนได้ความหอมและรสชาติที่กลมกล่อมไม่เค็มจนเกินไป, หนำเลี๊ยบจากเยาวราช, เครื่องแกงโขลกสดใหม่ทุกวัน และอาหารทะเลที่สั่งตรงมาจากฟาร์มของจังหวัดเพชรบุรี "หมูสับปลาเค็ม(170 บาท)" ทางร้านนำเนื้อหมูสับมาคลุกเคล้ากับปลาเค็มหอมๆ ก่อนจะปั้นเป็นก้อนแล้วทอดจนสุก เสิร์ฟมาพร้อมกับน้ำจิ้มรสเด็ดและผักสดเคียงมาให้ทานคู่กัน"ต้มกะหล่ำปลีเห็ดหอมกระดูกแก้ว(140 บาท)" ต้มผักรวมที่มีลักษณะคล้ายกันกับต้มจับฉ่าย แต่มีรสชาติเฉพาะที่แปลกออกไป ซดทานร้อนๆ คล่องคอดีเหลือเกิน"ปลากะพงราดกองกระเทียม(260 บาท)" มีทั้งกระเทียมสดและกระเทียมเจียวอยู่ในเมนูนี้ ให้เท็กซ์เจอร์ที่แตกต่างแต่ลงตัว"ไก่กรอบซอสเหล้าแดง(180 บาท)" อีกหนึ่งเมนูเด็ดของร้าน เป็นเมนูไก่น้ำแดงใส่เหล้าจีนจะมีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ "ผัดหนำเลี๊ยบหมูสับกากหมู(150 บาท)" หมูสับผัดกับหนำเลี๊ยบใส่กากหมูเจียว เมนูนี้สามารถบีบมะนาวหรือกินคู่กับพริกซอยเพื่อเพิ่มรสชาติให้ผัดหนำเลี๊ยบมีรสกลมกล่อมมากขึ้น ร้าน "คนชง คนปรุง" อยู่หน้าซอยอินทามระ 3 ถนนสุทธิสาร ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 11.00-21.00 น. (หยุดทุกวันอังคารที่ 2 และ 3 ของเดือน) สอบถามเพิ่มเติม โทร.09-7251-8178

  • Cloud Dragon ร้านอาหารจีนโมเดิร์นเพื่อสุขภาพ

    "Cloud Dragon" ร้านอาหารใหม่สไตล์จีนโมเดิร์น บรรยากาศดี เหมาะแก่การพาครอบครัวมาทานในวันหยุด อาหารที่ร้านนี้จะเน้นเมนูสุขภาพที่หลากหลายและมีความสร้างสรรค์ที่ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์ในทุกมื้ออาหารอาหารที่ Cloud Dragon ได้รับแรงบันดาลใจมาจากนักปราชญ์ชาวจีนที่เชื่อว่ามนุษย์ทุกคนเกิดจากความสมดุลของหยินและหยาง ซึ่งแต่ละเมนูเชฟเลือกคัดสรรวัตถุดิบอย่างดีเพื่อสร้างสมดุลให้กับร่างกาย"บักกุ๊ดเต๋จักรพรรดิ(999 บาท)" เมนูนี้จะสร้างความสมหยินหยาง พร้อมบำรุงธาตุทั้ง 5 ในร่างกาย ด้วยสมุนไพรจีนกว่า 15 ชนิด เช่น ห่วยซัว, ยี่หร่า, พริกไทยขาว, พริกไทยเสฉวน, เห็ดหอมแห้ง เป็นต้น และพิเศษสูตรจักรพรรดิเครื่องจะแน่นมาก"บะหมี่ล็อบสเตอร์ (1,999 บาท)" บะหมี่ถือเป็นอาหารมงคลของคนจีน บางบ้านจะอยู่ในทุกมื้ออาหารเรียกว่า ขาดไม่ได้ เลย ที่ร้านจะใช้บะหมี่ 3 อย่าง หมี่ซั่วสีขาว, บะหมี่เหลือง และ บะหมี่หยก แล้วมาจัดวางบนล็อบสเตอร์สดๆ ราดซอสสูตร Cloud Dragon"โจ๊กเป๋าฮื้อ (455 บาท)" เมนูอาหารปรับสมดุลร่างกายยามเช้า เพิ่มพลังงานต่อสู้กับงานหนักในระหว่างวันด้วยหอยเป๋าฮื้อชิ้นโต"ข้าวผัดหมูกรอบ (195 บาท)" เมนูขายดีที่ทานง่ายและเป็นอาหารที่ทานได้ทุกมื้อ หมูกรอบสูตรทางร้านจะชิ้นใหญ่มากแต่มีความนุ่ม ไม่แข็ง และราดด้วยซอสสูตรพิเศษของทางร้าน"ติ่มซำ (เริ่มต้น 99 บาท)"ใครอยากพาครอบครัวมาทานอาหารจีนสไตล์สุขภาพก็มากันได้ที่ร้าน "Cloud Dragon" โครงการ Velaa Sindhorn Village ถนนหลังสวน ร้านเปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 7.00-23.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-5140-9999

  • จางวางอิ่ม The White Pagada เต็มอิ่มกับอาหารไทยโบราณ

    "จางวางอิ่ม The White Pagada" ร้านอาหารไทยที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา นอกจากจะได้อิ่มเอมใจกับความอบอุ่นของบ้านแบบโบราณแล้ว ยังได้ชมทัศนียภาพของเกาะเกร็ดกันได้อย่างเพลินๆชื่อร้านแปลกหูอย่าง จางวางอิ่ม นั้นมาจากคำว่า จางวาง เป็นคำที่ใช้เรียกตำแหน่งข้าราชการชั้นสูงในสมัยรัชกาลที่ 4 ซึ่งตำแหน่ง จางวาง เทียบเท่ากับทหารมหาดเล็กในปัจจุบัน และคำว่า อิ่ม ก็มาจาก อิ่มท้อง อิ่มอกอิ่มใจ อิ่มเอมที่ได้มาบ้านหลังนี้บ้านหลังนี้อายุกว่า 70 ปี เดิมเป็นที่ตั้งของตระกูล "ไพศาลสุข" ซึ่งโครงสร้างบ้านงดงามอยู่แล้วแม้จะผ่านการปรับปรุงแต่ก็ยังคงตัวบ้านไว้ให้มีชีวิตอีกครั้ง มานั่งชิลทานอาหารชมวิวคุ้งน้ำสุดตระการตาที่มีแม่น้ำ 3 สายมาตัดกันที่หน้าเรือนพอดี แล้วตัวเรือนเองก็เปิดรับลมเต็มที่"แม่สะเดาเย้ายวนกุ้ง (150 บาท)" เมนูน้ำปลาหวานสะเดา หลายคนจะเคยเห็นทานเคียงกับปลาดุกย่าง แต่ที่ร้านจางวางอิ่มอยู่ติดริมน้ำก็ต้องมีกุ้งแม่น้ำเผาเสิร์ฟเคียง"น้ำพริกคู่ตุนาหงัน (280 บาท)"  ตุนาหงัน แปลว่า คู่หมั้นคู่หมาย ล้อจากวรรณคดีเรื่อง อิเหนา เป็นน้ำพริกปลาชิงชัง (ปลากรอบ) จากกระบี่ เสิร์ฟคู่กับ สะตอทอด"ผัดมะเขือยาวเหยาปลาเค็ม (220 บาท)" เมนูนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากการเสด็จประพาสของร.5  ปกติจะเห็นมะเขือยาวย่าง หรือ ยำ แต่ที่ร้านจะนำไปทอดแล้วผัดกับปลาเค็ม"จางวางปราณ (Set ใหญ่ 2,499 บาท)" เมนูที่รวมซีฟู้ดจากปราณบุรีมาไว้ในถาดเดียว หมึก กุ้ง หอย ต่างๆ แล้วมีปูดองซีอิ๊ว เสิร์ฟมาตรงกลาง ทานคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเด็ดใครที่ชอบทานอาหารไทย ชมวิวแม่น้ำ มากันได้ที่ร้าน "จางวางอิ่ม The White Pagoda" ตั้งอยู่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ร้านเปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 11.00-00.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-5525-9242

  • โตจังอ๋อง บะหมี่จับกังกุ้งแม่น้ำชามยักษ์

    อาหารจานเดียวที่ฮอตฮิตในโซเชียลกับเมนูสุดอลังการอย่าง บะหมี่จับกังกุ้งแม่น้ำ ที่เสิร์ฟมาในชามยักษ์หลากไซส์จากที่ "ร้านโตจังอ๋อง" ด้วยคุณภาพคับแน่นของกุ้งแม่น้ำจากอยุธยาเผามันเยิ้มๆ "ร้านโตจังอ๋อง" มาจากชื่อพี่น้องเจ้าของร้านทั้ง 3 คน ที่ว่ากันว่าเป็นบะหมี่จับกังแบบไฮโซด้วยท็อปปิ้งแน่นๆ ที่คุ้มค่าคุ้มราคาแน่นอน "บะหมี่จับกังกุ้งแม่น้ำเซ็ทเอ (138 บาท)""บะหมี่จับกังทรงเครื่องไฮโซเซ็ทบี (188 บาท)""บะหมี่จับกังทรงเครื่องไฮโซเซ็ทซี (368 บาท)""บะหมี่จับกังจัมโบ้... โอ้โห... ไฮโซ! (698 บาท)"มาพิสูจน์ความอร่อยกันได้ที่ร้าน "โตจังอ๋อง" ร้านตั้งอยู่ที่ ถ.หลานหลวง ซอย 4 รอบเช้า ร้านเปิดทั้งหมด 2 รอบ คือ รอบเช้า ตั้งแต่เวลา 10.00-14.30 น. และรอบเย็น ตั้งแต่เวลา 17.00-20.00 น. (หยุดทุกวันเสาร์) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-6868-5151

  • View Arun - Rooftop Restaurant & Bar

    ใกล้วาเลนไทน์แบบนี้ใครกำลังหาร้านอาหารบรรยากาศดีๆ ต้องที่นี่เลย "View ARUN - Rooftop Restaurant & Bar" ที่มาพร้อมวิว 180 องศา ริมแม่น้ำเจ้าพระยาและยังมีพระปรางค์วัดอรุณฯ ตั้งสง่าเหมาะแก่การนั่งดูพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า นอกจากนี้ยังมีอาหารไทยประยุกต์ครบรสทั้ง 4 ภาคให้เลือกสรร เริ่มที่เมนูภาคกลางตัวแรก "แกงส้มชะอมกุ้ง (290 บาท) " ใช้เนื้อปลาช่อนมาทำเป็นเครื่องแกง รสชาติกลมกล่อม ใส่ไข่ชะอม กุ้ง และดอกโสนต่อที่ภาคเหนือกับเมนู "ข้าวซอยปูไข่ออนเซ็น (320 บาท) " ข้าวซอยรสชาติพื้นบ้านสไตล์ภาคเหนือ เปลี่ยนวัตถุดิบจากน่องไก่มาเป็นปู ท็อปด้วยไข่ไก่ออนเซ็นมาที่ภาคอีสานเมนู "ใบเหลียงผัดไข่ (250 บาท) " ผักพื้นบ้านของภาคใต้ ที่นี่จะผัดให้มีกลิ่นไหม้กระทะนิดๆ เพื่อให้มีความหอม"น้ำตกหมูนุ่ม (250 บาท)" หมูหมักสูตรพิเศษ ทำให้มีความนุ่ม เด้ง เข้ากันได้ดีกับรสชาติของน้ำตก ปิดท้ายด้วยของหวานสไตล์ฝรั่งเศส "มิลเฟย (320 บาท) " นำมาประยุกต์ให้ทานง่ายขึ้น รสชาติหวานของมาสคาโปน ตัดกับความเปรี้ยวปากของสตรอว์เบอร์รี กีวี่ และองุ่นจดลิสต์พิกัดหวาน Before Valentine ไว้เลยที่ร้าน "View ARUN - Rooftop Restaurant & Bar" อยู่ซอยตรงข้ามวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ร้านเปิดทั้งหมด 2 รอบ คือ รอบเช้า เปิดตั้งแต่เวลา 12.00-15.00 น.  และรอบเย็น เปิดตั้งแต่เวลา 16.00-24.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 02-221-5654

  • ครก KROK สารพัดข้าวน้ำพริกฝีมือเชฟมิชลิน

    "ร้านครก (KROK)" โปรเจกต์ความอร่อยที่เป็นการรวมกันของคุณเสือ คุณวา และทีมเชฟจากร้าน 80/20 อย่างเชฟโจ เชฟณิว และเชฟซากิ แตกไอเดียเป็นร้านที่จับต้องได้ ขายเมนูสามัญประจำบ้านที่กินได้ทุกวันอย่าง “น้ำพริก” พร้อมด้วยเครื่องเคียงและผักพื้นบ้านเมนูน้ำพริกเป็นอาหารที่อยู่คู่คนไทยมานาน แต่เหล่าเชฟมีดีกรีมิชลินสตาร์ทั้งที เมนูง่ายๆ จึงเต็มไปด้วยความพิเศษ ตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบ ทั้งเนื้อสัตว์ เครื่องปรุง ผักต่างๆ ถูกทำมาในรูปแบบใหม่แล้วนำมาจัดเป็นเซตเก๋ๆ ทำให้ทานง่ายมากขึ้น และกิมมิคพิเศษอีกอย่างของร้านคือสามารถ 'สร้างจานของตัวเอง' ได้ โดยเลือกน้ำพริก โปรตีน และเครื่องเคียงต่างๆ ตามเมนูได้เลย"ข้าวไก่แดงน้ำพริกกุ้งเสียบ (150 บาท)" น้ำพริกกุ้งเสียบทำจากกุ้งแห้งและกะปิคุณภาพดี ตากให้แห้ง คลุกเคล้ากับเครื่องปรุง ตำกับครกจนได้น้ำพริกกุ้งเสียบฉบับร้านครก ส่วนของไก่ใช้สะโพกไก่ออร์แกนิคจากฟาร์มไก่ มาหมักกับข้าวอังคัก(ข้าวแดงหมัก) และเครื่องเทศต่างๆ แล้วนำไปตุ๋น 1 ชั่วโมง แล้วนำมาย่างด้วยเตาถ่านทำให้มีกลิ่นถ่านในเนื้อไก่ด้วยทานคู่กับข้าวหอมมะลิจากยโสธร ไข่ซูวีระดับไข่ออนเซ็น รวมทั้งผักสดและผักลวกออร์แกนิค"ชุดซุปเปอร์เมกะครก (450 บาท)" เป็นชุดเอาใจคนชอบน้ำพริก เพราะจะได้น้ำพริกถึง 4 แบบด้วยกัน น้ำพริกกุ้งเสียบ, น้ำพริกมะเขือเผา, น้ำพริกปลาย่าง, น้ำพริกกะปิ และผักสามารถเลือกได้ตามชอบ โดยผักจะถูกเปลี่ยนไปตามฤดูกาล มาพร้อมข้าวผัดกระเทียม 2 จาน และไข่ออนเซ็น "ข้าวเต้าหู้ตุ๋นซอสขิงน้ำพริกมะเขือเผา (120 บาท)" น้ำพริกมะเขือเผา ใช้ส่วนผสมหลักคือ มะเขือยาว, พริกจินดา, หัวหอมแดง นำมาย่างเตาถ่านแล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน ปรุงด้วยเครื่องเทศ ตำให้เข้ากัน ส่วนเต้าหู้ตุ๋น ใช้เต้าหู้ขาวมาตุ๋นให้พอเหมาะ แล้วนำไปทอดชั่วครู่เพื่อให้มีส่วนนอกของเต้าหู้นั้นมีความกรอบ ราดด้วยซอสขิงเคี่ยว เมนูนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ทานมังสวิรัติ เพราะไม่มีส่วนผสมของเนื้อสัตว์ทั้งส่วนของโปรตีนและน้ำพริก ทานคู่กับไข่เจียวร้อนๆ เข้ากันมากไอศกรีมเมนูใหม่ฝีมือเชฟซากิ "ไอศกรีมโฮมเมด (80 บาท)" ตัวเนื้อไอศครีมเป็นรสไวท์มอลต์ และช็อคโกแลต ซึ่งเป็น 70% ดาร์คช็อกโกแลต ราดด้วยน้ำปลาคาราเมล และท็อปปิ้งด้วยเม็ดมะม่วงหิมพานต์เคลือบน้ำตาลไอซิ่ง จากนั้นโรยด้วยน้ำพริกชิโอะโคจิสูตรของทางร้านครับ "ร้านครก (KROK)" อยู่บนถนนโยธา แขวงตลาดน้อย เปิดตั้งแต่เวลา 11.00-19.00 น.(หยุดทุกวันจันทร์) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-8940-3406

  • บ้านลลิณ

    "บ้านลลิณ" คาเฟ่อาหารไทยสไตล์ Comfort Food ที่มีความอร่อยระดับติดดาวด้วยฝีมือสองสาวจาก MasterChef Thailand พร้อมเสิร์ฟความอร่อยให้แก่ทุกท่านด้วยสารพัดเมนูอาหารไทยทานง่าย ท่ามกลางบ้านไม้เก่าแก่สุดคลาสสิกและวิถีชีวิตชีวิตของคนในชุมชนย่านพระนครบ้านลลิณ เกิดจากไอเดียของ คุณพลอย-ณัฐณิชา บุญเลิศ และ คุณน้ำฝน-ลักษณาวดี ศรีพรสวรรค์ สองสาวเพื่อนรักจากรายการ MasterChef Thailand ตัดสินใจมาเปิดร้านอาหารแห่งนี้ด้วยกัน โดยนำเอาความถนัดด้านอาหารที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นเมนูอาหารไทยทานง่ายสไตล์น้ำฝน หรือขนมหวานและเครื่องดื่มแบบไทยประยุกต์สไตล์พลอยบ้านลลิณเป็นบ้านไม้เก่าแก่อายุกว่า 100 ปี ตั้งอยู่ใจกลางชุมชนตรอกศิลป์-ตรอกตึกดิน ย่านพะรนคร รอบๆ ตัวบ้านเป็นสนามหญ้าสุดร่มรื่น เต็มไปด้วยต้นไม้และพืชผักสวนครัวที่ทางร้านลงมือปลูกเอง และใช้เป็นวัตถุดิบในการทำอาหารโดยดอกไม้ที่นำมาตกแต่งนั้นสามารถทานได้ทั้งหมดตัวบ้านลลิณมีทั้งหมด 2 ชั้น บริเวณชั้้นล่าง มีโซนเคาน์เตอร์บาร์ให้นั่งทานอาหาร รายล้อมไปด้วยของตกแต่งร้านแนวย้อนยุค ทั้งของเล่นและเครื่องดื่มยอดฮิตในอดีต ให้ความรู้สึกเหมือนย้อนกลับไปในวัยเด็กตามมาด้วยบรรยากาศสบายๆ บริเวณชั้น 2 ของบ้านไม้ ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์และข้าวของเครื่องใช้แนววินเทจที่ถอดแบบความเป็นอยู่ของคนในสมัยก่อนออกมาได้อย่างดีนอกจากเมนูอาหารไทยต่างๆ แล้วทางร้านยังเปิดให้ทานอาหารไทยในรูปแบบ "โอมากาเสะไทย" อีกด้วย โดยเปิดให้จองเฉพาะรอบวันเสาร์-อาทิตย์ ทุกสิ้นเดือน มีจำนวน 10 เมนู ราคาท่านละ 2,500 บาทเริ่มทานกันด้วยเมนู "ปลาแห้งแตงโม (69 บาท)" ของว่างโบราณที่หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของหวาน เมนูนี้จะเอาปลาย่างไปคั่วจนแห้งกรอบ แล้วปรุงรสด้วยสูตรของทางร้าน ยิ่งอากาศร้อนๆ สั่งมาทานจะรู้สึกสดชื่นมากๆสาย Vegan จะต้องชอบจานนี้ "ปอเปี๊ยะเห็ดหอมทอด (69 บาท)" ไส้ปอเปี๊ยะคุณยายของคุณพลอยเป็นคนลงมือผัดไส้เอง ตามสูตรของคุณยาย ไส้ปอเปี๊ยะจะมีทั้งเห็ดหอม วุ้นเส้น และผักต่างๆ ทานคู่กับน้ำจิ้มไก่ และผักสด"ก๋วยเตี๋ยวผัดไข่เค็มกุ้ง (129 บาท)" เมนูซิกเนเจอร์ของร้าน เป็นเมนูกึ่งๆ ผัดผงกะหรี่และผัดไข่เค็ม จุดเด่นอยู่ที่ผัดจานต่อจานด้วยไฟแรงจนแห้ง ทำให้มีกลิ่นหอมของกระทะ ใส่หอมใหญ่ พริกชี้ฟ้า ขึ้นฉ่าย ต้นหอม และโรยด้วยกระเทียมเจียว ให้รสชาติเข้มข้น หอมมันจากไข่เค็มแดง มีกลิ่นผงกระหรี่แซมด้วยนิดๆ"ข้าวคอหมูย่าง ไข่ต้มผักสด (99 บาท)" จานนี้ทีเด็ดอยู่ที่คอหมูย่าง ที่จะนำหมูไปหมักก่อนและนำเข้าเครื่องซูวีนานถึง 6 ชม. เสร็จแล้วจึงนำมาย่าง เนื้อหมูที่ได้จึงนุ่ม ฉ่ำ และนิ่มมาก ทานคู่กับไข่ต้มยางมะตูมและผักสด เสิร์ฟพร้อมแจ่วมะขามเปียกสูตรของทางร้านส่วนเมนูขนมหวานเป็นการผสมผสานระหว่างความเป็นเบเกอรี่และวัตถุดิบของไทยมารวมเข้าไว้ด้วยกัน เช่น นำวัตถุดิบหลักของขนมไทยบางชนิดมาเป็นส่วนผสมของเบเกอรี่ เริ่มด้วยเมนู "สโคนงาดำ น้ำตาลโตนด (69 บาท)" เป็นสโคนที่ใส่ผงงาดำคั่วลงไป ตรงกลางมีน้ำตาลโตนดเยิ้มๆ สูตรของทางร้าน เสิร์ฟคู่กับซอสกะทิควันเทียน รสชาติหอม มัน และเครื่องดื่มสไตล์ไทยประยุกต์ "น้ำผึ้งส้มจี๊ด (69 บาท)" ส้มที่ใช้มาจากสวนของบ้านน้ำฝนและพลอย ปลอดภัยเรื่องสารพิษ เป็นออร์แกนิค 100% ใส่ส้มเป็นลูกๆ คั้นสดๆ พร้อมน้ำผึ้ง ดื่มแล้วสดชื่น ชุ่มคอ"เค้กแตงไทยน้ำกะทิ (79 บาท)" ตัวนี้คุณพลอยได้แรงบันดาลใจมาจากเมนูขนมไทยอย่างแตงไทยน้ำกะทิ ตัวเค้กจะเป็นเนื้อบัตเตอร์ผสมกับเนื้อแตงไทยเป็นชิ้นๆ ราดด้วยซอสกะทิควันเทียนและเครื่องดื่ม "บ๊วยแตงโมโซดา (69 บาท)" ใช้บ๊วยดอง ใส่ไซรัปแตงโม และโซดา รสชาติหวาน หอม เค็มนิดๆ ใส่น้ำมะนาวลงไปเพิ่มความสดชื่น ชุ่มคอใครที่อยากทานอาหารไทยในสไตล์คาเฟ่อบอุ่น ก็มากันได้ที่ร้าน "บ้านลลิณ" ตั้งอยู่ที่ ชุมชนตรอกตึกดิน-ตรอกศิลป์ ถนนดินสอ ร้านเปิด ตั้งแต่เวลา 10.00 – 20.00 น.(หยุดทุกวันจันทร์) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-1333-5998

  • Camin Cuisine & Cafe ครบเครื่องเรื่องอาหารใต้

    "ร้านขมิ้น Camin Cuisine & Cafe" ร้านอาหารใต้ที่ยกวัตถุดิบอาหารทะเล รวมถึงพริกแกงใต้แท้มารวมไว้ที่ร้านนี้เลย บรรยากาศสวนสวยร่มรื่น ตกแต่งด้วยกิมมิกศิลปะของทางใต้อย่างโคมไฟริ้วหางปลากัด บรรยากาศรอบๆ ร้านเป็นสไตล์สวนกลางเมือง ร่มรื่นสดชื่น มองไปทางไหนก็เห็นแต่สีเขียวขจี เหมาะกับการมาพักผ่อน พักสายตาในวันหยุด ภายในร้านตกแต่งสไตล์อบอุ่น รวมทั้งใช้เทคนิคงานศิลปะทางภาคใต้ในการตกแต่ง ซึ่งที่ร้านมีจุดเด่นที่โคมไฟโดยโคมไฟได้แรงบันดาลใจมาจาก หางของปลากัด ซึ่งเป็นสัตว์น้ำประจำชาติไทยและมีสายพันธุ์เฉพาะของภาคใต้ที่สีสวยงามมากนอกจากนี้ที่นี่ยังโดดเด่นในเรื่องอาหารใต้ที่เป็นรสชาติปักษ์ใต้แท้ๆ มีเมนูให้เลือกหลากหลายโดยทางร้านจะคัดสรรวัตถุดิบส่งตรงมาจากทางใต้เลย"น้ำปลาหวาน (เครื่องดื่ม 120 บาท)" "โกปิกอและ (เครื่องดื่ม 140 บาท)""ไก่กอและ (190 บาท)" เป็นอาหารมลายูปักษ์ใต้ เพราะคอนเซ็ปต์ของร้านคือเป็นอาหารใต้แท้ๆ แบบต้นตำรับ เมนูใต้แท้ๆ บางเมนูไม่ค่อยมีใครทำขายแต่ทางร้านยกมาให้ทุกคนได้ชิมกัน"ข้าวยำน้ำบูดู (160 บาท)" น้ำบูดูสูตรเฉพาะที่ส่งมาจากทางใต้โดยตรง รสชาติกลมกล่อม เสิร์ฟพร้อมผักเคียง"ใบเหลียงผัดไข่ (150 บาท)" ใช้ใบเหลียงที่คัดเฉพาะยอดอ่อน ส่งตรงมาจากทางใต้เลย ผัดกับไข่และกระเทียม ปรุงรสชาติแบบต้นตำรับของทางใต้"ยำผักกูดกรรเชียงปู (550 บาท) " ใช้ผักกูดสด หวาน กรอบ คลุกกับน้ำยำสูตรปรุงพิเศษของทางร้าน กินกับกรรเชียงปูไซส์ใหญ่พิเศษเนื้อแน่น ส่งจากแพปลาโดยตรง"น้ำพริกระกำ (210 บาท) " น้ำพริกพื้นบ้านภาคใต้ ครบรสและยังมีกลิ่นหอมของระกำ ทานกับเครื่องเคียงหลากหลาย ทั้งหมูหวาน, กุ้งหวาน และปลากรอบ ทานคูู่กับผักกูดลวก, สะตอย่าง, สะตอดอง"ร้านขมิ้น Camin Cuisine & Cafe" อยู่ปากซอยประเสริฐมนูกิจ 2 ร้านเปิดทุกวัน 10.00 – 21.30 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-5615-6615

