บ้านอีต่อง..ดินแดนในหุบเขา ใครกำลังหาที่เที่ยวสงบๆ อากาศบริสุทธิ์พักผ่อนสบายในวันหยุด เปรี้ยวปากเช็คอินแนะนำที่นี่เลยจ้า "บ้านอีต่อง" ดินแดนในหุบเขา เหมืองปิล็อก จังหวัดกาญจนบุรี แค่ก้าวแรกที่ได้มาสัมผัสก็หลงรักกับบรรยากาศคุ้มค่ากับ 399 โค้งที่เดินทางขึ้นมาค่ะ ด้วยความที่โลเคชั่นมีหุบเขาล้อมรอบอากาศที่นี่ในตอนเช้าจึงเย็นตลอดทั้งปี ถ้าหน้าหนาวเนี่ยสายหมอกลอยจากทะเลสาบหน้าหมู่บ้านให้ได้ฟินกันเลยทีเดียวแนะนำว่าตื่นเช้าตักบาตร จากนั้นเช่าจักรยานปั่นรอบหมู่บ้านสัมผัสอากาศเย็นๆและแวะอุดหนุนของกินในหมู่บ้านรอบๆหมู่บ้านมีร้านโปสการ์ด กิ๊ฟช็อป ของฝากขึ้นชื่อก็จะเป็นผ้าถุงสไตล์พม่าหรือแวะจิบกาแฟร้าน “แดกม่ะ” ชื่อร้านก็สะดุดหูกันทีเดียว เป็นร้านกาแฟเล็กๆแต่อบอุ่น แต่ถ้าต้องเติมพลังท้องจริงจัง แนะนำร้าน “เจ๊ณี” มีอาหารท้องถิ่นและซีฟู้ดสดๆจากฝั่งพม่า ปูทะเลพม่าตัวใหญ่มาก สายฮิปเตอร์มุมถ่ายรูปสุดชิค ห้ามพลาด "เหมืองปิล็อกเก่า" เป็นจุดที่เขานำเอารถและเครื่องจักรทำเหมืองแร่ในอดีตมาจัดโชว์เอาไว้ สามารถเข้ามาถ่ายรูปเล่นได้ ถ้ามาเป็นแก๊งค์จัดเสื้อผ้ามาเป็นธีม มุมนี้เท่และชิคสุดๆ
พาเที่ยวงานอุ่นไอรัก คลายความหนาว
งาน อุ่นไอรัก คลายความหนาว งานน่ารักๆทุกคนสวมชุดไทยทั้งดอกไม้ ร้านอาหาร รวมถึงส่วนจัดแสดงวัฒนธรรมไทยแต่โบราณต่างๆซึ่งสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 10 โปรดเกล้าให้จัดงานนี้ขึ้นบริเวณสนามเสือป่าและพระลานพระราชวังดุสิต โดยงานจะแบ่งออกเป็นประมาณ 3 โซน 1.โซนพระลานพระราชวังดุสิต มีสาธิตงานฝีมือต่างๆของไทย เย็บ ปัก ถัก ร้อย แกะสลักจิตรกรรมต่างๆ และส่วนจัดแสดงดอกไม้สวยๆกว่า 20 สายพันธุ์ รวมถึงเรือสุพรรณหงส์จำลองมาจัดแสดงบริเวณพระบรมรูปทรงม้า ถ่ายรูปสวยๆ เห็นบรรยากาศของพระที่นั่งอนันตสมาคม นิทรรศการพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจของ ร.5 และ ร.9 สาธิตการทำขนมว่างโบราณของไทย อาทิเล่น ขนมค้างคาวเผือก ขนมเบื้องญวน จากโรงเรียนการเรือนต่างๆ 2.โซนสนามเสือป่า มีซุ้มจับฉลากสอยดาว รางวัลต่างๆ ร้านค้าในพระบรมวงศานุวงศ์ ร้านค้ารับเชิญจากโครงการพระราชดำริและสมาคมแม่บ้านเหล่าทัพต่างๆ 3.โซนร้านค้าร้านอาหาร ร้านอาหารภายในงานเป็นร้านอาหารไทยโบราณต้นตำรับจากทั้ง 4 ภาครวมไปถึงขนมไทยสูตรโบราณที่หาทานยาก งานนี้จะจัดขึ้นตั้งแต่ 8 กุมภาพันธ์ ถึง 11 มีนาคม ตั้งแต่เวลา 10.30 - 21.00 น. วันศุกร์และเสาร์ ขยายเวลาถึง 22.00 น. อีกทั้งที่งานยังมีชุดไทยสมัย ร.5 ให้เช่าหลายแบบเลยในราคาชุดละ 250 บาท