  • หมูทอดบันบัน เค้กข้าวเหนียวหมูทอดสุดฮอต

    "ร้านหมูทอดบันบัน" ร้านดังในโซเชียลที่มีเมนูซิกเนเจอร์อย่างเค้กข้าวเหนียวหมูทอดก้อนโต แต่ก่อนมีขายแค่ทาง Facebook แต่ลูกค้าติดใจกันเยอะมาก จึงมาเปิดหน้าร้านซึ่งในปัจจุบัน มีถึง 3 สาขา คือ สาขารามคำแหง, สาขาโพธิ์แก้ว และสาขาบางใหญ่นอกจากเค้กข้าวเหนียวหมูทอดที่ฮอตฮิตแล้วยังมีเมนูหมูทอดให้เลือกอีกหลายแบบ เมนูยอดฮิตต้องยกให้หมูสามชั้นออริจินัล เมนูขายดีตลอดกาลของร้าน หรือว่าจะเป็นหมูสามชั้นก็มีให้เลือกทั้งแบบออริจินัลและทอดน้ำปลา ที่มีการหมักข้ามวันจนซอสซึมเข้าไปเนื้อหมู และสันคอหมูย่างก็ไม่ธรรมดา หมูนุ่ม รสชาติกลมกล่อม ย่างมาหอมกำลังดี แม้แต่ตัวข้าวยังผสมเองเป็นสูตรเฉพาะของทางร้าน ทำให้ได้ข้าวที่หอมและนุ่มมาก"ข้าวราดหมูสามชั้นออริจินัล+สันคอหมูย่าง (50 บาท/ พิเศษ 60 บาท)" เพิ่ม "ไข่ดองซีอิ๊ว (15 บาท)" และ "ต้มยำขาหมู (69 บาท)""ข้าวราดสันคอหมูทอด+หมูสามชั้นทอดน้ำปลา (50 บาท/ พิเศษ 60 บาท)" และ "ฟักไก่มะนาวดอง (69 บาท)""เค้กหมูสามชั้นออริจินัล+สันคอหมูทอด (699 บาท)" เมนูเด็ดที่โด่งดังในโซเชียล เหมาะสำหรับสั่งในโอกาสพิเศษ หรือคนที่ชอบทานหมูทอด เด็ดจนมีออเดอร์แน่นทุกวัน ใครที่อยากทานต้องสั่งกันล่วงหน้าเลยทีเดียวสาวกหมูทอดต้องมาลองชิม "ร้านหมูทอดบันบัน สาขารามคำแหง" อยู่ในซอยรามคำแหง 24 แยก 30 ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00-20.30 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-3694-4156

  • ก๋วยจั๊บอุบลนิยมโภชนา ก๋วยจั๊บญวนย่านรามคำแหง

    ถ้าพูดถึงย่านที่ละลานตาไปด้วยร้านอาหาร ก็ต้องนึกถึง "ย่านรามคำแหง" ขึ้นมาในใจหลายๆ คนอย่างแน่นอน เพราะไม่ว่าจะตรอกซอกซอยไหนก็มีแต่ของอร่อย ที่สำคัญกินได้ทั้งวันเรียกว่า อร่อยแบบ 24 ชั่วโมง กันเลยทีเดียว"ร้านก๋วยจั๊บอุบลนิยมโภชนา" สูตรจากอุบลราชธานีแท้ๆ ตัวเส้นก๋วยจั๊บญวนใช้เป็นเส้นสด เส้นจะเหนียวนุ่ม กำลังดี และวัตถุดิบต่างๆ ก็ออเดอร์มาจากเจ้าดังของอุบลฯ เลย มั่นใจได้ว่าสด ใหม่ ตลอดแน่นอน ถ้าพูดถึงก๋วยจั๊บญวนก็ต้องนึกถึงหมูยอ หมูยอของที่ร้านก็ส่งตรงมาจากอุบลฯ เช่นกัน มีความกลมกล่อม หอมพริกไทย นุ่ม และเนื้อเยอะมาก นอกจากนี้ในชามยังมีหมูเด้งทำเอง ใช้เนื้อสันติดมัน เนื้อเลยเด้งนุ่ม และยังมีกระดูกหมูอ่อนที่ตุ๋นมาจนเปื่อยอีกด้วย"ก๋วยจั๊บญวน (ธรรมดา 50 บาท / เพิ่มไข่ 60 บาท)""ยำหมูยอ (70 บาท)" ยำจานต่อจาน ใช้มะนาวสด รสชาติจัดจ้าน"ร้านก๋วยจั๊บญวนอุบลนิยมโภชนา" ตั้งอยู่ในซอยรามคำแหง 24 แยก 10 ร้านเปิด ตั้งแต่เวลา 11.00-21.00 น. (หยุดทุกวันเสาร์) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 06-1654-4295

  • ร้านในตำนานย่านรามคำแหง อภิโภชน์ ราดหน้ายอดผัก

    อีกหนึ่งร้านตำนานย่านรามคำแหงที่เปิดมากว่า 40 ปี กับลีลาการผัดหอมๆ "ร้านอภิโภชน์ ราดหน้ายอดผัก" ร้านตั้งอยู่ในซอยรามคำแหง 24 และแน่นอนว่าเมนูเด็ดของร้านต้องเป็น 'ราดหน้า' ตามชื่อร้านอย่างแน่นอน แต่ทีเด็ดเลยก็คือน้ำราดหน้าที่ทั้งหอมหอมและรสชาติเข้มข้น ซึ่งแป้งหมักที่ใช้ในการทำน้ำราดหน้าก็เป็นสูตรพิเศษที่ทางร้านปรุงรสชาติไว้เรียบร้อยแล้ว"เส้นใหญ่ราดหน้า (45 บาท)""เส้นหมี่กรอบราดหน้า (50 บาท)"นอกจากเมนูราดหน้าแล้วที่ร้านยังมีเมนูอื่นๆ ให้เลือกอีกมากมาย ทั้งผัดซีอิ๊ว ข้าวหมูแดง ปอเปี๊ยะสด หมูสะเต๊ะ ครบเลยทีเดียวเป็นอีกหนึ่งร้านระดับตำนานในย่านรามคำแหง "ร้านอภิโภชน์ ราดหน้ายอดผัก" ร้านอยู่ในซอยรามคำแหง 24 ห่างจากปากซอย 100 เมตร ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 08.30-19.00 น.(หยุดทุกวันพฤหัสบดีที่ 4 ของเดือน) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-5929-3626, 0-2718-5004

  • ร้านเล็กเกาเหลาเลือดหมู ประดิพัทธ์

    มาย่านประดิพัทธ์ต้องห้ามพลาดร้านที่ใครมาแถวนี้ก็ต้องมาทาน "ร้านเล็กเกาเหลาเลือดหมู" ในตำนาน เปิดขายมากว่า 40 ปี ทีเด็ดอยู่ที่เครื่องในจะไม่มีกลิ่นคาวเลย เพราะทางร้านล้างด้วยน้ำเปล่าถึง 3 น้ำ และต้มด้วยน้ำที่ใส่เกลือลงไปนิดหน่อยเพื่อไล่กลิ่นคาว ส่วนเลือดหมูก็ให้ก้อนโตๆ ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีกลิ่นคาวอีกเช่นกัน และอีกอย่างคือ น้ำซุปสูตรเด็ด รสหวานกลมกล่อมจากการต้มเล้งถึง 20-25 กิโลกรัม"ก๋วยจั๊บน้ำใส (ธรรมดา 50 บาท / พิเศษ 70 บาท)" ความพิเศษของก๋วยจั๊บน้ำใสอยู่ที่เส้นนุ่มๆ หมูกรอบชิ้นโต เครื่องในเยอะๆ และน้ำซุปรสชาติกลมกล่อมเข้ากับเนื้อเครื่องใน"ตือฮวนเกี่ยมฉ่าย (ธรรมดา 50 บาท / พิเศษ 70 บาท)" มีเครื่องในให้หลากหลายส่วนทั้งไส้ใหญ่, ไส้อ่อน, ตับ, ไต, ไส้, ปอด, กระเพาะ, ลิ้น, เซี่ยงจี๊, ม้าม, เลือดหมู, ลูกชิ้น และผักกาดดองที่ตุ๋นจนเปื่อย และใส่หมูกรอบที่ทางร้านทำเองลงไปด้วย"เกาเหลาเลือดหมู (ธรรมดา 50 บาท / พิเศษ 70 บาท)" อีกหนึ่งเมนูที่ขึ้นชื่อของร้านซึ่งใส่เครื่องในเหมือนเมนูตือฮวนเกี่ยมฉ่าย แต่ไม่ใส่เกี่ยมฉ่าย"หอยจ๊อปู (80 บาท)" และ "กุนเชียงทอด (เส้นละ 30 บาท)""ร้านเล็กเกาเหลาเลือดหมู" อยู่หน้าปากซอยประดิพัทธ์ 18/1 ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.00-02.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-1556-8988

  • สุริยันจันทรา เต็มอิ่มกับทริปล่องเรือและอาหารไทยโบราณ

    "ร้านสุริยันจันทรา" ร้านอาหารและที่เที่ยวแห่งใหม่ในจังหวัดอยุธยา ทั้งทริปล่องเรือในแม่น้ำน้อย ได้แวะไหว้พระและเที่ยวชมสถานที่สำคัญของอยุธยา และพอขึ้นฝั่งก็จะได้ฟินกับอาหารไทยโบราณแบบเต็มอิ่มทริปล่องเรือในแม่น้ำน้อยแม่น้ำสายหลักของเมือง ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง แสามารถแวะไหว้พระตามวัดสำคัญๆ บริการล่องเรือ พร้อมอาหารว่าง, เครื่องดื่มบนเรือ และอาหารหลักพร้อมเครื่องดื่มที่ร้านอาหาร ราคาเริ่มต้น 13,900 บาท สำหรับ 6 ท่าน (บริการล่องเรือสามารถรับลูกค้าได้สูงสุดประมาณ 15 ท่าน) สำหรับลูกค้าที่ต้องการเฉพาะทานอาหารหลักที่ร้านอาหาร มีบริการเฉพาะเซตอาหาร ราคาเริ่มต้น 2,500 บาท สำหรับลูกค้า 4 ท่าน ทางร้านรับบริการเฉพาะลูกค้าจองล่วงหน้าเท่านั้น (Booking วันธรรมดา 1-2 วัน, วันเสาร์-อาทิตย์ 7 วัน)"เซตขนมไทย"ในส่วนของร้านอาหารเป็นโรงสีโบราณอายุกว่า 130 ปี แต่ตกแต่งดีไซน์ให้ดูร่วมสมัยแต่ยังมีกลิ่นอายความคลาสสิกอยู่ เมนูอาหารในร้านเป็นอาหารไทยโบราณรสมือแม่ครัวที่เป็นอยุธยาดั้งเดิมเลยตัวอย่างเซตอาหารหลัก"ปลาโบราณ" ปลาทอดราดซอสน้ำยำโบราณ"ห่อหมกบัวหลวง" เสิร์ฟมาในดอกบัวสวยๆ"ผัดผักเบญจรงค์" ผักผัก 5 สี กับกุ้งตัวใหญ่ๆ"แกงนพเก้า" แกงกะทิโบราณ สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย มีผัก 9 อย่าง พริกแกงแดงที่ร้านก็ตำเอง และกุ้งแม่น้ำตัวโตๆ จากอยุธยา"แกงรัญจวน" แกงโบราณที่มีบันทึกไว้ในสมัยรัชกาลที่ 5 เครื่องปรุงที่สำคัญคือ น้ำพริกกะปิ มีรสเปรี้ยว เค็ม เผ็ด"กุ้งหลน" กุ้งแม่น้ำหลนเต้าเจี้ยวสูตรโบราณใครที่อยากจะมาซึมซับบรรยากาศคลาสสิกในเมืองประวัติศาสตร์อย่างอยุธยา ขอให้ลิสต์ "ร้านสุริยันจันทรา" ไว้เลย ร้านอยู่ อ.บางบาล ติดริมแม่น้ำน้อย เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00-21.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 06-2852-8883

  • อยุธยา รีทรีต คาเฟ่เรือนไทย

    "อยุธยา รีทรีต (Ayutthaya Retreat)" ร้านอาหารกึ่งคาเฟ่ในจังหวัดอยุธยา และรีสอร์ท เรือนไม้สักสวยงามในบรรยากาศย้อนยุคแต่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันเมื่อเข้ามาด้านในจะเจอสระบัวขนาดใหญ่ที่ล้อมรอบด้วยอาคารทรงไทยหลายหลัง รอบสระมีทางเดินไม้ สามารถเดินชมบรรยากาศได้แบบชิลๆ ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของ อยุธยา รีทรีต นอกจากนี้ลมยังพัดเย็นสบายตลอดทั้งวัน แถมริมน้ำยังมีเปลไว้นอนชิลรับลมอีกด้วยมาผ่อนคลายกันถึงอยุธยาทั้งที ต้องมาชิมอาหารตามแบบฉบับของ อยุธยา รีทรีต มีทั้งอาหารไทยทั้งคาวและหวาน หลากหลายเมนูมาอยุธยาเมนูที่ห้ามพลาดก็คือ "กุ้งแม่น้ำเผา (700 บาท)""ยำโบราณ (150 บาท)" ยำวุ้นเส้นสูตรพิเศษของทางร้าน"แกงส้มชะอมกุ้ง (200 บาท)""ซอลท์เท็ดคาราเมลอัญชัน (85 บาท)""อุทัยทิพย์ฮันนี่เลมอน (85 บาท)""เค้กมะพร้าวอ่อน (100 บาท)"แวะมาผ่อนคลายกันได้ที่คาเฟ่เรือนไทยบรรยากาศดี "อยุธยา รีทรีต (Ayutthaya Retreat)" ซอยข้างวัดป้อมใหญ่ ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.30-18.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-3886-5968

  • บ้านไม้ริมน้ำ ร้านอาหารบรรยากาศดี ริมแม่น้ำเจ้าพระยา

    มาเที่ยวจังหวัดอยุธยา หลายคนคงคิดถึงอาหารพื้นบ้านรสชาติจัดจ้านอย่าง กุ้งเผา และปลาแม่น้ำ และอีกหนึ่งร้านดังที่ขึ้นชื่อของ 2 เมนูนี้มายาวนานกว่า 24 ปี "ร้านบ้านไม้ริมน้ำ" ร้านอาหารบรรยากาศดีติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา"ร้านบ้านไม้ริมน้ำ" มีบริการทั้งโซนริมน้ำ, ห้องแอร์ และมีบริการล่องเรือเหมาลำให้ได้ฟินกับบรรยากาศริมน้ำแบบใกล้ชิดพร้อมกับอาหารอร่อยๆ"ฉู่ฉี่ปลาเนื้ออ่อน (จานละ 400 บาท)" รสชาติเข้มข้นจัดจ้าน น้ำฉู่ฉี่ที่ร้านตีเครื่องแกงเอง ใช้หัวกะทิ หอมมันสุดๆ"กุ้งแม่น้ำเผา (เริ่มต้นตัวละ 500 บาท)" มาอยุธยาก็ต้องมาทานกุ้งแม่น้ำเผา มันเยิ้มๆ คลุกข้าวราดน้ำจิ้มซีฟู้ด อร่อยเด็ดสุด"ปูไข่หลน (ชุดละ 380 บาท)" ทั้งไข่ปูและเนื้อปูล้นๆ"ต้มยำปลาคัง (หม้อละ 200 บาท)"มาตามรอยเที่ยวอยุธยา กินอาหารพื้นบ้านอยุธยาอร่อยๆ กันได้ที่ "ร้านบ้านไม้ริมน้ำ" ข้ามสะพานปรีดี-ธำรง ไฟแดงที่ 2 เลี้ยวซ้าย ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.30-22.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0-3524-2248

  • ทองสมิทธ์ ก๋วยเตี๋ยวเรือเนื้อพรีเมี่ยม

    "ทองสมิทธ์" ก๋วยเตี๋ยวเรือแบบพรีเมี่ยมในเอ็มควอเทียร์ ร้านก๋วยเตี๋ยวชื่อดังที่ใครได้ลองเป็นต้องติดใจ โดยเฉพาะคนชอบเนื้อ กินแล้วละลายในปาก บอกเลยว่าห้ามพลาดมีหลากหลายเมนูทั้งเนื้อ หมูคุโรบูตะที่อร่อยนุ่ม รสชาติน้ำซุปกลมกล่อมหอมเครื่องยาจีน และสามารถเลือกระดับความเผ็ดได้ถึง 3 ระดับ จากซอสสูตรพิเศษของร้าน โดยทางร้านจะปรุงรสชาติมาให้เสร็จพร้อมทาน นอกจากนี้ที่ร้านยังมีอีกหลากหลายเมนูให้เลือกทั้งก๋วยเตี๋ยวไก่ฉีก ข้าวต้มแห้ง และอื่นๆ อีกมากมาย"น้ำตกหมูคุโรบูตะรวมมิตร""น้ำตกวากิวทองสมิทธ์" เมนูเด็ดที่นำเนื้อวากิวออสเตรเลีย ส่วนสะโพกมาสไลซ์ นำมาทำให้สุกประมาณ 60% แล้วจึงราดต่อด้วยน้ำซุปน้ำตก ทำให้ได้รสชาติเนื้อแบบเน้นๆ เคี้ยวแล้วละลายในปาก"กากหมูเจียว""ลูกชิ้นหมูปิ้ง""เกี๊ยวกรอบ""เกี๊ยวแซ่บเสฉวน""ซุปหมูคุโรบูตะสไลซ์" น้ำซุปของทางร้านจะใช้กระดูกสันหลังหมูมาทำน้ำซุป ซึ่งส่วนสันหลังหมูเมื่อนำมาทำเป็นน้ำซุป จะทำให้น้ำซุปมีรสหวานหอมใครรักก๋วยเตี๋ยวเรือไม่ควรพลาดกับ "ร้านทองสมิทธ์" สาขาเอ็มควอเทียร์ ชั้น 7 ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00-22.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0-2003-6226

  • ข้าวซอยน้ำเงี้ยว สาขาสุขุมวิท 24

    "ข้าวซอยน้ำเงี้ยว สาขาสุขุมวิท 24" ร้านอาหารเหนือที่รสชาติข้าวซอย น้ำเงี้ยว อร่อยแบบเชียงใหม่แท้ๆ เพราะเครื่องแกงที่ใช้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นพริกแกง ดอกงิ้วก็สั่งมาจากเชียงใหม่ ส่วนซี่โครงหมูจะตุ๋นประมาณ 1 ชั่วโมง ให้เวลาทานเนื้ออร่อยออกจากกระดูก และส่วนเส้นขนมจีนจะใช้เป็นเส้นสด"ขนมจีนน้ำเงี้ยว (60 บาท)""แกงโฮะ (70 บาท)""แกงฮังเล (80 บาท)""หมูยอเชียงใหม่ทอด (ชุดละ 30 บาท)""ข้าวซอยไก่" ข้าวซอยของที่ร้านจะใช้น้ำกะทิล้วน ใช้ส่วนหัวส่วนหาง ไม่เติมน้ำเปล่าผสมเลย น่องไก่จะตุ๋นแบบไม่สุกรอบนึง ขายไปตุ๋นไป ตุ๋น 2 รอบ และตุ๋นในน้ำข้าวซอยอีก ผักดองต่างๆ ที่ร้านก็ทำเอง"ร้านข้าวซอยน้ำเงี้ยว สาขาสุขุมวิท 24" ซอยสุขุมวิท 24  ร้านเปิดวันจันทร์-เสาร์ ตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-9896-2973

  • ร้านก๋วยเตี๋ยวลุงกับป้า

    "ร้านก๋วยเตี๋ยวลุงกับป้า" ก๋วยเตี๋ยวหมูบะช่อในตำนาน ขึ้นชื่อเรื่องรสชาติน้ำต้มยำที่ซี๊ดซ๊าดถึงใจและหมูบะช่อแน่นๆ ฟูๆ ตักตรงไหนก็เจอ ทีเด็ดของที่ร้านคือหมูบะช่อซึ่งเป็นหมูบดปรุงเครื่องจัดๆ และหมักทิ้งไว้ข้ามคืนให้เข้าเนื้อ และแน่นอนว่าเมนูเด็ดก็ต้องเป็นต้มยำที่มาแล้วต้องสั่ง"เส้นเล็กต้มยำ (ธรรมดา 50 บาท/ พิเศษ 80 บาท)""เกาเหลาจืด (ธรรมดา 50 บาท/ พิเศษ 80 บาท)""เส้นใหญ่เย็นตาโฟต้มยำ (ธรรมดา 50 บาท/ พิเศษ 80 บาท)""ไส้ลวก""ร้านก๋วยเตี๋ยวลุงกับป้า" อยู่ก่อนถึงซอยจรัญสนิทวงศ์ 49 ร้านเปิด ตั้งแต่เวลา 12.00-03.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-9995-8359

  • แสนสำราญที่แสนแสบ ร้านอาหารไทยโบราณ

    "ร้านแสนสำราญที่แสนแสบ" ร้านอาหารไทยติดคลองแสนแสบในบรรยากาศอบอุ่น แถมเมนูยังเป็นเมนูอาหารไทยโบราณหาทานยากให้ความรู้สึกเหมือนทานอยู่ที่บ้าน คอนเซ็ปต์อาหารของที่นี่เป็นเมนูอาหารไทยในอดีตเมื่อ 20 ปีก่อน จัดเป็นสำรับอาหาร มีทั้งของว่าง น้ำพริก แกง และขนม ครบทุกอย่างเริ่มจากของว่าง "เมี่ยงแนมปลา" เมนูนี้ไม่มีกลิ่นคาวของปลาช่อนเลย เพราะถูกดับกลิ่นด้วยมะพร้าวคั่ว น้ำข่า ส้มซ่า ข้าวคั่ว และใส่หนังหมูลงไปเพื่อเพิ่มเท็กซ์เจอร์ตอนทานด้วย ทานคู่กันกับข้าวตังและใบพลู"กระทงทอง" อีกหนึ่งเมนูที่หาทานยาก ด้วยการทำที่ซับซ้อนตั้งแต่การทำแป้ง การทอดกระทง และผัดไส้"ทอดมันกุ้งไทย" เป็นสูตรจากตำรับอาหารของราชสกุลทินกร ไฮไลท์อยู่ที่มันกุ้งผัดกับสามเกลอแล้วราดลงบนทอดมันกุ้ง"แกงจืดไข่นกกระสา" เมนูนี้มาจากตำราของท่านผู้หญิงกลีบ มหิธร น้ำซุปหอมกระเทียม"น้ำพริกขี้กา" เสิร์ฟมาพร้อมหมูโสร่ง ไข่ยางมะตูม ปลาดุกแดดเดียวทอด ผักสดและผักลวก ตัวน้ำพริกหอมกลิ่นปลาย่าง"แสร้งว่ายำไข่เต่ามังคุด" เมนูโบราณหาทานยาก ใช้ไข่ออนเซ็นเน้นเฉพาะไข่แดงราดด้วยน้ำยำแบบใสที่มีรสชาติเปรี้ยวหวาน คลุกเคล้ากับกุ้งลวกและมังคุกใครที่อยากลองชิมอาหารไทยโบราณหาทานยากในบรรยากาศริมคลองแบบนี้ แวะมากันได้ที่ "ร้านแสนสำราญที่แสนแสบ" อยู่ที่ซอยสุขุมวิท 31 ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 11.30-21.30 น. (หยุดทุกวันจันทร์) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0-2662-1922

  • Nivas Cafe and Bistro ร้านอาหารไทยรสจัดจ้าน

    "นิวาส Nivas Cafe and Bistro" คาเฟ่และร้านอาหารสไตล์ไทยที่มีทั้งอาหารไทยแท้ ไทยประยุกต์ ไทยท้องถิ่น ซึ่งได้ 'เชฟหนุ่ม ธนินทร' เจ้าของมิชลินสตาร์ 1 ดาว มาช่วยให้คำปรึกษากับที่ร้าน และ 'เชฟป๊อป พิชชกร' การันตีด้วยรางวัลและประสบการณ์เพียบ"แกงเหลือกุ้งสดมังคุดคัด (350 บาท)" เมนูสุดพิเศษ ด้วยน้ำแกงที่เข้มข้นจากพริกแกงเหลือซึ่งทางร้านโขลกเอง และมังคุดคัดส่งตรงมาจากจังหวัดนครศรีธรรมราช "ยำถั่วพูกุ้งแม่น้ำเผา (220 บาท)" เมนูเรียกน้ำย่อย หอมกุ้งแม่น้ำย่างเตาถ่าน"รวนพะโล้ไข่เค็ม (220 บาท)" ใช้หมูสามชั้นคุณภาพดี รวนกับเครื่องสามเกลอ และในน้ำพะโล้จะผสมไข่เค็มลงไปด้วยทำให้ได้ความเข้มข้นมากขึ้น"ผัดไทยไชยา (180 บาท)" เมนูนี้ทางเชฟปรุงซอสผัดไทยขึ้นมาเอง ทานคู่กับไข่เค็มไชยา"แกงเขียวหวานไก่กับโรตี (220 บาท)" ทีเด็ดอยู่ที่พริกแกงที่โขลกเอง รับประกันความหอมตามมาอิ่มอร่อยกันได้ที่ร้าน "นิวาส Nivas Cafe and Bistro" อยู่ที่ซอยนาคนิวาส 24 ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00-00.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-6868-8951

  • หรอยแรงกับอาหารใต้ ร้านละมุนลิ้น โฮม คิทเช่น

    มาย่านมีนบุรีแล้วถ้าอยากหรอยกับรสชาติแกงใต้ ขอแนะนำร้านนี้เลย "ร้านละมุนลิ้น โฮม คิทเช่น" อาหารใต้หรอยแรงสูตรจากนครศรีธรรมราชที่ส่งตรงวัตถุดิบหลักจากทั่วภาคใต้มารวมไว้ที่นี่ รับรองถูกใจคออาหารใต้แน่นอน"น้ำพริกชุบโจร (169 บาท)" เป็นน้ำพริกแบบทางใต้ ซึ่งมีเรื่องเล่าของชื่อน้ำพริกว่ามีโจรปล้นบ้านหลังหนึ่งแล้วเกิดหิวขึ้นมา ในครัวมีเครื่องทำน้ำพริกอยู่เลยทำน้ำพริกกิน แต่ใช้มือขยำเอาเพราะถ้าใช้ครกเจ้าของบ้านจะได้ยิน จึงกลายเป็นที่มาของน้ำพริกชุบโจร"แกงคั่วหมูละมุน (189 บาท)" ใช้กะปิจากสุราษฎร์ธานีที่มีรสกลมกล่อมผสมกับกะปิจากระนองที่มีรสเข้ม และผสมกับเครื่องแกที่โขลกเอง ทำให้ได้รสชาติถึงเครื่อง"ต้มกะทิใบเหลียงกุ้งสด (209 บาท)" "แกงเหลืองปลากดลูกเขาคัน (259 บาท)" เป็นเมนูตามฤดูกาล หอมกลิ่นกะปิ และมีความเปรี้ยวของลูกเขาคันซึ่งเป็นพืชผักตามฤดูกาล"หมูฮ้อง (219 บาท)" เมนูไฮไลท์ของร้าน เนื้อหมูนุ่ม ตุ๋นนานกว่า 3 ชั่วโมง มีกลิ่นหอมผักชีพริกไทยดำ ยิ่งทานคู่กับน้ำพริกยิ่งเสริมรสชาติกันได้ดีปิดท้ายด้วยเมนูของหวาน "โกสุ้ย (กล่องละ 35 บาท)" และ "สาคูลำไย (50 บาท)" ทางร้านใช้สาคูธรรมชาติจากต้นส่งมาจากจังหวัดพัทลุง มาต้มกับลำไย ราดด้วยน้ำกะทิที่ใช้มะพร้าวจากสมุย ทานตอนอุ่นๆ จะดีมากมาอิ่มอร่อยกับอาหารใต้ได้ที่ "ร้านละมุนลิ้น โฮม คิทเช่น" อยู่ระหว่างซอยรามคำแหง 192-194 ร้านเปิดทุกวัน 10.00-22.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0-2004-8565

  • ยำปูเลสเบี้ยนแห่งพัทยา

    มาถึงถิ่นพัทยาที่ใครๆ ก็ขนานนามว่าเป็นเมืองแห่งยำและร้านยำปูในตำนานเมืองพัทยาที่ใครก็ต้องมากิน หรือมาแล้วยังต้องกลับมาซ้ำอีกครั้งกับ "ร้านยำปูเลสเบี้ยน" หรืออีกชื่อที่รู้จักกันคือ "ร้านยำปู L&B" ที่มาขอชื่อร้าน "ยำปูเลสเบี้ยน" มาจากเหล่าลูกค้าที่ตั้งให้ เพราะเห็นว่าลูกค้าของทางร้านมีหลากหลายเพศ เลยเป็นศูนย์กลางในการนัดเจอกันมากินยำ ร้านเปิดขายมากว่า 20 ปี แต่ 10 ปีหลังมาทำยำปูม้าขาย เพราะ 'คุณปอย - ตรีชฎา' เป็นคนบอกให้ลองทำ หลังจากนั้นก็ขายดิบขายดีมาตลอด"ยำปูม้าใส่ปลาร้า (320 บาท)" ทีเด็ดอยู่ที่น้ำปลาร้า ซึ่งเป็นสูตรของทางร้าน มาจากตำบลท่าแร่ จังหวัดสกลนคร เป็นปลาร้าที่หมักมาเป็นปี นำมาต้มสุกจะได้รสชาติที่นัวและไม่เหม็นคาว"ยำปูม้า (320 บาท)" ปูม้ามาจากเกาะล้านโดยจะนำปูมาแช่น้ำปลา แล้วเอาไปแช่แข็งไว้ก่อนเพื่อความสด"ยำหมูยอ (120 บาท)" "ส้มตำปูปลาร้า (60 บาท)" "ไก่ย่าง (ไม้ละ 15 บาท)" เมนูเด็ดที่ต้องสั่งกันทุกโต๊ะ โดยจะย่างไก่ย่างบนเตาถ่านที่ใช้ไฟแรงเต็มที่เพื่อให้เนื้อไก่สุก แล้วใช้ไฟให้อ่อนลงทำให้หนังกรอบ เนื้อนุ่มตามมาอร่อยกันได้ที่ "ร้านยำปูเลสเบี้ยน" อยู่ที่พัทยาใต้ ใกล้สี่แยกสื่อสาร ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 13.00-22.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-3268-5953

  • เตี๋ยวไก่นางงาม

    ร้านเมนูเส้นที่โด่งดังในย่านคู้บอน "ร้านเตี๋ยวไก่นางงาม" ของ 'น้องปอไหม-รัตติกร' มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2015 ที่แค่ก้าวเท้าเข้ามาในร้านก็ได้กลิ่นหอมของน้ำซุปคลุ้งไปทั่วร้านใครที่ชอบกินไก่ตุ๋นจะต้องชอบความเปื่อยและเนื้อร่อนละลายในปากของไก่ร้านเตี๋ยวไก่นางงาม เพราะระยะในการเปื่อยของแต่ละชิ้นส่วนของไก่ไม่เท่ากัน ดังนั้นทางร้านจึงแยกหม้อตุ๋นแต่ละส่วนของไก่เพื่อความเปื่อยและป้องกันไม่ให้เนื้อไก่ไม่สวยอีกด้วย"เส้นเล็กรวมทุกอย่าง (55 บาท)""ซุปเปอร์ (65 บาท)""ปีกจานใหญ่ (55 บาท)""ข้อจานใหญ่ (55 บาท)""เลือดจานใหญ่ (35 บาท)"ใครที่ชอบเมนูก๋วยเตี๋ยวไก่ เนื้อร่อน ละลายในปาก ตามมาอิ่มอร่อยกันได้ที่ "ร้านเตี๋ยวไก่นางงาม" อยู่ที่ถนนคู้บอน ต้นซอย 16/1 ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00-24.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-5019-1879

  • ราชวัตรร้านเก่าแก่แต่เก๋า

    วันนี้เปรี้ยวปากพามาเดินชิลย่านเก่าแก่อย่าง "ราชวัตร" ชี้เป้าร้านเด็ดที่การันตีความเก๋าด้วยตัวเลขอายุของร้านที่เก่าแก่แต่เก๋าทุกร้านแน่นอน ซึ่งย่านนี้มีคนพลุกพล่านทั้งวัน เพราะมีทั้งตลาด ทั้งร้านอร่อยริมสองข้างทาง ตั้งแต่เช้าไปจนถึงกลางคืน เสน่ห์ของย่านนี้นอกจากร้านอาหารแล้ว ริมสองฝั่งข้างทางยังเป็นตึกเก่ามีทั้งร้านขายของแบบสมัยเด็กๆ ร้านขายหนังสือ ร้านล้างรูป มาย่านนี้ใครชอบถ่ายรูปสไตล์วินเทจต้องชอบแน่นอนเริ่มกันที่ร้านแรกด้วย "ร้านสวัสดีราชวัตร" เป็นร้านที่ใครมาย่านนี้ต้องห้ามพลาด ร้านเปิดมาตั้งแต่ปี 2514 คุณยายสมรเจ้าของสูตรร้านสวัสดีราชวัตรเล่าถึงที่มาของร้านให้ฟังว่า 'แต่ก่อนที่บ้านเปิดโรงงานทำเส้นก๋วยเตี๋ยวมาก่อน ช่วงกลางคืนคุณยายจะทำเส้นก๋วยเตี๋ยว กลางวันยายก็จะเอาเส้นก๋วยเตี๋ยวมาทำเป็นก๋วยเตี๋ยวถังแตกขาย หลังจากนั้นก็เลยเปลี่ยนมาขายเป็นผัดไทย หอยทอดแทน แล้วก็มีขนมกุยช่าย ขนมผักกาดด้วย และชื่อร้านสวัสดีราชวัตร ก็มาจากชื่อร้านขายข้าวสารของพี่สาว พี่สาวมีร้านชายข้าวสารชื่อว่า สวัสดี แล้วพี่สาวมาเล่าให้ฟังว่าพอใช้ชื่อนี้แล้วขายดีมาก ยายมาเปิดร้านจึงตั้งชื่อว่า สวัสดีราชวัตร จะได้ขายดีแบบพี่สาวบ้าง'"ผัดไทยกุ้งสด (100 บาท)" ทางร้านใช้เส้นจันทน์เหนียวนุ่ม ผัดไทยของที่ร้านจะไม่มีน้ำซอสผัดไทยเตรียมไว้ จะเป็นการปรุงใหม่ทุกจาน รสชาติจัดจ้าน และใช้น้ำส้มแทนน้ำมะขาม"หอยแมลงภู่กระทะร้อน (120 บาท)" อีกหนึ่งเมนูไฮไลท์ สามารถเลือกระดับความกรอบของแป้งได้โดยใช้แป้งข้าวเจ้าและแป้งมันผสมกันเพื่อให้ได้ทั้งความกรอบและความเหนียว ส่วนน้ำจิ้มทางร้านใช้พริกจินดานึ่งแล้วปั่นผสมกับน้ำส้ม"ขนมกุยช่ายทอด (ชิ้นละ 10 บาท)" มีให้เลือก 3 ไส้ คือ เผือก มันแกว กุยช่าย "ขนมผักกาด (50 บาท/พิเศษ 60 บาท)" "ร้านสวัสดีราชวัตร" อยู่เยื้องตลาดราชวัตร ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.00-16.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0-2241-2096มาต่อด้วยอีกหนึ่งร้านเก๋าในย่านนี้ "ร้านวันสตาร์ เป็ดย่าง ราชวัตร" ร้านเป็ดย่างชื่อดังในย่านราชวัตร เปิดมากว่า 25 ปี ซึ่งทางร้านคิดสูตรขึ้นมาเองและเป็นสูตรของครอบครัวอีกด้วย "ข้าวหน้าเป็ด (50 บาท)" เป็ดย่างหอมเครื่องเทศ เพราะทางร้านหมักเป็ดเชอร์รี่กับเครื่องเทศทิ้งไว้ 1 คืน ก่อนนำมาย่างอีก 45 นาที ทำให้เป็ดเนื้อนุ่ม หนังบางกรอบ ที่สำคัญคือไม่มีกลิ่นสาบ"บะหมี่เป็ด (55 บาท)" เส้นบะหมี่ของทางร้านเป็นบะหมี่ไข่ สั่งทำพิเศษ และทีเด็ดอยู่ที่น้ำราดแบบเดียวกันกับน้ำราดข้าวหน้าเป็ด ใช้เครื่องเทศกว่า 10 ชนิด เคี่ยวกับน้ำซุปซี่โครงเป็ดเป็นเวลา 2-3 ชั่วโมงเลยอีกหนึ่งเมนูที่สั่งมาซดน้ำให้คล่องคอ "เกี๊ยวกุ้ง เป็ด หมูกรอบ" แป้งเกี๊ยวของที่ร้านสั่งทำพิเศษ แป้งจะบาง ส่วนกุ้งทางร้านจะนำไปหมักก่อนเอามาหอ่ น้ำซุปหวาน หอม อร่อย"ร้านวันสตาร์ เป็ดย่าง ราชวัตร" อยู่เยื้องตลาดราชวัตร ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.30-16.30 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0-2241-2506ทานของคาวไปแล้วต้องต่อด้วยของหวาน "ร้านขนมครกเข้าวัง" ที่เปิดขายมา 40 ปีแล้ว เดิมแต่ก่อนชื่อร้านว่าขนมครกลุงธนิต แต่ทางร้านได้มีโอกาสเข้าไปทำขนมครกถวายในวัง พอคนที่มาซื้อรู้ว่าร้านนี้เข้าไปทำถวายมา จึงเรียกชื่อร้านกันใหม่ว่า ขนมครกเข้าวัง แทนขนมครกของที่ร้านจะกรอบนอกนุ่มใน รสชาติละมุนลิ้น โดยเน้นที่กะทิ จะใช้มะพร้าวเจ้าเดียวกับที่ส่งเข้าวัง เป็นมะพร้าวจากทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ จะใช้หัวกะทิเพื่อความหอม มัน โดยมีหน้าขนมครกให้เลือกทั้งหมด 10 หน้า คือ ฝอยทอง, แปะก๊วย, เม็ดบัว, พุทรา, ลำไย, ลูกเกด, มะพร้าว, ผัก, เผือก และข้าวโพด"ร้านขนมครกเข้าวัง" อยู่หน้าร้านสวัสดีราชวัตร ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 17.00-22.00 น. (หยุดวันจันทร์) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-1916-0974ปิดท้ายด้วยขนมหวานอย่างบัวลอยที่ "ร้านบัวลอยไข่หวานทรงเครื่อง" ร้านเปิดมาตั้งแต่ปี 2540 โดยพี่อุ๊เจ้าของร้านบอกว่า 'พี่อุ๊เป็นคนชอบกินบัวลอย ตระเวนชิมบัวลอยตามหาร้านอร่อยไปเรื่อยๆ จนมาวันนึงคิดได้ว่าทำไมเราไม่เปิดร้านขายเองเลย จึงได้ลองทำสูตรบัวลอยของตัวเองขึ้นมา'เห็นสีสันอันสดใสของบัวลอยแล้ว สีที่ใช้เป็นสีจากธรรมชาติล้วนๆ โดยใช้แป้งข้าวเหนียวผสมกับผักผลไม้ต่างๆ เพื่อให้เกิดเป็นสีสัน อย่างเช่น สีเเหลืองมาจากฟักทอง, สีส้มมาจากแครอท, สีม่วงมาจากเผือกหรืออัญชัน และสีชมพูมาจากแก้วมังกร นอกจากสีสันของบัวลอยที่น่าทานแล้ว ทีเด็ดที่ทำให้เหล่าลูกค้าติดใจกันมากก็คือ ไข่หวานและท็อปปิ้งที่สามารถเลือกใส่ได้ตามชอบ โดยตัวไข่มีให้เลือกทั้งไข่หวานแบบสุกและไข่หวานแบบยางมะตูม เครื่องก็มีให้เลือกใส่เพิ่มอีก 4 อย่าง มีแปะก๊วย, เผือก, ข้าวโพด และมะพร้าว"บัวลอยไข่หวานทรงเครื่อง (ไข่เค็มและไข่หวาน 40 บาท)" ตามมาชิมบัวลอยสูตรโฮมเมดอร่อยๆ กันได้ที่ "บัวลอยไข่หวานทรงเครื่อง" อยู่ตรงข้ามตลาดราชวัตร ข้างป้อมตำรวจ ร้านเปิด ตั้งแต่เวลา 16.00-20.30 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-9798-8644

  • ผัดไทยพรหมพิราม

    "ร้านผัดไทยพรหมพิราม" ที่จะทำให้เมนูซิกเนเจอร์ของเมืองไทยอย่าง 'ผัดไทย' ให้อร่อยได้ไม่เหมือนใคร ที่สำคัญส่งต่อความอร่อยมากกว่า 50 ปีแล้ว เสน่ห์ของผัดไทยพรหมพิรามคือจะใส่แหนมโดยเป็นแหนมสดปรุงเองเฉพาะกับผัดไทยพรหมพิรามเท่านั้น รสชาติแหนมจะไม่โดดแต่กลมกล่อมเข้าไปกับตัวไทยได้ดีจุดเริ่มต้นตำนานสูตรผัดไทยพรหมพิรามเกิดจากครอบครัวของคุณครีมเจ้าของร้านที่คุณย่าทำผัดไทยขายอยู่แล้ว พอมารุ่นคุณลุงก็มีเพิ่มแหนมเข้ามา และปรับปรุงสูตรมาเรื่อยๆ จนกลายเป็นผัดไทยพรหมพิรามที่ทางครอบครัวตั้งชื่อเอง เพราะเป็นบ้านเกิดของคุณครีมและทำให้นึกถึงคุณย่าที่เป็นเจ้าของสูตรกว่า 50 ปีด้วย"ผัดไทยเส้นจันท์แหนมกุ้งสด (119 บาท)" เมนูไฮไลท์ของทางร้าน โดยแหนมที่ใช้เป็นแหนมสดที่ทำมาเพื่อเมนูนี้โดยเฉพาะ หาทานที่อื่นไม่ได้ ส่วนตัวกุ้งสดเอาไปชุบน้ำซอสที่ทำมาจากมันกุ้งแท้ๆ เพื่อเพิ่มรสชาติและความมัน"ผัดไทยเส้นจันท์กากหมู (79 บาท)" หากใครที่ไม่ชอบทานแหนม ทางร้านก็มีเมนูผัดไทยแบบไม่ใส่แหนม และจุดเด่นของเมนูนี้คือกากหมูที่ทางร้านเจียวเองวันต่อวัน"น้ำตกหมูเมืองพรหม (85 บาท)" เมนูจัดจ้านแบบไทยอีสาน ใช้มะนาวสดและหมูทอดที่ทอดสดใหม่ ตามด้วยความเค็มนวลๆ ซึ่งมาจากน้ำปลาสูตรเฉพาะของทางร้าน"ข้าวผัดหมูทอดไข่ตูม เมืองพรหม""ข้าวเกรียบปากหม้อใบเตยกะทิสด""ร้านผัดไทยพรหมพิราม" อยู่ที่ซอยประเสริฐมนูกิจ 33 โครงการ AT 168 AVENUE ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.30-20.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-2584-9999

  • ระเบียงแซ่บ อร่อยแบบไทยแท้ทั่วทุกภาค

    "ร้านระเบียงแซ่บ" ที่ขนเอาความอร่อยแบบไทยแท้ทั่วทุกภาคมาไว้ที่เดียว คอนเซ็ปต์ร้านคือความจัดจ้านในแบบฉบับของระเบียงแซ่บ เครื่องเทศต้องแน่น อาหารรสจัด มีการเบลนเอาเครื่องเทศและลักษณะความเป็นไทยเข้ามาใส่ในอาหารเพื่อให้คงความเป็นไทยเอาไว้ บรรยากาศร้านเป็นสไตล์ Industrial Tropical Home ให้ความรู้สึกโปร่งโล่งสบาย"ตำ หรอย ลำ แซ่บ (200 บาท)" เมนูตำ 3 ภาค ที่รวมทั้งอีสาน เหนือ ใต้ ทั้งไส้อั่ว สะตอ และปลาร้าทางร้านก็ทำเอง"ไก่ย่างขมิ้น (200 บาท)" ใช้เฉพาะส่วนน่องและสะโพกของไก่ สูตรเด็ดคือเครื่องต้องถึงทั้งขมิ้นและสมุนไพรต่างๆ หมักข้ามคืนจนซึมเข้าไปในเนื้อ"พะโล้แห้งภูเก็ต" เมนูนี้คล้ายๆ กับหมูฮ้อง เคี่ยวกับเครื่องเทศจนสีไข่กลืนไปกับน้ำพะโล้"ปลาร้าหลนทรงเครื่องโบราณ (150 บาท)" เมนูไฮไลท์ของร้าน จุดเด่นคือปลาร้า ที่ทำมาจากปลาช่อนที่หมักกับข้าวคั่วจากจังหวัดสุพรรณบุรีเท่านั้น ซึ่งจะหอมมากเวลานำมาทำอาหาร"หมึกไข่ทุ่งสง (250 บาท)" สูตรมาจากทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช ใช้วัตถุดิบคัดเฉพาะปลาหมึกตัวที่มีไข่เท่านั้น ใส่อ้อย เคี่ยวกับน้ำตาลโตนดจนรัดตัว โดยต้องเคี่ยวนานพอสมควรจนได้ที่"ยำสามกรอบสตรอว์เบอร์รี (180 บาท)"ปิดท้ายด้วยของหวาน "สาคูต้น (70 บาท)" ใช้เม็ดสาคูที่มาจากต้นแท้ๆ ราดด้วยกะทิสด หอม หวาน มัน ตามมาทานอาหารไทยรสชาติจัดจ้านถึงเครื่องเหมือนรสมือแม่ได้ที่ "ร้านระเบียงแซ่บ" อยู่ที่ ถ.ประชาอุทิศ ใกล้กับสถานทูตกัมพูชา ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00-21.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0-2158-9400

  • เลนัว แซ่บซี๊ดสไตล์ฟิวชั่น

    ใครสายแซ่บต้องห้ามพลาดกับ "ร้านเลนัว" ร้านอาหารฟิวชั่นรสจัดจ้านที่รวมเอาอาหารอีสานและอาหารทะเลมามิกซ์กันกลายเป็นเมนูสุดจัดจ้าน"ซีฟู้ดทะเลเดือด (280 บาท)" เมนูนี้จะคล้ายกับเมนูนึ่งมะนาว รสชาติเปรี้ยวและเผ็ดนำ เสิร์ฟมาในหม้อไฟ มีทั้งกุ้ง ปลาหมึก หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ และเนื้อปลากะพง"แกงส้มปูไข่สายบัว (350 บาท/ 400 บาท ราคาตามขนาดปู)" เมนูนี้ทางร้านตำพริกแกงเองในสไตล์ภาคกลาง น้ำแกงส้มรสเปรี้ยวนำ หวาน เค็ม สายบัวคัดเฉพาะก้านอ่อนและที่สำคัญปูไข่ส่งตรงมาพักไว้ที่บ่อจาก จ.เพชรบุรี ไข่ปูจะมัน เนื้อปูแน่นหวาน"ตำซุปเปอร์นัว (150 บาท)" ตำปลาร้าแซ่บๆ นัวๆ ที่มาพร้อมขาไก่ที่ตุ๋นจนเปื่อยนุ่ม และหอยแครงลวก ส่วนน้ำปลาร้าก็หอม ไม่มีกลิ่นคาว"หมึกไข่แดดเดียว (250 บาท)" ทางร้านใช้ปลาหมึกไข่คัดพิเศษจากปราณบุรี นำมาตากแดดประมาณ 5 ชั่วโมง เพื่อให้ได้ความกรอบที่กำลังดี ไม่เหนียวจนเกินไปก่อนจะนำไปปรุงรสและทอดใครที่ชื่นชอบอาหารอีสานรสจัดจ้านกับซีฟู้ดแวะมาแซ่บกันได้ที่ "ร้านเลนัว" อยู่ระหว่างซอยอ่อนนุช 51/3 และ 53 ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 11.00-23.00 น. (หยุดวันพุธ) โทร. 08-5148-6464