วันพักผ่อนสุดชิลที่ ESCAPE KHAO YAI
วันพักผ่อนสุดชิล ที่ ESCAPE KHAO YAIถ้าจะนึกถึงสถานที่ท่องเที่ยวในมุมสูงและไม่อยู่ไกลกรุงเทพฯมากนัก บรรยากาศดีๆเหมาะแก่การพักผ่อนชิลๆในวันหยุดที่แรกที่เรามักจะนึกถึงเลยก็คงหนีไม่พ้นเขาใหญ่ เพราะทั้งเดินทางง่าย สถานที่ท่องเที่ยวในเขาใหญ่ก็มีอยู่มากมายให้เราได้ชื่นชมธรรมชาติและเช็คอินถ่ายรูปกัน ที่พักก็มีอยู่เยอะแยะให้เราได้เลือกสรรกันทั้งแบบรีสอร์ทพักกันแบบส่วนตัวหรือจะเป็นกางเต๊นท์นอนก็ชิลไปอีกหรือจะเป็นโรงแรมพื้นที่เยอะๆมีกิจกรรมเล็กๆกรุบกริบให้เราได้ทำในวันหยุดกันก็สนุกไปอีกแบบอย่างที่โรงแรม "Escape Khao Yai" ทำให้เราได้สัมผัสบรรยากาศสุดฟินกับที่พักสุดแสนจะสบาย ชมวิวทิวทัศน์เขาใหญ่กันแบบพาโนรามาแถมยังมีกิจกรรมเล็กๆน่ารัก ปั่นจักรยานชิลๆรอบที่พัก สูดอากาศดีดีบริสุทธิ์ของเขาใหญ่กันแบบเต็มปอด เรียกได้ว่าใครที่กำลังเครียดๆอยู่เจอแบบนี้เข้าไปสบายใจสุดๆ ถ้าใครอยากสัมผัสธรรมชาติให้มากกว่านี้แนะนำให้ไปที่ "ห้องอาหาร Green Oak Bistro" ภายในโรงแรม ESCAPE KHAO YAI เพราะเค้ามาภายใต้แนวคิด ‘Farm to Table’ คัดสรรวัตถุดิบสดใหม่จากท้องถิ่น มาเสิร์ฟให้ถึงโต๊ะและยังมีผักออร์แกนิกสดๆจากสวนในโรงแรมปราศจากสารพิษแน่นอนเมนูซิกเนเจอร์ "สลัดเอสเคป-ผักย่างไข่เค็ม" โรยด้วย Feta Cheese ส่วน Dressing เป็นน้ำมันมะกอก และ Balsamic อีกจานที่ต้องสั่ง "เมี่ยงปลาแซลมอน" ปลาแซลมอนหมักสูตรพิเศษและเครื่องแน่น ทานกับเครื่องเคียงสมุนไพร ราดด้วยน้ำจิ้มรสชาติจัดจ้านครบเครื่องค่ะ
เช็คอินปากช่อง เที่ยว " The Birder's Lodge Market "
เช็คอินปากช่อง เที่ยว "The Birder's Lodge Market" หยิบเสื้อลายสก็อตใส่เป็นลุค Farmer Boy & Girl Cute Cute ซะหน่อย เพราะเปรี้ยวปากจะพาไปเช็คอิน The Birder's Lodge Market โดดเด่นด้วยบรรยากาศกลิ่นอายโรงนา ปกคลุมด้วยไม้เลี้อยเขียวสะดุดตาจนกลายเป็นแลนด์มาร์คถ่ายรูปแชะอิน ภายในโรงนาเต็มไปด้วยผลผลิตสดๆจากฟาร์มในเขาใหญ่และสวนจากพื้นที่ใกล้เคียง ผัก ผลไม้สด สินค้าแปรรูป ช้อปเพลิน อยากให้ลองข้าวโพดหวานทานสดจากฮอกไกโด ไอศกรีมโหระพาก็มี มะเขือเทศออเเกนิก..รสหวานมาก
จิบกาแฟ กลางทุ่งหญ้าเหมือนอยู่เมืองนอกที่ Dean & Deluca เขาใหญ่