  • Arteasia Light Garden คาเฟ่ลับๆ ย่านเยาวราช

    "Arteasia Light Garden" คาเฟ่ลับๆ บนถนนทรงวาดย่านเยาวราชที่เนรมิตตึกเก่าอายุกว่า 109 ปีให้กลายเป็นเหมือน Light Art Gallery ที่ไม่ว่าจะถ่ายรูปมุมไหนก็สวยไปหมดคาเฟ่แห่งนี้ผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมตะวันตกและตะวันออกเข้าด้วยกัน เน้นวัสดุทรงเหลี่ยม ตกแต่งด้วยแสงไฟสวยๆ ทำให้สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายความเป็นไทย-จีน โดยมุมไฮไลท์ของร้านก็คืองานศิลปะกระจก 8 ชั้น รวมไปถึงหน้าต่างทุกบานจะประดับด้วยกระจกหลากสี ทำให้เกิดแสงสีที่มีมิติทั่วทั้งร้าน ส่วนอาหารก็จะเป็นอาหารจานเดียวแนวไทยประยุกต์เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศของร้าน"Arteasia Afternoon Tea Set (690 บาท)" เซตของว่างไทยโบราณยามบ่ายที่มีทั้งขนมค้างคาวเผือก, ข้าวตังหน้าตั้งน้ำพริกอ่อง, เมี่ยงใบชะพลูกุ้งสด และแตงโมปลาแห้ง"ข้าวหน้าเนื้อตุ๋นกะทิน้ำพริกข่า ไข่ต้มยางมะตูม (320 บาท)" ทางร้านใช้เนื้อลายไปตุ๋นกับซอสปรุงรสต่างๆ เคี่ยวนาน 1 ชั่วโมงจนเนื้อนุ่ม ทานคู่กับน้ำพริกข่าสูตรของทางร้าน"ข้าวไก่ทอดซอสเบคอนหวาน ไข่ยางมะตูม (270 บาท)""หมูครึ่งแดด (250 บาท)" ใช้หมูสันนอกมาหมักกับซอสปรุงรสจนเข้าเนื้อ แล้วนำไปตากแดดแค่แปบเดียว เนื้อหมูจะนุ่ม ไม่แห้งจนเกินไป"Vangogh's Night (175 บาท)" เป็นม็อกเทล 3 ชั้น ด้านล่างเป็นน้ำอัญชัน น้ำมะนาว และท็อปด้วยชาแอปเปิ้ลผสมสตรอว์เบอร์รี"Mucha's Flower" ชาแอปเปิ้ลผสมมสตรอว์เบอร์รีปิดท้ายด้วยเมนูของหวานอย่าง "Earl Grey Crofel (180 บาท)" ตัววาฟเฟิลทำมาจากแป้งครัวซองต์ หอมเนย ทานคู่กับครีมซอส Earl Grey และไอศกรีมวานิลลาตามหาร้านลับสวยๆ กันได้ที่ "Arteasia Light Garden" เลขที่ 947 ถนนทรงวาด ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 14.00-23.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-4659-6653

  • Paknang (ปากนัง) ร้านอาหารใต้สูตรปากพนังย่านอารีย์

    เปรี้ยวปากชวนทุกคนมาลิ้มลองอาหารใต้สูตรต้นตำรับที่ "Paknang (ปากนัง)" ร้านอาหารใต้ชิคๆ ย่านอารีย์ที่สืบทอดความอร่อยมาจากสูตรของครอบครัว ซึ่งจะมีรสชาติที่จัดจ้าน เผ็ด ถึงรสชาติของพริกแกงที่มาของชื่อร้าน "Paknang (ปากนัง)"  นั้นมาจากคำว่า ปากพนัง ซึ่งเป็นการกร่อนเสียงสำเนียงของคนใต้ และอาหารของที่ร้านสืบทอดมาจากสูตรของคุณยายมูล ซึ่งเป็นอาหารใต้แท้ๆ แบบ อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราชการออกแบบร้านเป็นสไตล์คาเฟ่แนววินเทจยุค 60 โดยใช้สตอรี่เกี่ยวกับคุณยายมูล และวิวของปากพนังด้วย"น้ำพริกสามสหาย (350 บาท)" น้ำพริกสูตรเด็ดของคุณยายมูล มีทั้งน้ำพริกกะปิที่ใช้กะปิจากระนอง น้ำพริกหยำกุ้ง และน้ำพริกไตปลาแห้ง เสิร์ฟมาพร้อมกับผักสด ผักต้ม ผักทอด ปลาทูทอด และไข่ต้มยางมะตูม"ผัดวุ้นเส้นทับทิมสยามกุ้งสับกระเทียมดอง (240 บาท)" ทางร้านเอาวุ้นเส้นไปแช่กับน้ำบีทรูทเพื่อให้ได้เส้นสีชมพูคล้ายกับส้มโอทับทิมสยามที่เป็นส้มโอของปากพนัง จากนั้นนำมาผัดใส่กุ้งสับ ดอกขจร และกระเทียมดอง"ผัดพริกเหลืองปู (480 บาท)" ใช้เนื้อปูก้อนที่ส่งตรงมาจากสุราษฎร์ธานี"หมี่ปากนัง (220 บาท)" อาหารท้องถิ่นของปากพนัง จะใช้เส้นเล็กผัดกับเครื่องแกงสูตรพิเศษของร้าน ทานคู่กับกุ้งฆอและ มะม่วงเบาซอย ถั่วงอกและใบบัวบก"แกงพริกปากนังปลาทราย (250 บาท)" เมนูนี้ใช้พริกแกงตำเอง เครื่องแกงจะหอมสมุนไพร เผ็ดร้อน แกงแบบน้ำขลุกขลิก ใช้ปลาทรายขาวมาแกง และใส่ใบยี่หร่าตามรอยความอร่อยกันได้ที่ "ร้าน Paknang" อยู่ใกล้ซอยอารีย์ 5 ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00-21.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-8822-1450

  • หอยใหญ่ๆ สดๆ ย่านเกษตรนวมินทร์ ร้านหอยจ๋า อร่อยจี๋

    เอาใจคนชอบทานหอยกับร้าน "หอยจ๋า อร่อยจี๋" ที่ย่านเกษตร-นวมินทร์ ร้านนี้เด็ดจนเปิดปุ๊บโต๊ะเต็มตลอดและของทะเลต่างๆ ก็ส่งตรงจากทะเลแบบวันต่อวันเลยทีเดียว รับรองว่าสดแน่นอนแน่นอนว่าถ้าพูดถึงหอยก็ต้องนึกถึงหอยจากสุราษฎร์ธานี ที่ร้านจึงยกความสดของทะเลสุราษฎร์ฯ มาเสิร์ฟให้ถึงในกรุงเทพ มีทั้งหอยแครง หอยหวาน หอยตลับ กุ้ง ปู ปลา ที่ทั้งสดใหม่และคัดไซส์ใหญ่เท่าฝ่ามือ ตามคอนเซ็ปต์ 'หอยไม่สด หอยไม่ใหญ่ เราไม่ขาย'นอกจากของทะเลสดๆ แล้วน้ำจิ้มสูตรลับของที่ร้านก็เด็ดไม่แพ้กัน มีให้เลือกถึง 3 รสชาติด้วยกัน1. น้ำจิ้มซีฟู้ด สำหรับสายแซ่บ ทางร้านจะใช้พริกสด มะนาวสด และกระเทียมปั่นรวมกัน รสชาติเค็มนำเปรี้ยวตาม ทานคู่กับซีฟู้ดสๆ จะเข้ากันพอดี2.น้ำจิ้มซีฟู้ดผสมกับน้ำจิ้มหวาน สำหรับคนที่ไม่ค่อยทานเผ็ด จะโรยด้วยถั่วคั่ว ได้ความนัวๆ จากถั่วเพิ่มเข้ามา3. น้ำจิ้มมะขาม น้ำจิ้มสำหรับเด็ดๆ ที่ไม่ทานเผ็ดเลย รสชาติเปรี้ยวอมหวาน ได้กลิ่นมะขามชัดเจน โรยถั่วคั่วให้ด้วยเหมือนกันเริ่มด้วยเมนูซิกเนเจอร์ของทางร้าน "หอยแครงภูเขาไฟ (ไซส์รองจัมโบ้ 299.-/ไซส์จัมโบ้ 350.-)" เสิร์ฟมาในหม้อสูงสมชื่อภูเขาไฟ สามารถเลือกความสุกได้ตามชอบอีกด้วยหอยแครงของที่ร้านรับมาสดๆ ใหม่ๆ สามารถเอาไปทำได้อีกหลากหลายเมนู"หอยแครงชุบแป้งทอด (350.-)" ชุบแป้งบางๆ ทอดมาแบบกรอบนอกนุ่มในและ "เมี่ยงหอยแครง (350.-)" สำหรับสายสุขภาพ"หอยตลับอบสมุนไพร (150.-)" อบสมุนไพรไทยหอมๆ มีทั้งมะกรูด โหระพา ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด แล้วน้ำซุปที่ออกมาจากตัวหอยจะหวานกลมกล่อมมากที่นี่ไม่ได้มีแต่เมนูหอยเท่านั้น ยังมี "กั้งทอดกระเทียม (กั้งสด ขีดละ 300.-/กั้งกระดาน จานละ 550-590)" ทางร้านใช้กั้งไข่ตัวใหญ่ๆ มาชุบแป้งทอดแบบกรอบๆคนชอบทานหอยต้องห้ามพลาดกับร้านนี้เลย "ร้านหอยจ๋า อร่อยจี๋" อยู่ที่ซอยประเสริฐมนูกิจ 24 ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 13.00-23.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-2542-9646

  • เรือนไม้ อาหารใต้ฉบับกระบี่แท้ๆ

    มาถึงกระบี่ทั้งที คนท้องถิ่นแนะนำว่าต้องมาทานอาหารที่ "ร้านเรือนไม้" ร้านอาหารใต้พื้นบ้านที่เปิดมานานกว่า 30 ปี เป็นอาหารใต้พื้นบ้านสูตรแบบชาวกระบี่แท้ๆ วัตถุดิบที่ใช้ก็ยังรับมาจากชาวบ้านในพื้นที่ ผักก็มาจากชาวบ้านที่ปลูกเองไม่มีสารเคมี ประมงก็เป็นประมงพื้นบ้านไม่ผ่านคนกลาง เรียกได้ว่าใช้ของท้องถิ่นเกือบทุกอย่างเลย"แกงกะทิปูใบชะพลู (350 บาท)" พริกแกงตำเองสูตรของที่ร้าน หอมสมุนไพร เน้นความจัดจ้าน เมื่อมาผสมกับน้ำกะทิที่คั้นแบบบเข้นข้นจะเข้ากันมาก ส่วนปูก็ใช้กรรเชียงปูม้าจากประมงชาวบ้าน"น้ำพริกกุ้งเสียบ (150 บาท)" ทางร้านใช้กะปิอย่างดีมาย่างไฟให้หอม แล้วไปคลุกกับกุ้งเสียบ(กุ้งทอดกรอบ) ส่วนผักที่เสิร์ฟมาด้วยก็เป็นผักท้องถิ่น มียอดหมุ่ย ลูกเรียง สะตอ ขมิ้นขาว และสาหร่ายพวงองุ่น"แกงพริกไก่บ้าน (250 บาท)" พริกแกงที่ใช้เป็นพริกแกงสำหรับแกงพริกจะหนักไปทางพริกไทย และที่สำคัญใช้พริกรองช้างซึ่งเป็นพริกของทางใต้ที่เผ็ดมากๆ ลงไปด้วย"ปลาอินทรีทอดซีอิ๊ว (240-350 บาท/ราคาตามน้ำหนัก)" เมนูนี้ใช้ปลาอินทรีย์ทะเลไปทอดให้กรอบ ส่วนน้ำราดจะออก 3 รส เปรี้ยว หวาน เค็มนิดๆ"ยำขมิ้นขาวปลาเสียบ (180 บาท)" เมนูนี้นอกจากจะอร่อยแล้วยังเป็นยารักษาสุขภาพอีกด้วย ขมิ้นช่วยแก้ร้อนในได้ ส่วนยำขมิ้นขาวของที่ร้านจะเอาขมิ้นมาซอยแล้วไปแช่น้ำเย็นให้กรอบ ก่อนจะนำมายำปรุงรสให้แซ่บ แล้วใส่ปลากรอบลงไปใครมาเที่ยวกระบี่ อย่าลืมมาแวะชิมเมนูพื้นบ้านที่อร่อย ได้รสชาติตามแบบฉบับกระบี่แท้ๆ ที่ "ร้านเรือนไม้" อยู่ใกล้ร้านจี้ออ ของฝากกระบี่ ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.30-15.00 น. และ 17.00-21.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-9288-3232

  • ตรอกหมูกรอบ ร้านลับแต่อร่อยเด็ดย่านจุฬาฯ

    สายหมูกรอบจะต้องเลิฟกับร้าน "ตรอกหมูกรอบ" ที่เปิดมานานกว่า 10 ปี โดยใช้หมูกรอบเป็นวัตถุดิบสร้างสรรค์เมนูเด็ดหลากหลายเมนู ด้วยความอร่อยของหมูกรอบที่ทำสดใหม่ทุกวัน ทำให้หนังกรอบและเนื้อนุ่มจนหลายคนติดใจ เดิมทีร้านตรอกหมูกรอบมีแค่ที่นั่งในตรอกและยังไม่มีชื่อร้าน คนที่มาทานจึงเรียกกันว่า 'ตรอกหมูกรอบ' ด้วยความเด็ดของหมูกรอบที่ร้านที่จะทอดใหม่ทุกวัน ทำวันละกว่า 70 กิโลกรัม รับประกันได้ว่าทุกจานจะได้หมูกรอบร้อนๆ สดใหม่แน่นอน "หมูกรอบผัดน้ำจิ้มสุกี้ (50 บาท)" หรือที่เรียกกันว่า 'กรอบกี้' เมนูนี้เกิดจากลูกค้าที่อยากทานแบบราดข้าว ไม่อยากทานผัก จึงกลายเป็นเมนูเด็ด อร่อยๆ แบบนี้ขึ้นมา"ผัดหมื่นลี้หมูกรอบ (50 บาท)" เป็นเมนูขึ้นชื่อของชาวสามย่าน ที่ชื่อนี้เพราะว่าใส่วุ้นเส้นลงไปแล้วยาวต่อกันเปรียบเหมือนเป็นหมื่นๆ ลี้ ผัดรวมกับน้ำพริกเผา, ไข่, หมูสับ และผักคะน้า"ข้าวผัดรถไฟหมูกรอบ (50 บาท)" สมัยก่อนเมนูนี้ใครที่นั่งรถไฟบ่อยๆ ก็คงจะรู้จักกันดีเพราะมีขายบนรถไฟ โดยที่แต่ก่อนจะนำข้าวไปผัดกับซอสเย็นตาโฟทำให้ตัวข้าวเป็นสีชมพู แต่ปัจจุบันปรับเปลี่ยนมาใส่ซีอิ๊วดำแทน"ยำหมูกรอบ (80 บาท)" นำหมูกรอบไปคลุกเคล้ากับน้ำยำรสจัดจ้าน และที่สำคัญร้านจะใช้ซีอิ๊วขาวแทนน้ำปลาเพื่อไม่ให้มีกลิ่นคาว"หมูกรอบผัดพริกเกลือ (80 บาท)" เมนูขึ้นชื่อที่ใส่พริกกระเทียมมาแบบแน่นๆ ตัวหมูกรอบก็ทั้งกรอบและฉ่ำมากตามมาเช็คอินความอร่อยของหมูกรอบได้ที่ "ร้านตรอกหมูกรอบ" อยู่ที่ซอยจุฬาฯ 50 ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00-21.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-7503-3507

  • ตงยี หอยทอดยอดแหลม

    อีกหนึ่งร้านรีวิวแน่นในซอยยศเส "ร้านตงยี หอยทอดยอดแหลม" กับสูตรหอยทอดจากอากงที่สืบทอดมานานกว่า 70 ปี ความอร่อยของหอยทอดที่ร้านอยู่ที่แป้ง ความฟู และกรอบ โดยน้ำมันที่ใช้ทอดจะใช้เป็นน้ำมันปาล์มหรือน้ำมันรำข้าวที่มาของชื่อร้าน 'ตงยี' เป็นชื่อของอากงของเจ้าของร้านที่เป็นเจ้าของสูตรหอยทอด ส่วนคำว่ายอดแหลมนั้น มาจากแต่ก่อนอากงเปิดร้านอยู่ที่นครปฐม ถ้าพูดว่ายอดแหลม ชาวนครปฐมจะรู้จักกันดีว่าหมายถึง องค์พระปฐมเจดีย์ จึงนำเอามาตั้งเป็นชื่อร้าน"ตงยีทะเลรวมมิตร (80 บาท)" ทีเด็ดอยู่ที่แป้งอย่างที่พี่จอยบอก ทางร้านจะตีแป้งใหม่ทุก 3 ชั่วโมง ทอดไฟแรงแบบกรอบนอกนุ่มใน และจัดเต็มซีฟู้ดไซส์ใหญ่มาให้ ทั้งกุ้ง หอยนางรม หมึก ทานคู่กับน้ำจิ้มซอสพริกสูตรของทางร้าน"ออลั่วะหอยแมลงภู่ (60 บาท)" เมนูนี้ต่างจากจานอื่นตรงที่จะทอดแบบกรอบมาก และตัดเป็นชิ้นๆ นอกจากจะได้ทานแป้งกรอบๆ แล้ว หอยแมลงภู่ของทางร้านยังสด เนื้อแน่น เพราะรับมาจากแพที่เพชรบุรีอีกด้วย"ออส่วนหอยนางรม (80 บาท)" ใช้แป้งเดียวกับหอยทอด แต่จะทอดให้ได้หอมกลิ่นไม้ของกระทะเบาๆ เนื้อสัมผัสจะนุ่มและเหนียวในคำเดียวที่ทาน ส่วนหอยนางรมก็ส่งตรงมาจากชลบุรีทุกวัน และจะทอดไม่ให้สุกมากเกินไป"ผัดไทยกุ้งสดห่อไข่ (60 บาท)" เป็นสูตรของคุณยายเจ้าของร้าน โดยใช้เส้นจันทน์ผัดกับน้ำซอสสูตรมะขาม ปรุงรสด้วยเครื่องปรุงต่างๆ ผสมกัน ทำให้เวลาเอามาผัดกับเส้น น้ำซอสจะซึมเข้าเส้น รสชาติเปรี้ยว หวาน เค็มกำลังดีใครที่ชอบทานหอยทอด ผัดไทย แวะมาลองทานกันได้ที่ "ร้านตงยี หอยทอดยอดแหลม" อยู่ที่ซอยยศเส ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 11.00-21.00 น. (หยุดวันพุธ) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-9493-3636

  • Three Mangoes บ้านไทยชายคลอง

    เปรี้ยวปากพาหลีกหนีความวุ่นวายมาทานอาหารชิลๆ ริมน้ำที่คลองอ้อมนนท์กับ "ร้าน Three Mangoes บ้านไทยชายคลอง" ในบ้านทรงไทยอายุกว่าร้อยปีให้ความรู้สึกย้อนยุค กับอาหารไทยทานง่ายแต่เด็ดรสชาติจัดจ้านทุกจาน "ตำ 3 ทัพ (399 บาท)" เป็นเมนูที่เหมาะสำหรับสายแซ่บ เป็นส้มตำไหลบัว ใส่ทั้งปูม้า กุ้ง แล้วก็แซลมอน โดยใช้น้ำมะขามเปียกคั้นสดจานต่อจาน เพื่อเพิ่มรสชาติเปรี้ยวหวาน และความหอมให้กับส้มตำ"ต้มยำสายบัวปลาทู (170 บาท)" รสชาติจัดจ้านถึงเครื่องต้มยำ ได้ทั้งความกรอบจากสายบัว และความหอมมันจากปลาทูที่ส่งตรงมาจากอัมพวาเลย"เขียวหวานหมูผัดแห้ง (190 บาท)" ทีเด็ดอยู่ที่พริกแกงเขียวหวานจากกาญจนบุรี ผัดจนงวดให้รสชาติเข้มข้นขึ้น"ยำหมูย่างแอปเปิ้ล (170 บาท)" เมนูนี้ใช้สันคอหมูไร้มันย่างหอมๆ นำมายำกับแอปเปิ้ลเขียว รสชาติออกเปรี้ยวนิดๆ เป็นเมนูเรียกน้ำย่อยได้ดีเลยทีเดียวปิดท้ายด้วยขนมหวานซิกเนเจอร์ของทางร้าน "ขนมไทยแบรนด์ป้ายาย by Three Mangoes" เมนูนี้ทั้งครีเอทและเป็นเอกลัษณ์ เพราะเป็นขนมไทยรสชาติดั้งเดิม ที่ทำขึ้นโดยเหล่าคุณป้าคุณยายที่ยังคงรักษาสูตรขนมไทยเหล่านี้ไว้ โดยจะสับเปลี่ยนไปตามวัตถุดิบที่หาได้ในแต่ละวัน เรียกว่าเป็นเมนูเซอร์ไพร์สเลย อย่างเมนูวันนี้ก็จะเป็น "ขนมตาล" และ "ขนมกล้วย"ใครที่อยากพาเพื่อน พาครอบครัวมาทานอาหารในบรรยากาศชิลๆ แบบนี้ มากันได้ที่ "ร้าน Three Mangoes บ้านไทยชายคลอง" อยู่ที่ถนนนครอินทร์ ริมคลองอ้อมนนท์ ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 11.00-23.00 น.(หยุดวันอังคาร) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-2696-4656

  • The Waterside At Chedsadabodin

    เปรี้ยวปากพาทุกคนมาดินเนอร์นนทบุรีริมน้ำกับอาหารไทยรสจัดจ้านถึงเครื่องที่ร้านอาหารไทยน้องใหม่ "The Waterside At Chedsadabodin" และวิวสุดโรแมนติกของสะพานมหาเจษฎาบดินทรานุสรณ์ริมแม่น้ำเจ้าพระยา รับรองว่ามื้อนี้อิ่มท้องแล้วยังอิ่มเอมใจด้วยแน่นอน "ส้มตำยอดมะพร้าวอ่อนกุ้งย่าง (200 บาท)" ใช้ยอดมะพร้าวอ่อนแทนเส้นมะละกอให้สัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์ กรุบกรอบ หวานนิดๆ จากยอดมะพร้าว คลุกเคล้ามากับน้ำส้มตำรสแซ่บ ทานพร้อมกับกุ้งแม่น้ำย่างตัวโต "ปลาเค็มทรงเครื่อง (200 บาท)" เมนูนี้เลือกใช้ปลากุเลาเค็มจากประจวบคีรีขันธ์มาทอดให้สุกเหลือง และโรยหน้าด้วยหอมแดงรวน ปรุงรสด้วยสูตรลับเฉพาะของครอบครัว "ปลากะพงสมุนไพร (320 บาท)" เมนูซิกเนเจอร์ ทอดจนได้สีเหลืองทอดแล้วโรยหน้าด้วยสมุนไพรทอด "ไก่ติดกระดูกผัดพริกแกงจันท์ (150 บาท)" เนื้อไก่นำมาผัดกับพริกแกงสูตรเด็ดที่ส่งตรงจากเมืองจันทบุรี รสชาติจัดจ้านถึงเครื่องแกงไทยแท้ๆ "ต้มส้มปลากระบอก (250 บาท)" "สามชั้นคั่วเกลือ (250 บาท)" ตามมาดินเนอร์ริมน้ำวิวสวยๆ ทานอาหารไทยอร่อยๆ กันได้ที่ "The Waterside At Chedsadabodin" อยู่ใกล้สะพานเจษฎาบดินทร์ ฝั่งพระนั่งเกล้า ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 11.00-21.00 น.(หยุดวันจันทร์) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-8449-6459

  • Everyday Moo Krata Cafe & Bar

    สายปิ้งย่างต้องถูกใจกับร้าน "Everyday Moo Krata Cafe & Bar" ร้านหมูกระทะวิว Rooftop ย่านสีลม จัดเต็มทั้งหมู เบคอน ซีฟู้ดแน่นๆ ทานไปชมวิวกรุงเทพไปแบบเพลินๆ ที่นี่นอกจากด้านบนจะเป็นร้านหมูกระทะวิว Rooftop แล้ว ด้านล่างยังเป็นคาเฟ่สไตล์มินิมอลถ่ายรูปสวย แล้วความมินิมอลนี้ก็ยังมาถึงโซนหมูกระทะอีกด้วย"หมูกระทะ (เริ่มต้นที่ 399 บาท} 499 บาท, 599 บาท และ 1,200 บาท)"นอกจากนี้ยังมีเมนูทานเล่นแนะนำอย่าง "เห็ดทอด" และ "ยำหมูยอไข่แดงเค็ม"แวะมาทานหมูกระทะในบรรยากาศ Rooftop แบบนี้ได้ที่ "ร้าน Everyday Moo Krata Cafe & Bar" อยู่ติดกับซอยนราธิวาส 2 ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 09.00-18.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-5724-4521 หรือ Line@: @everyday.bangkok