Dean & Deluca สาขานี้อยู่ภายในโครงการ AKAS เขาใหญ่ จะเป็น Pop-Up Cafe ตกแต่งในสไตล์อเมริกันทำอาหารบน Food Truck ส่วนที่นั่งทานอาหาร บรรยากาศชิวๆใกล้ชิดธรรมชาติล้อมรอบด้วยวิวภูเขาจะมานั่งจิบกาแฟหรืออ่านหนังสือชิวๆก็ยังได้เพราะคอนเซปท์ที่นี่ต้องการให้เป็นโอเอซิสที่สามารถมารับลมหนาวท่ามกลางบรรยากาศเขียวขจีของเขาใหญ่นั่นเองซึ่งเหมาะกับการมารับลมหนาวจริงๆโดยเฉพาะสายฮิปมุมถ่ายรูปกับดอกหญ้า โพสรูปทีเรียกไลก์รัวๆเลยค่ะGrilled Chicken Caesar อกไก่ย่างมาบนผักสดกรอบและน้ำสลัดซีซาร์โฮมเมดอร่อยได้สุขภาพ Khao Yai Cheese Burger เบอร์เกอร์เนื้อเป็นเนื้อไทย-วากิว ที่คนรักเนื้อห้ามพลาดเมนูนี้!!! All American Breakfast Griddle ชุดอาหารเช้าแบบอเมริกัน ที่จะมีทั้งไข่ดาว แฮม เบคอน เมนูเดียวอิ่มท้องเอาอยู่ Khao Yai Tropical Pancakes แพนเค้กที่จะมีผลไม้ถึง 4 ชนิดด้วยกัน มะม่วง สับปะรด กล้วย และสตอว์เบอร์รี่ ราดด้วย Maple Syrup เพิ่มความหอมหวาน อาหารก็จัดว่าเด็ดไม่แพ้กันแนะนำว่าให้รีบมาด่วน!! เพราะมีถึงสิ้นเดือนเมษายนนี้เท่านั้น!!
ล่องเรือคาตามารันสุดหรูแบบ private ชมอ่าวพังงา
ซัมเมอร์แล้วรออะไร ออกไปสัมผัสสายลม แสงแดด ไอทะเลกัน ทริปนี้เปรี้ยวปากจะพาไปล่องเรือคาตามารันสุดหรูแบบ private ชมความสวยงามของท้องทะเลอันดามัน ล่องเรือชิลๆจากภูเก็ตไปจนถึง เกาะห้อง อ่าวพังงา จะมาเป็นครอบครัวหรือมาเป็นกลุ่มเพื่อนก็เตรียมกล้องไว้ให้พร้อมแชะรูปเพราะวิวมันสวยมากจริงๆ สุดยอดไฮไลท์คือการพายคายัคเข้าสู่บริเวณเกาะห้อง พบ "ภูเขาหินปูนรูปปลาปิรันญ่า" "หินงอกหินย้อยรูปมัมมี่" ยิ่งมาช่วงที่แดดออกจัดๆน้ำจะเป็นสีมรกตสวยม๊ากมาก เกาะห้อง ฝั่ง จ.พังงา มีภูเขาหินปูนลูกน้อย-ใหญ่ โอบล้อมทะเลอันดามันคล้ายห้องขนาดใหญ่จึงเป็นที่มา "เกาะห้อง"
เที่ยวเขาใหญ่ สไตล์เมืองนอก ที่ Toscana Valley
เที่ยวเขาใหญ่ สไตล์เมืองนอก ที่ Toscana Valleyต้องบอกว่าทุกครั้งที่มาเขาใหญ่ก็มีอะไรให้เราตื่นตาตื่นใจตลอดเวลาโดยเฉพาะคาเฟ่เก๋สไตล์เมืองนอก เปรี้ยวปากเช็คอินจะพาไปอัพเดท Toscana Valley เขาใหญ่ จุดเช็คอินชิคๆเก๋ๆที่จำลองบรรยากาศของแคว้น Toscana ที่ประเทศอิตาลีไว้ เริ่มตั้งแต่ทางเข้าโครงการก็จะเจอกับ Toscana Tower ลักษณะคล้ายกับหอเอนปิซ่าที่อิตาลี ขนาดก็ยังเท่าของจริงด้วยในอนาคตด้านล่างเขาจะเปิดให้เป็นคอมมูนิตี้มอลล์ ส่วนข้างบนก็จะเป็นห้องพัก สายถ่ายรูปคิดท่าเก๋ๆไว้เลยค่ะจากนั้นเข้าไปโซน Town Square Suites เป็นส่วนของร้านอาหารและร้านขายเครื่องดื่ม ห้องพัก นักท่องเที่ยวน่าจะถูกใจกับมุมถ่ายรูปต่างๆยังไงก็เหมือนอยู่เมืองนอก การเดินทางจากปากทางถนนธนรัตน์ มุ่งหน้ามาอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ วิ่งยาวมาเรื่อยๆจนเจอทางแยกป้ายบอกทางไปวังน้ำเขียวให้เลี้ยวซ้ายเข้าไปเลยค่ะ วิ่งต่อไปไม่ไกลให้เราสังเกตุขวามือไว้จะเห็นป้ายทางเข้าพร้อมๆกับอาคารสีปูนสีส้มและสีเหลืองสลับเป็นชั้นซ้อนกันไปมา