  • Mekha By Shan Villas ดินเนอร์สวยเก๋ใน Glass House

    อีกหนึ่งร้าน Rooftop ใหม่มาแรงที่มาพร้อมซิกเนเจอร์ Glass House Dome สุดเก๋อย่าง "Mekha By Shan Villas" ที่นอกจากบรรยากาศจะโรแมนติกแล้วอาหารแต่ละจานยังรังสรรค์ออกมาในสไตล์โฮมเมดน่าทาน"Mekha By Shan Villas" อยู่บนชั้น 5 Rooftop ของโรงแรม Shan Villas กับมุมซิกเนเจอร์ Glass House Dome ให้ทุกคนได้ดื่มด่ำความโรแมนติกแบบส่วนตัวและสัมผัสแสงยามเย็นของพระอาทิตย์ที่ค่อยๆ ลาลับขอบฟ้าที่นี่ตกแต่งสไตล์ไทยโมเดิร์นผสมผสานกับทรอปิคอล และอาหารของที่นี่จะเสิร์ฟเป็นคอร์ส 1 คอร์สจะมีทั้งหมด 7 เมนูรวมของหวาน (ราคาคอร์สละ1,490 บาท) ซึ่งสามารถเลือกได้ว่าแต่ละจานจะทานเป็นอะไรได้ด้วยเริ่มด้วย Appetizer "บรูสเก็ตต้า & บัฟฟาโลวิงส์" ปีกไก่ทอดซอสบาร์บีคิว เสิร์ฟคู่กับบรูสเก็ตต้ามะเขือเทศ และสลัดที่มีให้เลือก 2 อย่างคือ "ซีซาร์สลัดหอยเชลล์" และ "สลัดแซลมอนรมควัน" มาพร้อมกับผักร็อกเก็ตและน้ำสลัดบัลซามิกต่อด้วยจานซุปที่มีให้เลือก 2 อย่างเช่นเดียวกัน คือ "ซุปผักโขม" และ "ซุปเห็ด" ซึ่งเป็นสูตรครีมเข้มข้นสไตล์โฮมเมด เสิร์ฟพร้อมขนมปังฝรั่งเศสจานสปาเกตตีจะไม่ได้มีให้เลือก โดยจะเป็น "สปาเกตตีแองเจิลแฮร์" ทานกับซอสมะเขือเทศสูตรโฮมเมดของทางร้านต่อด้วยเมนคอร์ส "สเต็กปลากะพงไวท์ไวน์ซอส" ปลากะพงหมักกับไวน์ขาวแล้วนำไปกริลให้หนังกรอบ ทานคู่กับมันฝรั่งมิกซ์กับกะหล่ำปลีม่วงและอีกหนึ่งเมนูเมนคอร์ส "อกเป็ดเบอร์รีซอส" สูตรซอสเบอร์รีเป็นสูตรของเชฟเอง ทานกับอกเป็ดที่นำไปกริลแล้วอบต่ออีก 20 นาทีจนเนื้อนุ่มปิดท้ายแบบฟินๆ ด้วยของหวาน "พานาคอตต้าซอสราสเบอร์รี" มาดินเนอร์ชมพระอาทิตย์ตกดินในโดมเก๋ๆ ได้ที่ "Mekha By Shan Villas" อยู่ซอยอ่อนนุช 18, ชั้น 5 โรงแรม Shan ร้านเปิด ตั้งแต่เวลา 17.30-23.00 น. (หยุดวันจันทร์) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 06-1978-2644

  • Soul Salt River City Bangkok เพ้นท์บาร์ริมแม่น้ำเจ้าพระยา

    ใครอยู่บ้านเหงาๆ มาหากิจกรรมทำชิลๆ กันได้ที่ "Soul Salt River City Bangkok" เพ้นท์บาร์และอาร์ตคาเฟ่น้องใหม่ที่สามารถมานั่งวาดรูปชมวิวพระอาทิตย์ตกดินริมแม่น้ำเจ้าพระยาได้ และมีอาหารเครื่องดื่มพร้อมให้บริการด้านในของ "Soul Salt River City Bangkok" ยกเอาบรรยากาศของชายหาดมาไว้ริมแม่น้ำเจ้าพระยา และยังสามารถถอดรองเท้าเดินสัมผัสทรายได้อีกด้วย เพราะเป็นความตั้งใจของเจ้าของร้านที่อยากให้คนเข้ามานั่งวาดรูปได้มีอิสระ และสามารถนั่งมุมไหนของร้านวาดรูปก็ได้ นอกจากนี้ยังมีโซน Outdoor ริมน้ำอีกด้วย ส่วนของเพ้นท์บาร์หากใครสนใจวาดภาพแคนวาสกับสีอะคริลิค ทางร้านก็มีอุปกรณ์ให้ครบทั้งสีและเฟรมแคนวาส ราคาเริ่มต้น 699 บาท หรือใครที่ไม่ถนัดวาดรูปก็จะมีพนักงานคอยให้คำแนะนำที่นี่นอกจากจะเป็นเพ้นท์บาร์และอาร์คาเฟ่แล้ว ยังมีอาร์ตแกลลอรี่ที่จะหมุนเวียนผลงานของศิลปินจากทั่วโลกมาจัดแสดงด้วย ในตอนนี้ผลงานที่จัดแสดงอยู่เป็นของ 'Ronnie Ahmmed' ซึ่งเป็นศิลปินขวัญใจของเจ้าของร้านอีกด้วยอาหารของที่นี่จะเป็นเมนูทานง่ายสามารถทานไปวาดรูปไปได้ ด้วยคอนเซ็ปต์เก๋ๆ 'Leaves Wrap Food' โดยนำเสนอเมนูอาหารไทยที่มีการใช้ใบไม้มาห่อแล้วย่าง ซึ่งเป็นรูปแบบอาหารเพื่อสุขภาพตามวิธีดั้งเดิมของคนไทยเริ่มเมนูแรกด้วย "หมูย่างสมุนไพรห่อใบชะพลู (190 บาท)" ใช้หมูสดนำมาหมักกับเครื่องเทศต่างๆ ห่อด้วยใบชะพลูแล้วนำไปย่างไฟจนหอม"ห่อหมกข้าวเหนียวย่างผัดไก่ (170 บาท)" เมนูนี้ใช้เนื้ออกไก่มารวนกับเครื่องเทศ ห่อด้วยข้าวเหนียวและพันด้วยใบตอง"แซลมอนย่างสมุนไพรห่อใบชะพลู (270 บาท)" "ย่างห่อหมกควินัว (190 บาท)" ด้านในมีส่วนผสมของควินัว โหระพา ไข่ ผัก ห่อด้วยใบต่างแล้วย่างมาที่เครื่องดื่มกันบ้าง "Nutella Coffee (199 บาท)" และ "Coffee Mojito (190 บาท)" ที่ใช้เอสเปรสโซช็อตมาเชคกับน้ำมะนาว หอมอร่อยเพิ่มความสดชื่นตามมาทำกิจกรรมสนุกๆ ทานอาหารอร่อยๆ กันได้ที่ "Soul Salt River City Bangkok" อยู่บนชั้น 1 River City Bangkok ร้านเปิดวันพุธ-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 11.00-20.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-2988-0755

  • ชานพระนคร ร้านอาหารไทยในบรรยากาศแอนทีค

    "ชานพระนคร" The Hidden Dining ร้านอาหารไทยที่ซ่อนตัวอยู่บนชั้น 2 ของร้านขายของแอนทีคอย่าง 'Dang Shop' บนถนนพระสุเมรุทำให้ได้กลิ่นอายเก่าย่านพระนคร ร้านมีความเก๋และสวยคลาสสิกอยู่ในตัวบรรยากาศภายในร้านอบอุ่นเหมือนมาทานข้าวบ้านเพื่อน แต่เป็นบ้านเพื่อนที่เป็นนักสะสมของเก่า ของแอนทีคต่างๆ ภายในร้านจัดวางไว้ได้อย่างสวยงามลงตัว นอกจากบรรยากาศสวยๆ แล้วเมนูอาหารก็ไม่ธรรมดาจานชามต่างๆ บนโต๊ะอาหารถูกจัดวางไว้อย่างสวยงาม มีกิมมิคน่ารักๆ อย่างการ์ดต้อนรับที่บอกว่าเมนูอาหารวันนี้จะมีอะไรบ้างและแนบดอกไม้สวยๆ มาเพิ่มความสดชื่นให้อีกด้วย ดูมีความสวยแบบคลาสสิกเนื่องจากมีบริการเพียงรอบละ 1-2 โต๊ะเท่านั้น จึงต้องจองล่วงหน้าเท่านั้น ไม่สามารถ Walk-in เข้ามาได้ เวลาเสิร์ฟอาหารจะเสิร์ฟแบบชุดสำรับ ราคาเริ่มต้นที่ 3,000 บาท เลือกได้ 4 เมนู สามารถทานได้ 2-3 ท่าน หรือถ้าอยากสั่งเพิ่มจากในชุดก็สามารถสั่งได้ อาหารของที่ร้านเป็นสไตล์ Home Cooking ที่ทำเองทุกอย่างตั้งแต่เลือกวัตถุดิบ สูตรต่างๆ ก็เป็นรสมือของคุณป้าเจ้าของร้านเองอีกด้วยเริ่มด้วยเมนูทานเล่นอย่าง "เมี่ยงกลีบบัว" ที่เปลี่ยนจากใบชะพลูมาเป็นกลีบบัวหลวงสีชมพูสดใส"แกงเหลืองปลากะพงไหลบัว" เนื้อปลากะพงเป็นชิ้นๆ เข้ากันได้ดีกับพริกแกงเหลืองที่ให้รสชาติแบบครบเครื่อง"ปลาอินทรีทอดซีอิ๊ว" เมนูนี้พิถีพิถันตั้งแต่การไปเลือกซื้อปลาให้ได้ส่วนที่ดีที่สุด และปลาอินทรีทอดของที่นี่จะมีความนุ่มเด้ง รสชาติหวานเค็มกลมกล่อม แล้วโรยด้วยกระเทียมเจียวหอมๆ"หมึกไข่ผัดพริกเกลือ" หมึกไข่ตัวแน่นๆ ผัดคั่วกับกระเทียม พริกแกง อร่อยกรอบเคี้ยวเพลิน"หมูก้อนทอด" หมักหมูด้วยเครื่องเทศไทยๆ อย่างกระเทียม พริกไทย รากผักชี ทำให้หอมกลิ่น 3 เกลอมาก"บวบผัดไข่ใส่กุ้ง" บวบกรอบๆ ที่ยังคงความนุ่มและหวานเอาไว้ผัดกับไข่ตามมาสัมผัสความคลาสสิกและอาหาอร่อยๆ กันได้ที่ "ชานพระนคร" อยู่บนชั้น 2 ของร้าน Dang Shop ถนนพระสุเมรุ ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 12.00-14.00 น. และ 17.00-19.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-1402-5616

  • คุ้น.เคย Eatery, Cafe & Bar

    "คุ้น.เคย Eatery, Cafe & Bar" ร้านอาหารใต้แบบหรอยแรงย่านรัชดาที่ส่งตรงจาก อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช ตัวร้านเป็นบ้านเก่าอายุหลายสิบปีที่ถูกดัดแปลงให้เป็นคาเฟ่อาหารใต้ ซึ่งที่มาของชื่อร้าน 'คุ้นเคย' นั้นมาจากคำว่า 'เคย' ที่สื่อได้ถึง 2 ความหมายคือ กะปิในภาษาใต้ และอยากให้ลูกค้ามานั่งทานข้าวเหมือนอยู่ที่บ้านแบบคุ้นเคย จึงเป็นที่มาของชื่อร้าน 'คุ้นเคย' แห่งนี้เริ่มด้วยเมนูซิกเนเจอร์อย่าง "สะตอผัดกุ้ง (220 บาท)" ที่ทางร้านใช้กะปิอย่างดีจากกุ้งเคยที่มีกลิ่นหอมชัดเจน"แกงหมูฟักทอง (180 บาท)" เมนูอาหารใต้หาทานยาก ใช้หมูติดมันหมักมาเคี่ยวกับเครื่องแกงพริกใต้และกะทิ"แกงพริกกระดูกหมู (160 บาท)" กระดูกหมูเคี่ยวในพริกแกงนานกว่า 2 ชั่วโมง จนเปื่อยนุ่ม"ต้มหมูใบชะมวง (160 บาท)" เมนูนี้จะไม่เหมือนกับทางจันทบุรี จะเป็นซุปใสแบบใต้ ใช้เวลาเคี่ยวกว่า 2 ชั่วโมงเพื่อให้ได้รสเปรี้ยวปิดท้ายด้วยของหวานชื่นใจ "น้อยหน่านมสด (55 บาท)" น้อยหน่าในรูปแบบน้ำแข็งใสอัดก้อน ช่วยดับความเผ็ดร้อนของเครื่องแกงใต้ได้ดีสายอาหารใต้ต้องมาลองความเผ็ดร้อนถึงเครื่องพริกแกงกันที่ "คุ้น.เคย Eatery, Cafe & Bar" อยู่ที่ซอยรัชดาภิเษก 7 นาทองแยก 6 ร้านเปิดวันอังคาร-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 09.00-21.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-3264-9888

  • ชางไฮ ร้านอาหารเหนือ สูตรเจียงฮาย

    "ชางไฮ" ร้านอาหารที่หลายคนคิดไม่ถึงว่าจะเป็นร้านอาหารเหนือจนเกิดเป็นแฮชแทค #ชางไฮไม่ได้ขายอาหารจีน ด้วยสไตล์การตกแต่งร้านที่เป็นจีนผสมกับเครื่องหวายจักรสานแบบเหนือจึงทำให้หลายคนเข้าใจผิด แต่ก็เป็นการผสมผสานกันได้อย่างลงตัวร้านชางไฮ เป็นร้านอาหารเหนือแบบต้นตำรับจากเชียงราย ส่วนชื่อ 'ชางไฮ' นั้นผันเสียงมาจาก 'เจียงฮาย' หรือ 'เชียงราย' นั่นเอง โดยทางร้านอยากผสมผสานความเป็นตัวตนของหุ้นส่วนเข้าด้วยกัน ซึ่งคนนึงเป็นคนไทย-จีน และอีกคนเป็นคนเชียงราย จึงครีเอทชื่อและตกแต่งร้านออกมาได้อย่างมีเอกลักษณ์ทานอาหารเหนือทั้งทีต้องเริ่มจาก "ออเดิร์ฟเมือง (340 บาท)" โดยในเซตจะมีแกงฮังเล ไส้อั่ว หมูยอ น้ำพริกอ่อง น้ำพริกหนุ่ม แคบหมู ผักจิ้ม และข้าวเหนียว"ปอเปี๊ยะไส้อั่ว (120 บาท)" เมนูฟิวชันระหว่างจีนกับเหนือ ตัวไส้เป็นไส้อั่วห่อด้วยแป้งเกี๊ยวแบบจีน เสิร์ฟมาพร้อมกับน้ำพริกหนุ่ม"ข้าวซอยไก่ (110 บาท)" ทางร้านใช้สะโพกไก่ชิ้นใหญ่ มาในน้ำข้าวซอยเข้มข้นที่ทำสดใหม่ทุกวัน หรือถ้าใครชอบทานเนื้อก็มีเป็น "ข้าวซอยเนื้อน่องลาย (180 บาท)""สปาเกตตีไส้อั่ว (150 บาท)" สปาเกตตีผัดกับสมุนไพรและเครื่องเทศภาคเหนือ ตัวซอสจะมีความเป็นครีม ไม่แห้งไม่แฉะเกินไปปิดท้ายด้วยเมนูไฮไลท์ "หมูเค็มสูตรแม่ยาย (120 บาท)" เป็นหมูสามชั้นกับสันคอผสมกันในสัดส่วนที่พอเหมาะ นำไปคั่วและตุ๋นนานกว่า 2 ชั่วโมง จนได้หมูนุ่มชุ่มฉ่ำ ตามมาทานอาหารเหนือรสชาติต้นตำรับกันได้ที่ "ร้านชางไฮ" อยู่ที่ชั้น 1 BU Place Hotel ซอยสุทธิพร 2 หรือรัชดาฯ ซอย 3 ร้านเปิดวันจันทร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 11.00-14.00 น./ 17.00-21.00 น. (หยุดวันพุธ)

  • ดุ๊ (DUU) คาเฟ่ขนมหวานจากน้ำตาลโตนด

    คาเฟ่ขนมหวานเย็นชื่นใจ หน้าตาเก๋ไก่ เหมาะกับอากาศร้อนๆ ของบ้านเรา "ร้านดุ๊ (DUU)" ที่ส่งตรงความหวานจากน้ำตาลโตนดแท้ๆ ของดีเมืองเพชรบุรีมาให้ได้ฟินกัน 'ร้านดุ๊ (DUU)' คาเฟ่ขนมหวานสไตล์ไทยที่เล็งเห็นความสำคัญของผลิตภัณฑ์พื้นบ้านอย่างน้ำตาลโตนดและลูกตาลจากเพชรบุรีซึ่งเป็นบ้านเกิดของเจ้าของร้าน จึงนำมาใช้เป็นวัตถุดิบหลักในทุกเมนูเพื่อให้คนได้รู้จักและสัมผัสกับรสชาติของน้ำตาลโตนดมากยิ่งขึ้น น้ำตาลโตนดที่ร้านใช้เป็นน้ำตาลโตนดแท้ๆ ที่ผ่านการเคี่ยวด้วยกรรมวิธีดั้งเดิมที่เป็นภูมิปัญญาของชาวเพชรบุรีที่มาของชื่อร้าน 'ดุ๊ (DUU)' นั้นมาจากภาษาถิ่นของคนเพชรบุรีเวลาพูดเชิญชวนคน ใช้เป็นคำสร้อยเหมือนคำว่า 'ซิ' ของภาษากลาง คอนเซ็ปต์ของร้านจะเป็นเครื่องดื่มกึ่งขนม เพราะทุกๆ เมนูของร้านจะใส่เครื่องค่อนข้างแน่น ซึ่งทุกแก้วจะมีส่วนผสมหลักคือน้ำตาลโตนดและลูกตาลเคี่ยวน้ำตาลโตนด ได้ฟีลเหมือนทานขนมไทย รสชาติละมุน กลมกล่อม"นมตาลโตนด (ไซส์ S 85 บาท/ ไซส์ M 100 บาท)" ที่ร้านจะมีนมให้เลือกถึง 2 แบบ คือนมสดและนมกะทิ โดยผสานความหอมหวานด้วยน้ำตาลข้นตาลโตนด"ชาเฟตาลโตนด (ไซส์ S 90 บาท/ไซส์ M 105 บาท)" แก้วนี้รวมตัวทั้งชา กาแฟ และนมกะทิเข้าด้วยกัน รสชาติหอมมันลงตัวนอกจากเครื่องดื่มแล้วก็ยังมีเมนูขนมอย่าง "พานาคอตต้าตาลโตนด (95 บาท)" เนื้อเนียนนุ่ม ตักทานพร้อมเนื้อตาลโตนดและเม็ดแมงลักได้เลย"จักรวาลตาลโตนด (ไซส์ S 105 บาท/ ไซส์ M 120 บาท)" เมนูนี้เบสเป็นน้ำมะพร้าวสดจากราชบุรี ผสมกับน้ำอัญชันและน้ำมะนาว เพิ่มความหอมหวานด้วยน้ำตาลข้นตาลโตนดสำหรับใครที่ไม่ชอบทานนมก็ต้องเมนูนี้เลย "มะตูมหาว มะนาวโห่ (ไซส์ S 105 บาท/ ไซส์ M 120 บาท)" น้ำมะตูมรสดั้งเดิมแบบไทย ผสมผสานกับน้ำตาลข้นตาลโตนดแท้ หอม สดชื่นสุดๆปิดท้ายด้วยเมนูรีวิวอันดับหนึ่งอย่าง "ดุ๊ (95 บาท)" ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากลอดช่องน้ำตาลข้นของเพชรบุรี โดยเปลี่ยนลอดช่องให้เป็นสีฟ้า-ชมพูน่ารักๆ แล้วโปะน้ำแข็งไสนุ่มๆ ราดด้วยนมสด หวานละมุนกำลังดีตามมาชิมหลากหลายเมนูขนมหวานจากน้ำตาลโตนดกันได้ที่ "ร้านดุ๊ (DUU)" อยู่ที่ Emquartier ชั้น B โซน FOODHALL ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00-20.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 06-4294-4646

  • ผัดไทรสชา เจ้าเด็ดรสจัดจ้านย่านสุขสวัสดิ์

    ร้านผัดไทยเจ้าเด็ดย่านสุขสวัสดิ์ที่นอกจากเมนูจะแปลกใหม่แล้วน้ำซอสยังเข้มข้นถึงเครื่องอีกด้วยกับ "ร้านผัดไทรสชา" รสชาติจัดจ้าน ไฟลุกหอมกลิ่นกระทะสุดๆ ที่มาขอร้านผัดไทรสชเกิดจาก 'เชฟบิว' เจ้าของร้านที่ทำงานในโรงแรมและเห็นหลากหลายสูตรของผัดไทย จึงจุดประกายเริ่มต้นที่อยากจะเปิดร้านผัดไทยและทำเป็นสูตรของตัวเอง เบสหลักของผัดไทยคือซอสมะขามเปียก ดังนั้นทางร้านจึงมะขามจากจังหวัดราชบุรีเพราะมีรสชาติหวานหอมเปรี้ยว และต้องให้มีรสชาติกลมกล่อมสามารถไปมิกซ์กับอย่างอื่นได้เริ่มด้วยเมนูไฮไลท์ของทางร้าน "ผัดไทยชีสฮาวาย (119 บาท)" ผัดไทยชีสเยิ้มๆ ใส่เครื่องแน่นๆ กุ้งตัวโตๆ และรองก้นจานด้วยมะม่วงซอยไว้ตัดเลี่ยน เพิ่มความหอมมันด้วยมอสซาเรลล่าชีสเบิร์นไฟต่อด้วยเมนูน้องใหม่ของทางร้าน "ผัดไทยปลาทูเพื่อนปลากรอบ (149 บาท)" เมนูนี้ทางร้านได้แรงบันดาลใจมาจากข้าวน้ำพริกปลาทู แล้วใช้ใบตองเผาไฟรองจานเพื่อให้ปลาทูมีกลิ่นหอมของใบตองด้วยส่วนใครที่ชอบสมุนไพรแนะนำเมนู "ผัดไทยกุ้งตะไคร้ (159 บาท)" เชฟบิวเอากุ้งมาเสียบตะไคร้แล้วนำไปเผาไฟอ่อนๆ ให้ตะไคร้กับกุ้งรัดตัวจนหอม เสิร์ฟมาพร้อมกับน้ำจิ้มซีฟู้ดสุดแซ่บอีกหนึ่งเมนูแปลกใหม่ "ผัดไทยแกงเขียวหวาน (149 บาท)" เมนูนี้เริ่มจากเชฟบิวชอบกินแกงเขียวหวานแล้ววันหนึ่งอยากลองเอามารวมกับผัดไทย ปรากฎว่าเข้ากันได้ดีมาก และยังโรยหน้าด้วยปลาสลิดทอดกรอบที่ทอดใหม่จานต่อจาน ราดน้ำกะทิตบท้ายเอาใจคนรักเครื่องแกง รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน"ผัดไทยบรั่นดี" มาเปิดประสบการณ์ใหม่ในการกินผัดไทยได้ที่ "ร้านผัดไทรสชา" อยู่ริมถนนสุขสวัสดิ์ 14 แขวงจอมทอง ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 11.00-20.00 น. (หยุดทุกวันอังคาร) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-5787-3609

  • Happy Mum Happy Me อาหารโฮมเมดฝีมือคุณแม่

    สายโฮมมี่ต้องเลิฟกับคาเฟ่แสนอบอุ่นอย่าง "ร้าน Happy Mum Happy Me" ที่เปิดบ้านไม้อายุกว่า 30 ปีให้ลูกๆ ทุกคนได้มาลิ้มลอง และสัมผัสความสุขผ่านอาหารโฮมเมดฝีมือคุณแม่วัยเกษียณจนส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วบ้านเริ่มด้วยเมนูเด็ดอย่าง "หมี่กะทิพุมเรียงกุ้งสด (125 บาท)" หน้าตาคล้ายผัดไทยแต่เป็นสูตรจากอาม่าเจ้าของร้านที่เป็นชาวพุมเรียงแท้ๆ จากจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้รสชาติเปรี้ยวหวานจากมะขามเปียกและน้ำตาลโตนดต่อด้วยเมนูทานเล่น "ไก่ทอดหอมเจียว น้ำจิ้มแจ่วสูตรแม่ (110 บาท)" ปีกไก่หมักเครื่องเทศจนเข้าเนื้อ ทอดมาร้อนๆ โรยด้วยหอมเจียว คล้ายกับไก่ทอดหาดใหญ่ จิ้มกับน้ำจิ้มแจ่วมะนาวสด"ข้าวหน้าหมูโค้ว (125 บาท)" เมนูพื้นบ้านของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ใช้สันคอหมูที่ติดมันนิดๆ ต้มในน้ำเดือนก่อนแล้วค่อยนำไปผัดกับกระเทียมสับ ปรุงรสแล้วผัดต่อจนเข้าเนื้อ ตักเสิร์ฟร้อนๆ แล้วโปะด้วยไข่เป็ดดาว"Banana Cake with Caramel Macadamia (250 บาท)" เค้กกล้วยหอม เพิ่มรสสัมผัสเวลาเคี้ยวด้วยแมคคาเดเมียและแครนเบอร์รีมาทานอาหารอร่อยๆ อันแสนอบอุ่นกันได้ที่ "ร้าน Happy Mum Happy Me" อยู่ที่ซอยนวมินทร์ 42 แยก 25-1-1 ร้านเปิดเฉพาะเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 09.30-17.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-7232-5287

  • ข้าวแกงปักษ์ใต้เลิศรส อาหารใต้หรอยๆ ย่านอ่อนนุช

    ใครคิดถึงอาหารใต้หรอยๆ แบบถึงเครื่องต้องมาที่ "ร้านข้าวแกงปักษ์ใต้เลิศรส" ร้านข้าวแกงที่ซ่อนตัวอยู่ในซอยอ่อนนุช 44 เป็นอีกหนึ่งร้านเด็ดที่คนย่านนี้รู้จักกันดี ข้าวแกงปักษ์ใต้ของที่ร้านเป็นข้าวแกงปักษ์ใต้แท้ๆ จากเมืองตรัง อาหารของที่ร้านมีหลากหลาย ประมาณ 30 กว่าเมนู เสน่ห์ของอาหารใต้สูตรเมืองตรังแท้ๆ อยู่ที่ความอร่อยของพริกแกง โดยที่ร้านจะใช้พริกแกงทำเองสูตรของทางร้าน"ปลาแดงทอดขมิ้น" ที่ร้านจะเอาปลาแดงมาหมักกับขมิ้นขาวที่ปั่นมาแบบหยาบๆ ปรุงรสด้วยเกลือนิดหน่อย หมักไว้ 1 คืน ทอดด้วยน้ำมันร้อนๆ กรอบๆ น่าทาน"ผัดเผ็ดหมูสะตอ" เมนูนี้ที่ร้านจะเลือกหมูในส่วนติดมันนิดนึง พอเวลาผัดกับเครื่องแกงเผ็ด เวลาทานจะเข้าเนื้อดีมาก"แกงคั่วซี่โครงหมู" เมนูขายดีของที่ร้าน หั่นซี่โครงหมูชิ้นพอดีคำ ต้มจนซี่โครงหมูนุ่มกำลังดี แล้วผัดกับพริกแกงจนเริ่มหอม แล้วใส่กะทิลงไป ปรุงรสแล้วเคี่ยวต่อจนได้น้ำแกงเข้มข้น โรยด้วยข่าซอยและใบมะกรูด"แกงปลาดุกใบยี่หร่า" และอาหารใต้จะขาดเมนูนี้ไปไม่ได้ "แกงไตปลา" ทางร้านจะเคี่ยวไตปลากับเครื่องข่าตะไคร้ข้ามวัน ใช้เนื้อปลาโอย่าง สูตรของทางร้านจะใส่เม็ดขนุนด้วยเพื่อเพิ่มความมันหรอยแรงกับหลากหลายเมนูอาหารใต้ได้ที่ "ร้านข้าวแกงปักษ์ใต้เลิศรส" อยู่ที่ ซ.อ่อนนุช 44 ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 06.30-15.00 น. (หยุดทุกวันอาทิตย์) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-1917-9095

  • ยุ้งข้าวหอม หรอยแรงกับอาหารใต้จากสมุย

    พาความหรอยของร้านดังแห่งเกาะสมุยมาอยู่ที่จุฬาฯ กับ "ร้านยุ้งข้าวหอม" ที่ยกทั้งสูตรลับและวัตถุดิบส่งตรงจาก "ร้านข้าวหอม" ร้านขวัญใจนักชิมที่ใครไปสมุยก็ต้องห้ามพลาด การันตีความอร่อยเหมือนไปกินที่สมุยด้วยรางวัลมิชลินเพลทถึง 3 ปีซ้อนจุดเริ่มต้นของ "ร้านยุ้งข้าวหอม" เกิดจากคุณบอลเจ้าของร้านได้ไปเที่ยวสมุยและได้ไปลองทาน "ร้านข้าวหอม" ซึ่งทุกครั้งที่ไปทานร้านนี้ก็จะไปเจอกับคุณป้าเจ้าของร้าน ได้พูดคุยจนเกิดความสนิทสนมจึงตกลงขอสูตรมาเปิดในกรุงเทพฯ"หมูกะปิ (180 บาท)" ใช้สันคอหมูคุโรบูตะผัดใส่กะปิ เสิร์ฟมาพร้อมกับพริกขี้หนูสวน หอมแดง และใบมะกรูด เวลาทานคลุกเคล้าทุกอย่างเข้าด้วยกัน และบีบมะนาวเสริมรสเข้าไป"ปูผัดพริกขี้หนูสวน (550 บาท)" กรรเชียงปูชิ้นใหญ่คัดพิเศษ ผัดมาแบบหอมพริกขี้หนูแถมใส่กระเทียมเม็ดใหญ่มาไว้ทานพร้อมเนื้อปูหวานๆ "แกงส้มปลาอินทรี (150 บาท)" เนื้อปลาอินทรีย์ชิ้นใหญ่สดๆ เนื้อเด้ง ต้มกับพริกแกงส้มส่งตรงจากครัวข้าวหอม และเพิ่มความฟินด้วยยอดมะพร้าวอ่อนอีกหนึ่งเมนูการันตีรางวัลมิชลิน "ต้มส้มปลาเค็มหมูสามชั้น (180 บาท)" ตามมาหรอยแรงกับอาหารใต้จากสมุยกันได้ที่ "ร้านยุ้งข้าวหอม" ในโครงการ แอมพาร์ค จุฬา ร้านเปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 11.00-21.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 06-3465-6565

  • Happy Elephant อาหารใต้พื้นเมืองจากสมุย

    "Happy Elephant" ร้านอาหารพื้นบ้านสมุยแท้ๆ จากสมุยมาเปิดใหม่ในกรุงเทพฯ แต่เป็นร้านเก่าแก่ที่อยู่คู่กับเกาะสมุยมานานกว่า 26 ปี เริ่มด้วยเมนูพื้นบ้านสมุยแท้ๆ "เคยเจ (50 บาท)" หรือกะปิย่าง เมนูนี้จะใช้กะปิอย่างดีมาปรุงรสเล็กน้อยแล้วทาบนเนื้อมะพร้าว นำไปย่างจนสุก หอม กรอบ ทานกับผักสดที่เสิร์ฟมาคู่กันเมนูเด็ดต้องห้ามพลาด "วายสดคั่วกะทิ (280 บาท)" วายสดหรือปลาหมึกสายส่งตรงจากทะเลสมุย นำมาคั่วกับกะทิที่ทางร้านขูดมะพร้าวและคั้นน้ำกะทิเอง"ห่อหมกทะเลในลูกมะพร้าวอ่อน (260 บาท)" เสิร์ฟมาในลูกมะพร้าวพร้อมเครื่องทะเลแน่นๆ หอมกลิ่นเครื่องแกง ราดกะทิเข้มข้น"ยำหอยเจาะสด (250 บาท)" หอยสดเนื้อแน่นๆ วัตถุดิบพรีเมี่ยมส่งตรงจากทะเลสมุย กินกับน้ำยำรสแซ่บจัดจ้านตามมาฟินกับอาหารใต้พื้นเมืองจากสมุยที่ "ร้าน Happy Elephant" ตั้งอยู่ในโครงการก่อนถึง ซอย นวลจันทร์ 11 ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 11.00-22.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 06-1149-5195

  • ร้านอาหารโกตุง อาหารพื้นเมืองเก่าแก่ของ จ.กระบี่

    "ร้านอาหารโกตุง" ร้านอาหารพื้นเมืองเก่าแก่ของจังหวัดกระบี่กว่า 42 ปี ที่ใส่ใจทุกขั้นตอนการทำ วัตถุดิบที่ใช้สดใหม่ รับจากชาวประมงวันต่อวัน"กุ้งแชบ๊วยผัดซอสมะขาม (เริ่มต้นจานละ 180 บาท)" ใช้กุ้งแชบ๊วยไซส์ใหญ่ เนื้อเด้ง ทอดมากรอบๆ ผัดกับซอสมะขามรสชาติเข้มข้น"สามชั้นทอดเครื่อง (120-170 บาท)" เมนูแนะนำของทางร้าน สามชั้นทอดกรอบกำลังดี เค็มๆ มันๆ แทรกด้วยความเผ็ดและความหอมของเครื่องแกงอีกหนึ่งเมนูยอดฮิตของอาหารใต้ "แกงส้มปลากะพงออดิบ (150-200 บาท)" เนื้อปลากะพงสดๆ ทานคู่กับผักคู่ครัวคนใต้อย่างออดิบกรอบๆเมนูเด็ดของทางร้าน  "แกงกะทิเนื้อปู + หมี่ลวก (180-250 บาท)" ที่ร้านเลือกใช้กรรเชียงปูล้วนๆ ระหว่างที่ต้มกับเครื่องแกงกะทิจะไม่คนเลย ทำให้เนื้อปูมาเป็นก้อนสวย ทานคู่กับหมี่ลวกอิ่มอร่อยกับอาหารพื้นเมืองของ จ.กระบี่ ได้ที่ "ร้านอาหารโกตุง" เลขที่ 66 ถนนมหาราช อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00-22.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร.0-7565-6822

  • ป้ายาหอยสดสุราษฎร์ธานี

    "ป้ายาหอยสดสุราษฎร์ธานี" ร้านดังประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานีที่เปิดมากว่า 21 ปี ใครไปสุราษฎร์ฯ ก็ต้องแวะไปทานกัน นอกจากหอยแล้วยังมีอีกหลากหลายซีฟู้ดเด็ดๆ ทั้งกุ้ง ปู หมึก ไซส์ใหญ่แล้วก็สดมากๆ"หอยนางรม ไซส์ XL (690 บาท)" "หอยชักตีน (250 บาท)" จะไปทานซีฟู้ดสดๆ ที่ร้านหรือจะสั่งเดลิเวอรี่มาทานที่บ้านก็ได้กับ "ร้านป้ายาหอยสดสุราษฎร์" อยู่ตรงข้ามโลตัสสุราษฎร์ธานี ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00-21.30 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-4058-8383

  • เกษราตำรับคุณแม่ อาหารใต้พื้นบ้านสูตรพังงา

    ถ้าพูดถึงอาหารใต้หรอยๆ สูตรพังงาต้อง "ร้านเกษราตำรับคุณแม่" รับรองถูกใจสายโฮมมี่แน่นอนเพราะให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนกินอยู่ที่บ้าน คุณแม่น้อยใส่ใจลงมือปรุงเองทุกจาน สืบทอดสูตรกันมาจากรุ่นสู่รุ่น เป็นอีกหนึ่งร้านอาหารใต้เด็ดๆ ที่ไม่ควรพลาดเมนูพื้นบ้านสูตรพังงาของที่ร้านนั้นได้สูตรมาจากคุณแม่สามีของคุณแม่น้อยเจ้าของร้าน ที่เป็นคนอำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา ที่ชอบทำอาหารใต้มาให้ทานจึงได้ศึกษาสูตรอาหารมาจากท่าน หลังจากนั้นจึงมาเปิดร้านอาหารโดยทุกเมนูและเครื่องแกงล้วนทำเองทุกหมด"แกงคั่วพริกซี่โครงหมู" ใช้ทั้งซี่โครงหมูะธรรมดาผสมกับซี่โครงหมูอ่อนเพื่อให้สัมผัสเวลาเคี้ยวมีความกรุบๆ ของกระดูกอ่อนด้วย ผัดกับเครื่องแกงจนเข้าเนื้อ เวลาทานได้กลิ่นหอมของพริกไทยดำ"หมูฮ้องสูตรพังงา" รสชาติเค็มนำหวานตาม ใช้หมูสามชั้นที่มีส่วนเนื้อหนากว่ามัน คลุกเคล้าด้วยเครื่องเทศและปรุงรส หมักจนซึมเข้าเนื้อ แล้วค่อยตุ๋นด้วยไฟอ่อนจนสุก แล้วยกกระทะลงไปเคี่ยวต่อบนเตาถ่านอีก 1 ชั่วโมงเพื่อให้มีความหอมอีกหนึ่งเมนูอาหารใต้ที่ทุกร้านต้องมี "แกงไตปลา" เป็นเมนูถนอมอาหารของคนใต้ ความพิเศษอยู่ที่ไตปลาหมักเอาไว้อย่างน้อย 1 อาทิตย์ ทำให้แกงไตปลาของที่ร้านสีเข้มกว่าที่อื่น และรสชาติเข้มข้น"ขนมจีนน้ำยาปักษ์ใต้" น้ำยาปักษ์ใต้แท้ๆ ต้องเป็นน้ำยาปลา ทางร้านจึงเลือกใช้ปลาน้ำดอกไม้ เนื้อจะหวาน แล้วก็ฟู ทำให้น้ำยาดูน่ากินมาหรอยกับอาหารใต้พื้นบ้านสูตรพังงาได้ที่ "ร้านเกษราตำรับคุณแม่" หมู่บ้านพิบูลวัฒนา ซอย 9 ร้านเปิดเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์  ตั้งแต่เวลา 11.00-20.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-9691-5835

  • จันทน์หอม อาหารปักษ์ใต้สไตล์โฮมเมด

    "จันทน์หอม" ร้านอาหารปักษ์ใต้ย่านเลียบด่วนเอกมัย บรรยากาศสไตล์บ้านๆ แต่รสชาติอาหารจัดจ้านถึงเครื่องแกงใต้แบบชาวสุราษฎร์แท้ๆ ด้วยฝีมือคุณแม่แป๊วที่ลงมือปรังเองทุกเมนู เปิดมานานกว่า 21 ปี ตำรับพื้นถิ่น จ. สุราษฎร์ธานี และวัตถุดิบยังคัดสรรคส่งตรงมาจากทะเลใต้แบบสดๆเริ่มด้วยเมนูยอดฮิตที่สั่งกันแทบทุกโต๊ะ "แกงส้มปลาหัวบอน (เผือกหอม) (160 บาท)" เมนูนี้เลือกใช้ปลากระบอกขนาดกำลังดี ไม่มีกลิ่นคาว เผือกหอมต้มมานุ่มๆ ซดกับน้ำแกงหอมเครื่องแกงร้อนๆ "แกงคั่วเห็ดแครงปลาโอย่าง (150 บาท)" สูตรลับที่สืบทอดมาตั้งแต่รุ่นคุณยาย เมนูข้มข้นหอมถึงเครื่องแกง"ยำมะม่วงอ่อนกุ้งสด (140 บาท)" เมนูนี้สูตรของทางใต้จะใส่กะทิเข้าไปด้วย ทำให้รสชาติกลมกล่อม ไม่เปรี้ยวไป ไม่เผ็ดไป โขลกทุกอย่างรวมมาแบบหยาบๆ เสิร์ฟมาพร้อมปลาทอด"สายบัวต้มปูเค็ม (140 บาท)" ทางร้านใช้ปูแสมดำที่ดองกับเกลือทะเลไว้ 3 วัน ต้มกับกะทิ ตะไคร้ หัวหอม ใบมะกรูด และสายบัวอ่อนๆมาอิ่มอร่อยกับอาหารปักษ์ใต้โฮมเมดกันได้ที่ "ร้านจันทน์หอม" อยู่ที่ 273/4 รามคำแหง ซอย 21 ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 11.00-21.00 น. (หยุดทุกวันจันทร์) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0-2319-1128

  • บ้านพี่แยม อาหารใต้พื้นเมืองชาวสงขลา

    "บ้านพี่แยม" ร้านอาหารใต้ที่เน้นเมนูพื้นเมืองของชาวสงขลา ที่สำคัญเจ้าของคือ 'พี่แยม - ฐปณีย์' ที่พลิกบทบาทจากผู้ประกาศสาวขาลุย มาส่งความหรอยถึงเครื่องแกงใต้ให้ทุกคนได้ทานกัน"ขนมจีนน้ำยาปู ชุดหม้อไฟซีฟู้ด (120 บาท)" ขนมจีนน้ำยาที่เสิร์ฟมาเป็นหม้อไฟ อัดแน่นไปด้วยซีฟู้ดทั้งปลากะพง กุ้ง หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ ปูนึ่งเป็นตัวๆ และปูก้อน"ข้าวยำ (60 บาท)" ทางร้านใช้น้ำบูดูที่ส่งตรงมาจากบ้านที่สงขลา รสชาติดั้งเดิมแท้ๆ แล้วใส่หมี่หุ้นเข้าไปด้วย"เต้าคั่ว (80 บาท)" ของดีเมืองสงขลา ถ้าได้ไปสงขลาต้องลอง เมนูนี้มีทั้งหมี่ลวก ถั่วงอก ผักบุ้ง แตงกวา ทานกับเต้าหู้ทอด กุ้งทอด และหูหมู ทีเด็ดอยู่ที่น้ำซอส รสชาติเปรี้ยวหวานใครที่คิดถึงอาหารใต้พื้นบ้านสงขลาแท้ๆ มาทานกันได้ที่ "ร้านบ้านพี่แยม" อยู่ที่ 119/21 ถนนเทิดราชัน โครงการเอสการ์เด้นส์ ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 08.00-16.00 น. (หยุดทุกวันพุธ) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-9132-3437

  • ใจดี Shrimp หรอยแรงแกงใต้สไตล์โฮมเมด

    หรอยแรงแกงใต้เหมือนบินไปกินที่นครฯ "ใจดี Shrimp" ทีเด็ดอยู่ที่วัตถุดิบโดยเฉพาะของทะเลต่างๆ ที่ส่งตรงมาจากทางใต้ สด ใหม่ ไซส์ใหญ่ เครื่องแกงทำเองทุกขั้นตอนวัตถุดิบต่างๆ ส่งตรงจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี ไม่ว่าจะเป็นกุ้งจากฟาร์มกุ้งของทางร้าน ซึ่งได้มาตรฐาน GAP ของกรมประมง รังรองว่าสด สะอาด ปลอดภัย เนื้อปลากะพงและปูม้าก็มาจากนครศรีธรรมราช ปลาทูนึ่งจากแม่กลอง"คั่วกลิ้งสับ (160 บาท)" ใช้กุ้งขาวอย่างดีจากฟาร์มของที่ร้านเอง ผัดจนหอมกลิ่นเครื่องแกง อีกหนึ่งเมนูหาทานยาก "มันปูผัดกะทิ (180 บาท)" เอามันปูไปเคี่ยวกับน้ำตาลและกะทิประมาณ 3-4 ชั่วโมง ซึ่งขั้นตอนนี้จะทำมาจากฟาร์มที่สุราษฎร์แล้วส่งมาให้ เพราะต้องใช้มันปูสดๆ จากกระดอง ปูม้าที่จับได้เลย ผัดกับเนื้อปูก้ามอ่อน ได้ความมันจากมันปูแล้วก็ความหอมหวานจากเนื้อปูม้าสดๆ"ต้มกะทิกุ้งสดยอดมะพร้าวอ่อน (160 บาท)" เครื่องมาแน่นๆ ทั้งกุ้งขาว ยอดมะพร้าวอ่อน สะตอ และชะอม ซึ่งถ้าใครไม่ทานสะตอกับชะอม ก็สามารถเลือกใส่เป็นใบเหลียงแทนได้"ชุดน้ำพริกกะปิมะม่วงกุ้งสับ-ปลาทูทอด (160 บาท)" ทางร้านจะคั่วกะปิในกระทะจนหอมก่อนนำไปทำน้ำพริกกะปิกุ้งสับ กะปิทางร้านจะหมักเองจากสุราษฎร์ ใช้เวลา 2-3 เดือน จนได้กะปิที่หอมเมนูทานเล่นที่แนะนำ "กุ้งบะช่อ (160 บาท)" หอมกลิ่นสามเกลอ ทอดจนได้สีเหลืองทอง กรอบนอกฉ่ำในปิดท้ายด้วย "ต้มโฮ้ปลากะพง (180 บาท)" เมนูพื้นบ้านของชาวประมง ต้มกับมะขามเปียก เมนูนี้จะคล้ายๆ ต้มส้ม โดยที่ร้านจะเอามาดัดแปลงใส่เต้าเจี้ยวลงไปตัดเลี่ยน ใช้ปลากะพงไซส์ใหญ่ เนื้อแน่นใครที่คิดถึงความจัดจ้านของอาหารทะเลและเครื่องแกงใต้ มาทานกันได้ที่ "ร้านใจดี Shrimp" อยู่ที่ซอยร่วมมิตรพัฒนา ใกล้ห้าแยกวัชรพล ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00-21.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร.0-2948-2712

  • ปากหม้อปารีส ร้านปากหม้อญวนชื่อดังจากสกลนคร

    ใครที่คิดถึงความนุ่มละมุนของปากหม้อญวนชื่อดังของจังหวัดสกลนคร "ร้านปากหม้อปารีส" ที่ตอนนี้ส่งตรงความอร่อยมาถึงกรุงเทพฯ แล้ว ไม่ใกล้ไม่ไกลแค่ย่านพระโขนงนี่เอง ความพิเศษของปากหม้อที่ร้านอยู่ที่แป้งปากหม้อเหนียวนุ่ม กับน้ำจิ้มสูตรลับของครอบครัว ใครที่ได้กินรับรองต้องกลับไปซ้ำแน่นอนที่มาของชื่อร้าน 'ปากหม้อปารีส' เกิดจากตอนที่สาขาแรกที่สกลนครยังไม่มีชื่อร้าน ลูกค้ามาทานก็ไม่รู้จะเรียกว่าอย่างไร บังเอิญร้านตั้งอยู่หน้าโรงหนังปารีส จึงกลายเป็นชื่อปาหม้อปารีสตั้งแต่ตอนนั้นมาจนถึงตอนนี้ ซึ่งเปิดขายปากหม้อมากว่า 26 ปีแล้วความพิเศษของปากหม้อที่ร้านคือแป้งที่เหนียวนุ่มมากซึ่งทางร้านจะโม่ข้าวเอง โดยต้องแช่ข้าวก่อน 1 คืนแล้วค่อยมาโม่ จะทำให้แป้งมีความเหนียวนุ่มมาก รับรองว่าไม่เหมือนที่อื่น ส่วนตัวไส้ หมูจะคัดพิเศษเป็นสูตรมันน้อย เมื่อเอามาผัดแล้วจะเก็บได้เป็นอาทิตย์ซึ่งทางร้านไม่ได้ใส่สารกันเสียหรือสารกันบูดเลย แต่อยู่ที่วิธีการทำไส้ไม่ให้ชื้นเกินไปจึงเก็บได้นาน ส่วนตัวน้ำจิ้มนั้นทางร้านคิดสูตรขึ้นมาเอง ตั้งแต่การต้มน้ำตาลซึ่งใช้เวลานานมากกว่าจะเคี่ยวน้ำตาลให้ได้แต่ละที ตัวน้ำจิ้มจะมีทุกรสชาติ ทั้งหวาน เปรี้ยว เค็ม เผ็ดอยู่ในตัว รับรองว่าเข้ากันได้ดีกับตัวปากหม้อแน่นอน"ปากหม้อธรรมดา (60 บาท)" แป้งบาง เหนียวนุ่ม มาทั้งหมด 4 ตัว ไส้คือหมูสับกับหมูยอ แต่ทีเด็ดคือน้ำจิ้มที่ราดลงไปฉ่ำๆ"ปากหม้อไข่ดาว (65 บาท)" อันนี้ห่อมาชิ้นเดียวแต่มีความพิเศษคือใส่ไข่ลงไป โดยไข่แดงจะเป็นยางมะตูม ทำให้ปากหม้อมีความนัวๆ มันๆ รสชาติกลมกล่อมจากไข่แดงยิ่งทำให้อร่อยขึ้นไปอีกเอาใจสายแซ่บกับเมนู "ก๋วยเตี๋ยวปากหม้อต้มยำ (65 บาท)" ใส่หมูยอกับหมูเด้ง ทางร้านจะปรุงใหม่ชามต่อชาม รสชาติกลมกล่อมแบบไทยๆ"ปากหม้อข้าวเกรียบกรอบ (80 บาท/ ใส่ไข่ 90 บาท)" ตัวข้าวเกรียบกรอบโรยงามาหอมมาก ซึ่งตัวข้าวเกรียบส่งตรงมาจากสกลนครเลยใครที่คิดถึงปากหม้อปารีสตามมาทานกันได้ที่ "ร้านปากหม้อปารีส" ถนนสุขุมวิท 71 ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 09.30-19.00 น. (หยุดทุกวันจันทร์) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-9939-9115

  • Chada Pavilion คาเฟ่ขนมไทยชาววังจากนครปฐม

    "Chada Pavilion" คาเฟ่ขนมไทยตำรับชาววังชื่อดังจากสามพราน จังหวัดนครปฐม มาเปิดความหวานที่ชั้น G ไอคอนสยาม แค่ก้าวเท้าเข้าไปก็จะได้กลิ่นหอมควันเทียนอบอวนไปทั่ว และทุกเมนูทำสดใหม่วันต่อวันส่งตรงมาจากสามพรานเลย รับประกันความหอมหวานละมุนเหมือนไปทานที่นครปฐมแน่นอนขนมของทางร้านเป็นแบบโฮมเมดโดยจะใช้สูตรดั้งเดิมผสมกับขนมบางตัวที่จะประยุกต์ให้ทันสมัยขึ้น แต่ขนมของทางร้านก็ยังคงความดั้งเดิมเอาไว้เป็นสูตรพื้นฐาน ซึ่งสืบทอดสูตรมาจากคุณยายที่เป็นเจ้าจากทางเหนือ ชื่อว่า 'ทิพย์เกสร ณ ลำปาง' และอีกสูตรที่มาจากทางคุณย่าซึ่งเป็นคนนครปฐมที่เปิดร้านขนมไทยมาตั้งแต่ 10 กว่าปีก่อน โดยในปัจจุบันทางร้านได้ลดความหวานลง 40 เปอร์เซ็นต์ เพื่อให้ตอบโจทย์กับคนรุ่นใหม่ และปกติทางร้านจะมีขนมไทยอยู่ประมาณ 20-30 อย่างในละวัน โดยจะวนๆ กันไปแต่ละวันไม่ซ้ำกันเลยบรรยากาศภายในร้านที่สาขาไอคอนสยามจะตกแต่งสไตล์บ้านเรือนไทย มีทั้งตู้ โต๊ะ ตั่ง เตียง เหมาะกับการเข้าไปนั่งทานขนมไทยมาก และสาขาแรกที่นครปฐมจะตกแต่งเป็นสไตล์บ้านสวน มีต้นไม้ร่มรื่น ซึ่งให้คนละอารมณ์กันกับสาขากรุงเทพฯ แต่มุมถ่ายรูปก็เยอะไม่แพ้ทั้ง 2 สาขาอย่างแน่นอน"ตะโก้ (กล่องละ 60 บาท)" ตะโก้เผือก หอม หวาน มัน"หินฝนทอง (กล่องละ 60 บาท)""บัวหิมะ (กล่องละ 80 บาท)" "ขนมกล้วย (กล่องละ 60 บาท)""ผกากรอง (กล่องละ 60 บาท)""เสน่ห์จันทร์ (กล่องละ 60 บาท)""ทองนพคุณ (กล่องละ 60 บาท)""อาลัวชีส (กล่องละ 60 บาท)" ขนมไทยประยุกต์ที่ใช้ชีสแท้ๆ นำเข้าจากอิตาลีผสมกับนมสด รสชาติหวานมัน หอมชีสมาก เป็นเมนูฟิวชั่นไทยยุโรปที่แรกและที่เดียวในโลกเลย"อาลัวนมสด (กล่องละ 60 บาท)" "อาลัวเดซี่ (กล่องละ 60 บาท)" สวยประณีตสุดๆ ด้านนอกกรอบ ด้านในนุ่มหนึบ หอมหวานกำลังดี ทานเพลินมาก"เปียกปูนพุดดิ้ง (กล่องละ 60 บาท)" เมนูซิกเนเจอร์ที่ใครมาที่ร้านก็ต้องสั่ง เปียกปูนเนื้อหนึบๆ เด้งๆ หอมกลิ่นใบเตย ราดกะทิมาแบบเต็มๆ "อาลัวทุเรียน (กล่องละ 60 บาท)" นอกจากรูปร่างที่ทำคล้ายทุเรียนแล้ว ไส้ด้านในยังผสมเนื้อทุเรียนลงไปด้วยมาทานทั้งขนมไทยต้นตำรับและขนมไทยประยุกต์กันได้ที่ "ร้าน Chada Pavilion" อยู่ที่ไอคอนสยาม ชั้น G โซนสุขสยาม ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00-21.30 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-7921-7261

  • กั้งบ้านเพ กั้งสดๆ หวานๆ จากระยอง

    อีกหนึ่งร้านดังต่างจังหวัดจัดให้ฟินถึงในกรุงที่ต้องห้ามพลาดกับกั้งไซส์ใหญ่ สดๆ หวานๆ ของ "ร้านกั้งบ้านเพ" ร้านอาหารทะเลชื่อดังของจังหวัดระยอง กับสาขาของใหม่ใจกลางทองหล่อ ที่ไม่ได้ใหม่แค่ร้านเพราะยังมีเมนูใหม่ๆ น่าลองอีกเพียบ รับประกันได้เลยว่าสด อร่อย เหมือนไปกินถึงระยองเลยทีเดียว"ร้านกั้งบ้านเพ" ออริจินัลมาจากที่บ้านเพ จังหวัดระยอง ตอนนี้มีหลายสาขา แต่สาขาใหม่ล่าสุดอยู่ที่ทองหล่อ ยกทั้งความสด อร่อย สะอาดมาจากบ้านเพเหมือนเดิม และเน้นวัตถุดิบส่งตรงจากระยอง ส่วนเนื้อปู กั้ง ปลาหมึก กุ้ง จะใช้เรือประมงซึ่งเป็นเรือเล็กที่ทางร้านไปอุดหนุนกับชาวประมงพื้นถิ่น และยังใช้วัตถุดิบเป็นกะปิแท้จากระยองซึ่งมีความหอมมากอีกด้วยร้านที่สาขาทองหล่อนอกจากมีเมนูมื้อเที่ยงที่เป็นก๋วยเตี๋ยวหรือเมนูทานง่ายๆ แล้ว ในช่วงเย็นยังมีการปรับเมนูให้เหมาะกับคนย่านทองหล่อมากขึ้น ด้วยรูปแบบไทยปาซที่เป็นอาหารจานเล็ก ฟิวชั่นนิดๆ แต่ยังคงของทะเลสดๆ ที่ส่งตรงจากระยองเอาไว้เริ่มด้วยเมนูซิกเนเจอร์อย่าง "ก๋วยเตี๋ยวต้มยำน้ำข้นทะเล กั้ง และเนื้อปู (225 บาท)" อัดแน่นมาทั้งกั้ง และเนื้อปู รสชาติเข้มข้นเหมาะสำหรับคนทานรสจัด"ก๋วยเตี๋ยวต้มยำแห้งทะเล กั้ง และเนื้อปู (175 บาท)" เมนูนี้นอกจากกั้งและปูแน่นๆ แล้ว ยังมีน้ำจิ้มซีฟู้ดราดมาด้วย หรือที่ชาวบ้านเพเรียกว่า 'น้ำพริกเกลือ' นั่นเองต่อด้วยเมนูทานเล่นที่แนะนำว่าต้องสั่ง "ปอเปี๊ยะกั้งทอด (125 บาท)" จะมีไส้กั้งที่หาทานยากสูตรของทางร้าน จิ้มกับน้ำจิ้มหวานๆ ซึ่งเข้ากันได้เป็นอย่างดีปิดท้ายด้วย "ส้มตำกะปิกั้งดอง (165 บาท)" เมนูพื้นบ้านของชาวบ้านเพ กั้งดอง และกะปิของดีจากระยองที่ใช้แทนปลาร้า ทำให้จานนี้รสชาติหวาน เค็ม กลมกล่อม หอมกะปิใครที่คิดถึงกั้งบ้านเพแต่ไม่สะดวกไปถึงระยอง ตอนนี้ทางร้านได้ยกความอร่อยมาให้ชาวกรุงได้ชิมกันแล้วที่ "ร้านกั้งบ้านเพ" ซอยทองหล่อ 13 เปิดตั้งแต่เวลา 11.00-16.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 06-1363-3367

  • ฟินกับอารียาหมูกระทะและน้ำจิ้มปลาร้าสูตรเด็ด

    "อารียาหมูกระทะ" ร้านหมูกระทะชื่อดังที่มาพร้อมยำรสแซ่บ และบรรยากาศที่ตกแต่งแบบชิลๆ ได้ฟีลเหมือนนั่งกินอยู่ในสวนหลังบ้าน หมูย่างฉ่ำๆ น้ำจิ้มแซ่บๆ ตามมาจัดเต็มกับชาวแก๊งค์ปิ้งย่างได้เลย'ร้านอารียาหมูกระทะ' สาขาแรกอยู่ที่อารีย์ จึงตั้งชื่อแรกว่า 'อารีย์หมูกระทะ' ต่อมาจึงเปลี่ยนชื่อเป็น 'อารียาหมูกระทะ' ซึ่งจะมีสโลแกนว่า 'Areeya In Your Area' ที่เหล่าลูกค้าตั้งให้ เดิมทีการตกแต่งร้านของสาขาแรกเป็นฟีลเหมือนอยู่สวนหลังบ้าน มีเพียงไม่กี่โต๊ะ แต่พอเปิดขายลูกค้าก็ตามมาทานกันเยอะขึ้นด้วยการบอกกันปากต่อปากถึงความอร่อยและบรรยากาศที่ชิล ทำให้พอเปิดสาขาต่อมาจึงคงคอนเซ็ปต์เดิมตั้งแต่สาขาแรก เพราะลูกค้าชื่นชอบฟีลในสวนแบบนี้นอกจากบรรยากาศที่ดีแล้ว รสชาติของน้ำจิ้าที่ร้านก็เด็กไม่แพ้กัน เป็นน้ำจิ้มสูตรของจังหวัดสุรินทร์แต่เติมปลาร้าลงไปซึ่งลูกค้าก็ชอบกันมาก เพราะเป็นหมูกระทะเจ้าแรกๆ ที่มีน้ำจิ้มปลาร้า แม้แต่ลูกค้าที่ไม่ทานปลาร้านก็สามารถทานได้ เพราะรสชาติและกลิ่นที่ไม่ได้แรง จึงกลายเป็นซิกเนเจอร์ของร้านที่นอกจากน้ำจิ้มหมูกระทะธรรมดาแล้ว ก็คือน้ำจิ้มหมูกระทะปลาร้าที่รับรองว่าเด็ดแน่นอนชุดหมูกระทะของที่ร้านเป็นแบบ A la cart สามารถสั่งได้ตามชอบ ซึ่งจะมีทั้ง "ชุดเล็ก (399 บาท) และชุดใหญ่ (599 บาท)" เป็นเซตรวมมิตรมีทั้งหมู ไก่ ซีฟู้ดต่างๆ และจะมีผักแถมมาให้ทุกชุดเลย หรือสำหรับใครที่ชอบหมูเน้นๆ ก็มี "ชุดหมูล้วน (499 บาท)" ให้เลือกอีกด้วยนอกจากหมูกระทะแล้วยังมีเมนูทานเล่นอีกมากมายอย่าง "อารียาโชยุยากิ (79 บาท)" เมนูขายดีของร้าน ใช้เส้นบะหมี่สำเร็จรูปผัดกับซอสยากิโซบะ ผัดจนน้ำซอสซึมเข้าตัวเส้น รสชาติจะหวาน เค็ม เผ็ด ครบรสเลย "หมูคั่วกระทะ (259 บาท)" เป็นหมูหมักกับหมูสามชั้นแล้วก็ผักต่างๆ ไปคั่วในกระทะ ปรุงรสมาเรียบร้อย โรยงาขาวคั่วเพิ่มความหอม"ยำรวมอารียา (250 บาท)" ทีเด็ดอยู่ที่น้ำยำรสแซ่บกับเครื่องแน่นๆ ทั้งไส้กรอก หมูยอ กุ้งขาวสดและสุก เพิ่มความมันด้วยไข่แดงเค็มเข้าไปอีก"ร้านอารียาหมูกระทะ" สาขาถนนเพชรบุรีตัดใหม่ อยู่ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ตรงข้ามตึกอิตัลไทย ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 15.00-22.30 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-1619-0838

  • Secret Wonderland ร้านลับในดินแดนมหัศจรรย์

    เอาใจสาย Cafe Lover กับร้านลับใกล้ BTS พญาไท อย่าง "Secret Wonderland" เพียงแค่ก้าวเท้าเข้าไปในร้านบรรยากาศก็เหมือนอยู่ใน Wonderland มีทั้งปราสาท มุมเก้าอี้เท่ๆ และมุมโคมไฟที่ Inspiration มาจากต้นไม้กลับหัวคอนเซ็ปต์ของทางร้านมาจากหนังเรื่อง 'Alice in Wonderland' เพราะว่าทางเข้าของร้านค่อนข้างลึกลับหายาก บรรยากาศภายในร้านจึงตกแต่งด้วยต้นไม้ใหญ่ ธารน้ำ น้ำตกจำลอง และหมอกควันจางๆ ให้ได้ฟีลคล้ายกับหลุดเข้ามาใน Wonderlandเมนูอาหารของที่นี่จะนำเสนอในรูปแบบของอาหารไทยฟิวชั่นได้ 'คุณแชน' ผู้เป็นทั้งเชฟและเจ้าของร้านที่จบด้านการทำอาหารจากกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เป็นคนคิดสูตรขึ้นมาเองทั้งหมดแถมหน้าตาก็ยังไม่ธรรมดาอีกด้วย"ข้าวผัดกะเพรา Maine ล็อบสเตอร์ (888 บาท)" ล็อสเตอร์ตัวใหญ่ๆ ส่งตรงจากรัฐเมน สหรัฐอเมริกา เนื้อจะมีความเด้ง หวาน ตัดกับความเผ็ดร้อนของกะเพราได้ดี"ข้าวหมูคุโรบุตะ ทรัฟเฟิลซอส (350 บาท)" หมูคุโรบุตะหมักนานกว่า 48 ชม. เสิร์ฟคู่กับไข่ออนเซ็นและราดด้วยทรัฟเฟิล ออยล์ ทำให้ได้กลิ่นหอมโชยขึ้นมาก"แกงส้มแห้งกุ้งแม่น้ำ สูตรคุณย่า (350 บาท)" มิติใหม่ของแกงส้มที่จะเคี่ยวจนน้ำแกงเป็นซอสเข้มข้น มีไข่ชะอมวางไว้ด้านล่าง ส่วนด้านบนท็อปด้วยกุ้งแม่น้ำตัวโตเนื้อแน่น"ราดหน้าเส้นกรอบหน้าแอตแลนติกแซลมอน (750 บาท)" เป็นราดหน้าสูตรพิเศษของทางร้านที่จะผสมเหล้าจีนลงไปตัวซอสราดหน้า"Butter Beer (120 บาท)" เครื่องดื่มเย็นๆ ทานแล้วให้ความรู้สึกสดชื่น"ดัทช์โกโก้ (175 บาท)" โกโก้เข้มข้น ที่มีความพิเศษคือสามารถสั่งปั้นฟองนมให้เป็นรูปสัตว์ต่างๆ บนแก้วได้ด้วยใครที่อยากจะเดินทางมาในดินแดนมหัศจรรย์แบบนี้ มากันได้ที่ "ร้าน Secret Wonderland" อยู่ในโรงแรม Bangkok Oasis Hotel ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 10.00-23.00 น. (หยุดทุกวันจันทร์) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-5595-5259

  • Baan Progressive Thai Cuisine

    อีกหนึ่งร้านที่ไม่อยากให้พลาดกับร้านอาหารไทยเล็กๆ ในบรรยากาศเหมือนกินข้าวบ้านเพื่อนกับ "ร้าน Baan Progressive Thai Cuisine" 'ร้าน Baan Progressive Thai Cuisine' กับคอนเซ็ปต์บ้านที่เกิดจากความหลงใหลในการทำอาหารของเจ้าของร้าน จึงมาเปิดเป็นร้านอาหารไทยเล็กๆ แล้วนำเสนออาหารแนวไทยประยุกต์ ผสมผสานกับรสชาติอาหารไทยแบบดั้งเดิมให้เข้ากับความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ ภายในร้านถูกตกแต่งเป็นสไตล์วินเทจ ให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนมาทานข้าวบ้านเพื่อนเริ่มด้วยเมนูซิกเนเจอร์ "ข้าวหมูกรอบคั่วพริกกระเทียม ไข่ดองน้ำปลา (179 บาท)" ทีเด็ดอยู่ที่น้ำราดพริกกระเทียมที่จะผัดพริกกระเทียมสับกับน้ำมันจนหอมแล้วปรุงรส ก็จะได้น้ำราดที่รสชาติกลมกล่อมไว้ราดลงบนข้าวหมูกรอบเพื่อเสริมรสชาติ"ข้าวผัดน้ำปลา ปลากะพงไร้ก้างทอด (264 บาท)" "ข้าวหมูกะปิคั่วพริกสด ไข่ดองน้ำปลา (109 บาท)" หมูสามชั้นราดบนข้าวดอกอัญชัน เมนูคาวที่นี่จะเสิร์ฟคู่กับไข่ดองน้ำปลาที่เป็นไฮไลท์ของร้าน"ข้าวเหนียวผัดกะเพราหมูกรอบ ไข่ดองน้ำปลา (209 บาท)" ตัวหมูกรอบจะถูก Sous Vide เพิ่มความนุ่ม ก่อนเสิร์ฟจะนำมาทอดอีกรอบเพื่อให้หนังกรอบฟู จานนี้รสชาติจัดจ้านและพอเสิร์ฟเป็นข้าวเหนียวจะได้ความันอร่อยไปอีกแบบปักหมุดอีกหนึ่งร้านที่ควรมากับ "ร้าน Baan Progressive Thai Cuisine" อยู่ ซ.พญานาค ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00-22.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 06-3109-9909

  • ฐ Cafe & ร้านครูสายฐิพย์ - ข้าว ยำ ธรรม แกง

    "ฐ Cafe & ร้านครูสายฐิพย์ - ข้าว ยำ ธรรม แกง" คาเฟ่น้องใหม่มาแรงย่านลาดพร้าว เป็นคาเฟ่ที่ซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่เดียวกับ 'ร้านครูสายฐิพย์ - ข้าว ยำ ธรรม แกง'  ในบรรยากาศสุดร่มรื่น"ร้านครูสายฐิพย์ - ข้าว ยำ ธรรม แกง" เกิดจากความตั้งใจของ 3 พี่น้อง คุณโอม-คุณเอ็ม-คุณอูม อาหารของที่ร้านเป็นเมนูพื้นบ้านจากภาคใต้และภาคกลาง รสชาติจัดจ้านเพราะเจ้าของเป็นคนใต้ การตกแต่งร้านเป็นสไตล์ English Cottage Garden ให้ความรู้สึกผ่อนคลายเหมือนได้มาทานข้าวต่างจังหวัด"แกงเผ็ดเป็ดย่างกับผลแอปเปิล (350 บาท)" เมนูโบราณที่ทางร้านใช้พริกแกงเผ็ดตำเอง"ไหลบัวผัดไข่เค็มกุ้งเสียบ (240 บาท)" กุ้งเสียบคัดส่งมาจากประมงพื้นบ้าน เกาะยาวน้อย จ.ภูเก็ต เอามาคั่วให้หอมกรอบ และผัดกับไหลบัวกรอบๆ"ปลากะพงทอดสวนสุวรรณ (490 บาท)" ปลากะพงทอดเหลืองกรอบทั้งตัว เสิร์ฟมาพร้อมซอส 3 สูตรเด็ด คือ ซอสลุยสวน, ซอสยำมะม่วงทวาย และซอสน้ำปลาหวาน"ต้มยำปลากะพงปรุงกะศิลป์ (280 บาท)" ต้มยำน้ำใสแบบโบราณที่ได้รับสูตรมาจากท่านผู้ดูแลเพจปรุงกะศิลป์ เมนูนี้จะได้ความเปรี้ยวจากมะม่วงซอย และมีความหอมของพริกเผา"ฐ.ฐาน (100 บาท)" เมนูซิกเนเจอร์ เป็นกาแฟลาเต้ผสมคาปูชิโน ใช้เมล็ดกาแฟที่ส่งมาจากเชียงราย"เปรมสุข (125 บาท)" ขนมปังสังขยาที่มาพร้อมเครื่องจิ้ม 3 รสชาติ สังขยาใบเตย, สังขยาชาไทย และสังขยาตาลโตนด ใช้น้ำตาลจาก จ.เพชรบุรี"Moka Pot Affogato (120 บาท)" เป็นไอศกรีมกะทิมะพร้าวอ่อน คนให้เข้ากันแล้วดื่ม หรือตักทานก็ได้"Macadamia Coffee Cake (120 บาท)" เค้กกาแฟ ท็อปด้วยซอสคาราเมล แมคคาเดเมียส่งตรงมาจากเชียงราย"ฐ Cafe & ร้านครูสายฐิพย์ - ข้าว ยำ ธรรม แกง" อยู่ซอยลาดพร้าว 71 เยื้องซอยนาคนิวาส 5 ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00-21.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-5246-8497

  • ธรรมชาติอีสาน Beach Cafe

    ยกทะเลสวยๆ มาไว้ที่ถนนตัดใหม่-ร่มเกล้า กับ "ร้านธรรมชาติอีสาน Beach Cafe" ร้านอาหารอีสานซีฟู้ดในบรรยากาศบีชคลับ เอาใจคนคิดถึงทะเลและต้องการความแซ่บในเวลาเดียวกันอาหารของที่ร้านมี 2 สไตล์ คือ 'อาหารอีสาน' ทีเด็ดอยู่ที่น้ำปลาร้าปรุงรสที่ร้านทำเอง และ 'เมนูซีฟู้ด' ที่เน้นความสดและส่งตรงมาจากแหล่งที่ดีที่สุดทั่วประเทศ"เจ้าทะเล (1,690 บาท)" ซีฟู้ดใหญ่จัดเต็ม มีทั้งกุ้งเผา, กั้งกระดาน, ปูม้า ส่งตรงมาจากกระบี่ และหอยหวานเผา ส่งตรงมาจากทะเลใต้สดๆ"หอยมะระซาชิมิ (350 บาท)" หอยมะระสดๆ มาจากพัทยา แล้วเอามาแร่เป็นซาชิมิ เนื้อหวานๆ หนึบๆ"กั้งทอดกระเทียม (290 บาท)" ใช้กั้งกระดานจาก จ.กระบี่ ตัวกั้งชิ้นใหญ่มาพร้อมกระเทียมเจียวกรอบๆ ฟินๆ"เกาเหลาทะเล (250 บาท)" ซีฟู้ดเน้นๆ ทั้งกุ้ง หมึก ปูม้า หอยแครง คลุกเคล้านัวๆ กับน้ำปลาร้าต้มสุกปรุงรสสูตรของทางร้าน"จิ้มจุ่มลาวหมู (180 บาท)/ จิ้มจุ่มลาวทะเล (250 บาท)" น้ำซุปหวานหอมสมุนไพร ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูดมาเติมความแซ่บๆ ในบรรยากาศบีชคลับได้ที่ "ร้านธรรมชาติอีสาน Beach Cafe" อยู่ถนนศรีนครินทร์ - ร่มเกล้า ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00-22.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-7195-2555

  • นาเขา คาเฟ่ คาเฟ่นาขั้นบันไดกับวิวธรรมชาติ

    มาชาร์จพลังกับธรรมชาติสีเขียวที่เขาใหญ่ "นาเขา คาเฟ่" กับวิวขั้นบันไดและภูเขาสวยๆ โดยที่ร้านตกแต่งให้อิงกับธรรมชาติมากที่สุด ใช้ไม้ไผ่มาตกแต่งเกือบทั้งหมดเพื่อให้ออกแนว Tiki Bar และยังให้ความรู้สึกแบบชายทุ่งเข้ากับนาขั้นบันไดและภูเขาสีเขียวด้วย ส่วนอาหารก็เน้นเป็นอาหารไทยอีสาน เน้นความเผ็ด แซ่บ นัวของน้ำปลาร้า"หมูตกครก (100 บาท)" ใช้สันคอย่างหอมๆ มาตำกับเครื่องส้มตำแซ่บๆ เผ็ด เปรี้ยว เค็ม ครบรส"ตำโคราช (60 บาท)" สูตรของที่ร้านจะใส่น้ำปลาร้ามาแบบนัวๆ รสชาติแซ่บตามแบบฉบับคนโคราชแท้ๆ "หมูสามชั้นทอดน้ำปลาเสิร์ฟกับน้ำพริกลงเรือและแจ่วอีสาน (200 บาท)" สูตรเด็ดของทางร้านที่ใช้เวลาผัดน้ำพริกลงเรือนานกว่าครึ่งชั่วโมงให้หอมแล้วยังโรยหน้ามาด้วยไข่เค็มเพื่อเพิ่มรสชาติ"ผัดหมี่โคราช (150 บาท)" เป็นเมนูขึ้นชื่อของทางร้าน เส้นหมี่โคราชจะให้สัมผัสที่เหนียวนุ่มต่างจากเส้นเล็กทั่วไป"ครัวซองต์อัลมอนด์ (90 บาท)""นาเขา (70 บาท)" เป็นลาเต้ท็อปด้วยมัทฉะแท้ 100%"ดินเหนียว (60 บาท)" เป็นเนมสดราดด้วยช็อคโกแลตเข้มข้นมาทานอาหารอร่อยๆ ชาร์จพลังกับธรรมชาติสีเขียวได้ที่ "นาเขา คาเฟ่" อยู่ตรงข้าม แลนด์บรีซ รีสอร์ท อ.ปากช่อง ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30-18.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-1600-3538

  • แกงป่า ลุงสง่า ร้านแกงป่าต้นตำรับจากราชบุรี

    "ร้านแกงป่า ลุงสง่า" ร้านน้องใหม่ที่ได้รางวัลบิบ กูร์มองด์ ปี 2565 แม้จะเป็นร้านน้องใหม่ที่ได้รางวัลแต่ร้านอยู่ในวงการอาหารมานานถึง 40 ปีแล้ว ตั้งแต่รุ่นคุณพ่อซึ่งก็คือ 'ลุงสง่า' นั่นเอง สืบทอดกันจนมาถึงปัจจุบันซึ่งเป็นแกงป่าสูตรจังหวัดราชบุรี ที่จะมีความพิเศษคือจะไม่เน้นน้ำเยอะ แต่เน้นความเข้มข้นของเครื่องแกง และจะใส่ 'พริกพราน' สมุนไพรป่าลงไป ทำให้ได้ความเผ็ดร้อนและความหอมที่เป็นเอกลักษณ์ถ้าพูดถึงแกงป่าแน่นอนว่าต้องนึกถึงเครื่องแกงเด็ดๆ แซ่บๆ อย่างที่ร้านแกงป่า ลุงสง่า ก็โขลกเครื่องแกงเองทุกอย่าง โดยจะโขลกแบบไม่ละเอียดมากเพื่อให้ได้รสสัมผัสของตัวพริกแกงเริ่มด้วยเมนูซิกเนเจอร์ของร้าน "แกงป่าลูกชิ้นปลากราย (120 บาท)" นอกจากความพิเศษของเครื่องแกงแล้ว ยังมีลูกชิ้นปลากรายที่ทางร้านฟาดเนื้อลูกชิ้นกันเองแบบสดๆ เด้งๆ"ปลาดุกย่างผัดขี้เมา (130 บาท)" คัดปลาดุกมาอย่างดีแล้วนำมาหมักต่อด้วยการย่าง ย่างเสร็จจะเลาะเอาแต่เนื้อไปทอดต่อ แล้วค่อยนำมาผัดกับสมุนไพร ทั้งกระชาย, กระเพรา, กระเทียม ให้หอมและเผ็ดร้อนตามสูตรขี้เมาแบบพื้นบ้าน"ซี่โครงอ่อนผัดพิโรธ (100 บาท)" นำซี่โครงอ่อนมาสับละเอียด แล้วผัดแห้งๆ กับเครื่องแกงแบบหยาบๆ เวลาทานจะได้เนื้อสัมผัสทั้งเครื่องแกงและซี่โครงอ่อน"แกงคั่วหอยขม (120 บาท)"ถ้าใครเป็นสายอาหารพื้นบ้านโดยเฉพาะแกงป่าต้องห้ามพลาดกับ "ร้านแกงป่า ลุงสง่า" อยู่ซอยงามวงศ์วาน 23 แยก 11 ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00-22.00 น. (หยุดทุกวันที่ 16 ของเดือน) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0-2952-9992

  • กล้วยแขก พระราม 5

    อีกหนึ่งร้านใหม่ที่ได้รางวัลบิบ กูร์มองด์ ปี 2565 "ร้านกล้วยแขก พระราม 5" เจ้าดังย่านบางกรวย ที่เปิดมานานกว่า 12 ปี ด้วยคอนเซ็ปต์อยากให้ลูกค้าได้ทานของอร่อย อย่างน้ำมันก็เปลี่ยนใหม่ตลอด วัตถุดิบพวกกล้วย เผือก มันก็คัดอย่างดี ใส่ใจในคุณภาพ และที่สำคัญใครมาทานกล้วยทอดของทางร้านหายห่วงเรื่องอมน้ำมันแน่นอน เพราะทางร้านใช้เครื่องสลัดน้ำมันเพื่อไม่ให้อมน้ำมันอีกด้วย"กล้วยทอดสลัดน้ำมัน (7 ชิ้น 25 บาท)" เลือกใช้กล้วยน้ำว้าที่สุกกำลังดี ไม่แข็ง และไม่เละจนเกินไป แล้วแป้งชุบทอดก็คือทีเด็ด มีใส่มะพร้าวขูดลงไปเพิ่มเท็กซ์เจอร์ด้วย"ไข่นกกระทาทอด (14 ชิ้น 25 บาท)" มีให้เลือก 2 แบบคือ มันม่วง กับ มันเทศ"เผือกทอด มันทอด (7 ชิ้น 25 บาท)" ทานคู่กับน้ำจิ้มสูตรของทางร้านที่จะคล้ายๆ กับอาจาดแต่ใส่ถั่วลงไปด้วยอิ่มอร่อยกับกล้วยทอดแบบไม่อมน้ำมันในราคาสบายกระเป๋ากันได้ที่ "ร้านกล้วยแขก พระราม 5" อยู่แยกบางสีทอง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-3818-5566

  • Let Me Tell You Our Story Cafe

    ต้อนรับเทศกาลแห่งความรัก Valentine's Day ด้วยคาเฟ่โรงนาสุดโรแมนติกที่ "Let Me Tell You Our Story Cafe" มาเพลิดเพลินกับความสวยงามของโรงนาสไตล์วินเทจและดอกไม้ละลานตา ที่ไม่ว่าโซน Indoor หรือ Outdoor ก็ถ่ายรูปสวยทุกมุมคอนเซ็ปต์ของร้านที่ตกแต่งออกมาในสไตล์โฮมมี่ให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนอยู่บ้านกลางสวนนั้น เกิดจากความชื่นชอบทำขนมและการตกแต่งบ้านของ 'คุณทราย' เจ้าของร้าน อีกทั้งความชื่นชอบในเรื่องการดื่มกาแฟของแฟนคุณทราย จึงนำความชอบเหล่านี้มาผสมผสานกันจนเกิดเป็นร้านแห่งนี้ขึ้นมา ซึ่งทางร้านจะเปลี่ยนธีมการตกแต่งไปเรื่อยๆ ตามเทศกาลอีกด้วย"Dark Beer Chocolate Cake (140 บาท)" สูตรของทางร้านจะใช้เบียร์ดำผสมโกโก้ แล้วปาดหน้าเค้กด้วยครีมชีสแบบเข้มข้น"Lemon Honey Cheesecake (140 บาท)" เมนูขายดีของทางร้านอีกหนึ่งตัว ความอร่อยจะอยู่ที่ตัวฐานของบิสกิตที่ทำเอง ตัวเค้กผสมกับน้ำเลมอนเพิ่มความหอมลงไปด้วย"Modovik Honey Russian (160 บาท)" เมนูซิกเนเจอร์ เป็นเค้กน้ำผึ้งสไตล์รัสเซีย ซึ่งตัวแป้งเค้กจะผสมกับน้ำผึ้งดอกลำไย ทำให้ได้รสชาติหวานตัดกับตัวครีมที่มีรสเปรี้ยว"Espresso Con Panna (80 บาท)" เป็นการผสมผสานระหว่างความเข้มข้นของเอสเปรสโซและความหวานมันของวิปครีม"กะเพราคอหมูทอด (65 บาท)" "สปาเกตตีเบคอนพริกแห้ง (90 บาท)" "เบอร์เกอร์หมูชาร์โคล (119 บาท)" เมนูน้องใหม่มาแรงที่ได้ทั้งเท็กซ์เจอร์ของหมูบดผสมกับมันหมูเพื่อความฉ่ำ และขนมปังชาร์โคลโฮมเมด"Grape Fruit Coffee (120 บาท)" "Sparkling Lychee Coffee (120 บาท)" ใครที่กำลังมองหาร้านบรรยากาศดีๆ อาหารอร่อยๆ ก็มากันได้ที่ "Let Me Tell You Our Story Cafe" อยู่ซอยวัดศรีวารีน้อย อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 08.00-20.00 น. (หยุดวันพฤหัส)

  • S'amuser บาร์ลับย่านฝั่งธนฯ

    "S'amuser (ซามูเซ่)" บาร์ลับที่ซ่อนตัวอยู่บน Rooftop ของร้านสูท M Custom Made 1978 ย่านวงเวียนใหญ่ ซึ่งกำลังฮอตฮิตมากในโซเชียล กับวิวสวยๆ และเมนูอาหารที่มีคอนเซ็ปต์สนุกๆ ตามชื่อร้านคอนเซ็ปต์ของร้าน S'amuser เกิดจากการที่ลูกค้าของร้าน M Custom Made 1978  ต้องรอเวลาตัดสูทนาน จึงคิดหาพื้นที่ให้ลูกค้าได้พักผ่อนทานอาหาร จึงเกิดเป็นไอเดียทำเป็นร้านอาหารแนวบาร์ไว้ให้ได้มาสนุกกันตามชื่อของร้าน 'S'amuser' ในภาษาฝรั่งเศสแปลว่า 'ความสนุก'  โดยอาหารของทางร้านจะเป็นสไตล์เอเชียนฟิวชั่น เหล่าลูกค้าจะได้เพลิดเพลินกับอาหารที่แปลกใหม่และสนุกกับรสชาติที่ทานง่าย"French Fries Dip Roulette (299 บาท)" มาพร้อมกับ 4 ซอส สุดพิเศษให้ได้ลุ้นกัน โดยประกอบไปด้วย ซอสบราวา (มะเขือเทศ, น้ำผึ้ง, ผงปาปริก้า), ซอสมายองเนสวาซาบิ และ Secret ซอส 2 สูตร ซึ่งเป็นซอส Bomb "สเต๊กปลากะพงซอสต้มข่า (350 บาท)" นำปลากะพงขาวสดๆ ทั้งชิ้นมากริลล์ให้หนังกรอบแต่เนื้อปลายังชุ่มฉ่ำ แล้วราดด้วยซอสต้มข่าสูตรของทางร้านที่เคี่ยวนานจนเข้มข้นลงไป"Graciosa (350 บาท)" เครื่องดื่มเก๋ๆ ที่มีชื่อภาษาสเปน แปลว่า สนุก เสิร์ฟมาในกรงจึงสื่อถึงการล่าวัวกระทิงของสเปน เบสหลักของเครื่องดื่มเป็นสตรอว์เบอร์รีสด กระเจี๊ยบไซรัป รสชาติออกเผ็ดนิดๆ จากพริกชี้ฟ้าแดง"Tanoshi (350 บาท)" ชื่อเมนูมาจากภาษาญี่ปุ่น แปลว่า สนุก โดยเบสหลักเป็นน้ำแอปเปิ้ลและเมลอนไซรัป ผิวหน้าเป็นชูก้าชีสที่สามารถบอกทางร้านล่วงหน้าได้ว่าอยากได้รูปอะไร"ยำโบราณเส้นคาเปลลินี (250 บาท)" เป็นเมนูฟิวชั่นเก๋ๆ ที่ใช้คาเปลลินีคลุกเคล้ากับเสูตรยำโบราณ หอมมะนาวแท้"ข้าวกะเพราเบอร์เกอร์หมู (380 บาท)" เมนูแนะนำที่ย่างหมูคุโรบูตะไปพร้อมๆ กับซอสกะเพราเพื่อให้ซอสเข้าถึงเนื้อ เสิร์ฟคู่กับข้าวญี่ปุ่นนุ่มๆ ไข่ดาวเยิ้มๆ เพิ่มความหอมด้วยพริกยักษ์เผามาสนุกสนานไปกับร้านลับบรรยากาศดีที่ "S'amuser" อยู่ซอยเจริญรัถ 6 ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 18.00-23.00 น. (ปิดทุกวันอังคาร) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-8894-2878

  • เตี๋ยวตุ๋นหม้อไฟ Indy

    เอาใจคนรักเมนูตุ๋นกับ "ร้านเตี๋ยวตุ๋นหม้อไฟ Indy" สาขาหลัง ม.ธุรกิจบัณฑิต การันตีสูตรความอร่อยกว่า 33 ปี หมูตุ๋นนุ่มๆ กับน้ำซุปยาจีนหอมๆ เดิมที่ร้านเตี๋ยวตุ๋นหม้อไฟ Indy เป็นร้านที่อยู่ จ.ขอนแก่น ที่ขายดีจนเกิดปรากฎการณ์รถติดในซอยเพราะลูกค้ามารอคิวกินที่ร้าน และเพราะอยากให้ลูกค้าได้ทานก๋วยเตี๋ยวของทางร้านอย่างทั่วถึงจึงได้ขยายสาขาแฟรนไชส์ไปทั่วประเทศ และสาขาหลัง ม.ธุรกิจบัณฑิต ก็เปิดมาได้ 3 ปีแล้วทางร้านมีสูตรก๋วยเตี๋ยวที่เด่นในเรื่องของน้ำซุปตุ๋น ซึ่งเดิมทีเป็นสูตรของคุณตาคุณยายมากว่า 33 ปีแล้ว จึงนำมาพัฒนาต่อยอดจนปัจจุบันนี้"ก๋วยเตี๋ยวชาบูหมู (299 บาท)" ในเซตจะมีทั้งหมูสด เครื่องใน เห็ด ผัก ลูกชิ้น และเส้นลวกประเภทต่างๆ แยกมาให้ เสิร์ฟมาเป็นหม้อไฟกระทะร้อน รับรองสายชาบูจะต้องถูกใจ"สุกี้แห้งหมูตุ๋นกระทะร้อน (50 บาท)" ปรุงสดใหม่จานต่อจาน สามารถเลือกเครื่องได้ว่าจะเป็นสันนอกหรือหมูตุ๋น"หม้อไฟจุก 1 (170 บาท)" มีให้เลือกหลากหลายแบบตั้งแต่ จุก 1, จุก 2, จุก 3, และจุก 6 ซึ่งเซตจุก 1 เหมาะสำหรับ 1 คนทาน ในหม้อจะมีทั้งหมูตุ๋น, หมูสด, เครื่องใน, ตับ, ไส้, ลูกชิ้น โดยใช้ส่วนคั่วตับที่ในหมูหนึ่งตัวจะมีอยู่น้อยมาก ความพิเศษคือพอโดนความร้อนนานๆ เนื้อจะไม่ยุ่ย"เกาเหลาชามเดือด (หมู 80 บาท, เนื้อ 90 บาท)" เสิร์ฟก๋วยเตี๋ยวในอุณหภูมิสูงในชามดิน จุดเด่นอยู่ตรงน้ำซุปเดือดในชามแล้วจะมีกลิ่นหอมไหม้อ่อนๆ อยู่ตลอด มีเนื้อหมู ผัก และลูกขิ้นมาอิ่มอร่อยกับก๋วยเตี๋ยวตุ๋นได้ที่ "เตี๋ยวตุ๋นหม้อไฟ Indy" สาขาหลัง ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00-20.30 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0-2002-7809

  • ก๋วยเตี๋ยวเรือ จ้าวคุณ

    ใครชอบทานก๋วยเตี๋ยวเรือต้องห้ามพลาดก๋วยเตี๋ยวเรือหม้อไฟเจ้าเด็ดของอำเภอปากน้ำ "ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือ จ้าวคุณ" ที่คัดสรรวัตถุดิบพรีเมี่ยมมาเสิร์ฟความอร่อยเอาใจคนรักก๋วยเตี๋ยวเรือ ทั้งเนื้อออสเตรเลีย หมูคุโรบูตะมาเสิร์ฟความอร่อยแซ่บถึงใจไฟลุกกันไปเลย'ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือ จ้าวคุณ' เกิดจากความตั้งใจของคุณป้อเจ้าของร้านที่อยากให้เป็นก๋วยเตี๋ยวเรือพรีเมี่ยมในราคาที่จับต้องได้ ดังนั้นทางร้านจึงจะใส่ใจในทุกๆ ขั้นตอนตั้งแต่การเลือกวัตถุดิบ"ก๋วยเตี๋ยวเรือหม้อไฟ ชุดเล็ก (หมู 160, เนื้อ 180 บาท)" สามารถเลือกเป็นหมูหรือเนื้อก็ได้ ด้วยน้ำซุปสูตรเด็ดของทางร้านที่ต้มด้วยสมุนไพรกว่า 7 ขนิด เคี่ยวตั้งแต่เช้ามืดจึงมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว"ข้าวกะเพรา 3 หมู (99 บาท)" เมนูมาแรงของทางร้านที่มีทั้งหมูสับ กุนเชียง และหมูยอ"ข้าวกะเพราเนื้อสับฮิมาวาริ (129 บาท)" ทางร้านจะผัดมาแบบแห้งๆ ตามแบบฉบับกะเพราสูตรโบราณ หอมกลิ่นกระทะ รสชาติเข้มข้น "เกี๊ยวกรอบยำแซ่บ" ไส้เกี๊ยวหมู ยำกับหมูสับมาแน่นๆ โรยหน้าด้วยกากหมูเจียวเพิ่มความกรุบกรอบ"หยกเบตง" เมนูนี้ทำจากบะหมี่หยกโรยด้วยกุ้งฝอย หมูหวาน และกากหมูเจียว เสิร์ฟคู่กับซอสเบตงมาตามรอยร้านก๋วยเตี๋ยวเรือพรีเมี่ยมในราคาสบายกระเป๋าได้ที่ "ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือ จ้าวคุณ" อยู่ที่ถนนสายลวด ปากน้ำ ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-16.30 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-4449-2246

  • Chivit Issara ชีวิตอิสระ ร้านอาหารไทยโฮมเมดสุดคิ้วท์

    ช่วงวันหยุดแวะมาเที่ยวสมุทรปราการมีร้านน่ารักๆ ถ่ายรูปสวยๆ อาหาอร่อยๆ มาแนะนำ "ร้าน Chivit Issara ชีวิตอิสระ" คาเฟ่บ้านไม้หลังเล็กแสนอบอุ่นใต้ต้นดอกปีบกับอาหารไทยรสมือคุณแม่ 'ร้าน Chivit Issara ชีวิตอิสระ' เกิดจากความตั้งใจของ 'คุณนุช' เจ้าของร้านที่ตัดสินใจลาออกจากงานประจำมาใช้ชีวิตอิสระด้วยการเปิดคาเฟ่เล็กๆ ในพื้นที่บ้าน และยังตั้งชื่อร้านตามชื่อกระรอกน้อยที่วิ่งเล่นไปมาอย่างอิสระตามต้นปีบภายในร้านมานานจนคุณนุชตั้งชื่อว่า 'เจ้าอิสระ' อาหารของทางร้านมีทั้งเมนูคาวและหวาน อีกทั้งยังเป็นเมนูโฮมเมดทั้งหมด ซึ่งความพิเศษของเมนูที่ร้านคือการใช้วัตถุดิบ OTOP ในพื้นที่มาสร้างสรรค์เมนูภายในร้าน"ข้าวแมวขโมย" เมนูไฮไลต์ที่เป็นข้าวคลุกปลาทูบ้านๆ เสิร์ฟร้อมน้ำปลาพริก เป็นเมนูที่ทำให้นึกย้อนถึงวัยเด็ก"ข้าวผัด OTOP (ข้าวผัดปลาสลิด)" ทางร้านเลือกใช้ปลาสลิดสินค้า OTOP ประจำจังหวัดสมุทรปราการมาผัดร่วนๆ จนหอมกลิ่นกระทะ"หมี่กระเฉดกุ้งสด" ใช้กระเฉดยอดอ่อนและกุ้งเต็มคำ ใส่กะปิและน้ำมันพริกสูตรเฉพาะของคุณยายลงไปด้วย ซึ่งช่วยทำให้รสชาติจัดจ้านขึ้น"ทาร์ตเสาวรส" มีส่วนผสมของเสาวรสสดๆ และตกแต่งด้วยผลเสาวรสสดๆ"เค้กมะพร้าวอ่อน" ทางร้านใช้มะพร้าวน้ำหอมสดๆ จากอำเภอบางคล้า ฉะเชิงเทรา ราดด้วยซอสกะทิ"Black Coffee Coconut" ผสมกับน้ำมะพร้าวน้ำหอมสดๆ จากลูก"เสาวรสโซดา" เสาวรสจากโครงการหลวง หวานอมเปรี้ยว ทานแล้วสดชื่นมาโฮมคาเฟ่น่ารักๆ ทานอาหารรสมือคุณแม่ได้ที่ "ร้าน Chivit Issara ชีวิตอิสระ" อยู่ ถ.เทพารักษ์ ตรงข้ามซอยจตุรมิตร 6 ร้านเปิดวันพุธ-วันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-3074-3343 

  • Destination Sukhumvit Cafe & Restaurant

    "Destination Sukhumvit Cafe & Restaurant" ร้านอาหารและคาเฟ่ในสวนสวยย่านปากน้ำ สมุทรปราการ กับโซนบ้านไม้โบราณที่มีอายุกว่า 80 ปี โดยจะให้เกียรติกับสถาปัตยกรรมเดิมที่มีอยู่ให้ได้มากที่สุด ด้วยการตกแต่งร้านในสไตล์ Classy Homie ในสวนสวยโบราณ รวมถึงยังมีส่วนของ Glass House และคาเฟ่ที่ตกแต่งสไตล์ Industrial เพื่อให้ร้านมีคอนเซ็ปต์ที่หลากหลายเมนูอาหารของทางร้านเป็นอาหารไทยร่วมสมัยและไทยโบราณ โดยจะคัดสรรวัตถุดิบอย่างดีจากแหล่งต่างๆ มาทำในแต่ละเมนู "แกงรัญจวน (290 บาท)" เมนูโบราณหาทานยากที่จะใช้สันคอหั่นเต๋า ตุ๋นนานกว่า 4 ชั่วโมงจนนุ่ม น้ำแกงจะต้มด้วยน้ำพริกกะปิ หอมแดง ตะไคร้ และโหระพา พอเดือดได้ที่จะได้กลิ่นหอมรัญจวนสมชื่อ"นางพญาร้อยชู้ (250 บาท)" ใช้เนื้อหมูเอามาผัดกับเครื่องเทศไทยที่เผ็ดร้อน ทั้งพริกไทยอ่อน กระชาย กระเทียมโทนสับ พริกสดทั้งเหลือและแดง ใบมะกรูด โหระพา"ปลากะพง 2 หน้า (450 บาท)" เมนูขายดีของทางร้าน มีทั้งแบบทอดกระเทียมและผัดพริกไทยดำ ซึ่งซอสที่ใช้ผัดก็เป็นสูตรเฉพาะของทางร้านอีกด้วย"Strawberry Cheesecake (130 บาท)" "ปลาหมอแดดเดียวทอด (290 บาท)" ส่งตรงมาจากนครชัยศรี ในบ่อเลี้ยงของทางร้าน มั่นใจได้ทั้งคุณภาพและความสะอาด โดยจะทอดจนเหลืองสวยจนสามารถทานได้ทั้งชิ้น เสิร์ฟคู่กับน้ำจิ้มมะม่วงและน้ำจิ้มแจ่ว"เนื้อปูผัดพริกฮ่องกง (450 บาท)" ด้วยความที่ตัวร้านอยู่ใกล้ตลาดปากน้ำ ซึ่งเป็นแหล่งของทะเลสด เนื้อปูทะเลชิ้นใหญ่ๆ นำมาคั่วกับพริกสดสับผสมกับเต้าซี่ฮ่องกง ได้กลิ่นหอมกระทะ"ยำถั่วพู (250 บาท)" ใช้ถั่วพูสดเขียวมาน็อคน้ำแข็งเพื่อให้กรอบ แล้วลวกกึ่งสุกกึ่งดิบให้ยังมีความหวานและประโยชน์ยังอยู่ครบ และเครื่องยำสูตรโบราณของทางร้าน"Destiny's Honey Toast (199 บาท)" "Destination Sukhumvit Cafe & Restaurant" อยู่ที่ปากซอย 29 วินิจเนรมิต ติด BTS ปากน้ำ โซนคาเฟ่ เปิดตั้งแต่เวลา 08.00-20.00 น. และโซนร้านอาหาร เปิดตั้งแต่เวลา 11.00-22.00 น. (หยุดวันอังคาร) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-7252-7521, 0-2029-9671

  • Ginprik Thailand - กินพริก ร้านอาหารไทยจัดจ้านถึงเครื่อง พุทธมณฑลสาย3

    "ร้านกินพริก" ร้านอาหารไทยสุดฮอตในโซเชียลที่ไม่ได้มีดีแค่อาหารเผ็ด แต่ยังจัดจ้านร้อนแรงด้วยเครื่องเทศ และมีอาหารครอบคลุมเกือบทุกภาค โดยเชฟจะดึงจุดเด่นของอาหารแต่ละภาคมาผสมผสานกันไว้อย่างลงตัว บรรยากาศภายในร้านตกแต่งด้วยสไตล์ Modern Loft ทำให้บรรยากาศเหมือนดูชิลเหมือนมาทานอาหารบ้านเพื่อน ที่มาของชื่อร้านกินพริก หมายถึงการให้เครื่องเทศเยอะ เน้นเรื่องความอร่อยในหนึ่งคำที่เต็มไปด้วยเครื่องแกง โดยทางร้านคัดเลือกเชฟที่มีประสบการณ์การทำร้านอาหารไทยมาทั่วทุกภูมิภาค เก็บเกี่ยวประสบการณ์ และสูตรอาหารพื้นบ้านจากคนในพื้นที่ คงคอนเซ็ปต์ทำเครื่องแกงจานต่อจานให้รสชาติเข้าถึงแบบเต็มคำTop list อาหารที่มาแล้วต้องทาน เริ่มจากเมนูอีสานที่เรียกว่า "ไก่ใต้น้ำ" เมนูหาทานยาก ใช้ไก่ส่วนสะโพกนึ่งกับเครื่องเทศ ด้วยเทคนิคแบบอีสานคือการนำน้ำไว้ด้านบน ซึ้งจะทำให้เนื้อไก่นุ่มและฉ่ำ หอมกลิ่นใบกะเพรา ราคา (160.-) มาต่อกันที่เมนูทางใต้ "ผัดสามเหม็น" ที่ใส่ทั้งสะตอ ชะอมและกระเทียมโทน ผัดกับวุ้นเส้นและกุ้งสด โดยทริคของที่ร้านจะเน้นผัดแห้ง ๆ เพื่อให้ได้กลิ่นคั่วกระทะแบบโบราณ ราคา (180.-)มาต่อกันที่ "แกงคั่วใบชะพลู" เป็นเมนูที่ทางร้านได้สูตรพิเศษจากคนท้องถิ่น เน้นเครื่องแกงโขลกละเอียด ใส่กรรเชียงปูกับเนื้อปูหน้าอก เพื่อเพิ่มเทคเจอร์ให้กับความเข้มข้นของน้ำแกง เรียกได้ว่าเป็นเมนูที่อร่อยเด็ดเข้มข้นสุด ๆ ราคา (420.-)ที่สุดของความแซ่บต้องยกให้ "ยำคอหมูปลาร้าไข่เค็ม" เป็นเมนูน้องใหม่ของทางร้าน ใช้เทคนิคบ่างคอหมูจนหอม คลุกเคล้ากับน้ำยำสูตรเด็ดที่ใส่ไข่แดงเค็มนึ่งลงไปผสม และเพิ่มความหอมแซ่บนัวด้วยน้ำปลาร้าทำให้น้ำยำกลมกล่อมยิ่งขึ้น ราคา (160.-)มาต่อกันที่เมนูเด็ดของทางร้าน "พะโล้โบราณ" ถ้าใครอยากทานต้องรีบโทรถามก่อนเนื่องจากทางร้านใช้เวลาทำหลายวันและแต่ละรอบมีปริมานจำกัด เคล็ดลับคือร้านจะทำเครื่องพะโล้เอง โขลกสามเกลอ เคี่ยวน้ำตาลให้เปลี่ยนสี ซึ่งเป็นสูตรโบราณ และใส่ไข่เป็ดเพื่อเพิ่มความหนึบและนัวให้รสชาติกลมกล่อม ราคา (175.-)"แกงเหลืองปลากะพง" อีกหนึ่งเมนูที่ห้ามพลาด  ทางร้านจะเลือกใช้เป็นเครื่องแกงสูตรจังหวัดกระบี่ ที่จะเน้นรสชาติเผ็ดนำ ที่จะทำให้รู้สึกถึงความถึงเครื่องเหมือนรสชาติแกงเหลืองออริจินิลทางภาคใต้จริง ๆ ราคา  (220.-)ร้านกินพริก ตั้งอยู่ที่ ถนนพุทธมณฑลสาย 3 เยื้องโรงเรียนสารสาสน์วิเทศธนบุรี  ร้านเปิด 11.00-22.00 น. (หยุดทุกวันอังคาร)ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ : 09-8978-6555

Follow us on INSTAGRAM