One Day Trip ไหว้พระขอพร พระพิฆเนศปางสำริด
One Day Trip ไหว้พระขอพร พระพิฆเนศปางสำริดในช่วงวันหยุดหลายคนอาจเข้าวัดทำบุญกัน วันนี้เปรี้ยวปากจะพาไปสักการะองค์พระพิฆเนศปางสำริด สำเร็จ สมปราถนา องค์ใหญ่ที่สุดในโลกริมแม่น้ำบางปะกง อ.คลองเขื่อน เพื่อความเป็นสิริมงคล อุดมสมบูรณ์ มั่งคั่ง กิจการรุ่งเรือง
One Day Trip Suratthani สะพายกล้อง | ล่องเเพ | เที่ยวสุราษฎร์
One Day Trip Suratthani แบกเป้ สะพายกระเป๋า เตรียมกล้องให้พร้อมลุยเพราะวันนี้เปรี้ยวปากจะพาไปเที่ยวชมความงามของธรรมชาติ นอนพักโฮมสเตย์ในสวนยาง เที่ยวชมสวนผลไม้ เรียกว่าทริปนี้ใกล้ชิดธรรมชาติกันแบบสุดๆและพลาดไม่ได้กับจุดเช็คอินสำคัญ สะพานแขวน เขารูปหัวใจ ที่บ้านเขาพัง แลนด์มาร์คที่ต้องหยิบกล้องมาถ่ายรูปรัวๆ ธรรมชาติช่างสร้างสรรค์ ต้นไม้ที่เกาะกันเป็นรูปหัวใจบนภูเขา จากนั้นพาไปทำกิจกรรมการล่องแม่น้ำคลองศกแบบชิวๆยิ่งมาช่วง พ.ย.-เม.ย. อากาศดีแบบสุดๆ นอกจากล่องแพชมแม่น้ำคลองศกยังมีกิจกรรมอื่นๆ เช่น พายเรือแคนู ขี่ช้างชมธรรมชาติ เก็บผลไม้ตามฤดูกาล ทริปนี้เราเลือกเป็นล่องแพไม้ไผ่ผ่านต้นไม้ ภูเขาหินปูนตามธรรมชาติแล้วแวะพักจิบชากาแฟแบบพื้นเมืองในกระบอกไม้ไผ่กันที่ถ้ำดินได้บรรยากาศออกแคมป์มากๆ บริเวณถ้ำยังเป็นจุดชมหินงอกหินย้อยทางธรรมชาติ
เดี๋ยวนี้ไประนองง่ายนิดเดียว เพราะมีสายการบินหลายค่ายให้เลือกใช้บริการวันเดียวก็เที่ยวได้ทั่วระนอง เริ่มต้นทริปด้วยการนั่งรถสองแถวไม้สัมผัสกลิ่นอายวินเทจรอบเมือง เพียงชม.ละ 250-300 บ. นั่งรถเพลินๆก็มาพักผ่อนคลายกันที่สวนสาธารณะรักษะวาริน ออนเซ็นเมืองไทยที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติแถมยังไม่มีกำมะถันเจือปน ใครอยากจะอาบน้ำแร่ แช่น้ำร้อนกันก็สามารถมาแช่ได้เลยเพราะที่นี่เขาให้แช่ ฟรี!!!
ดินเนอร์ชมพระอาทิตย์ตกสุดโรเเมนติกที่ Kata Rock Phuket
ช่วงซัมเมอร์แบบนี้ ไปเที่ยวทะเลทั้งทีก็ต้องหาที่พักสวยๆ อาหารอร่อยๆ เหมาะกับการพักผ่อนในช่วงวันหยุด เปรี้ยวปากขอเเนะนำ "Kata Rock Phuket" รีสอร์ทริมหาดกะตะ ทุกห้องเป็น Pool Villa เห็นวิวทะเลภูเก็ตแบบพาโนราม่า สีขอบฟ้าตัดกับน้ำทะเล ในรีสอร์ทก็ยังมีห้องอาหาร Kata Rocks Restaurant สไตล์เมดิเตอร์เรเนียนกับหลากหลายเมนูอร่อย แต่ถ้าอยากจะดินเนอร์แบบ Exclusive ต้องที่ The Rock ลานหินติดริมทะเล ทานอาหารไปดูวิวพระอาทิตย์ตก เพียงวันละ 1 โต๊ะเท่านั้น!!! เหมาะควงเเฟนมาสวีทรือจะขอแฟนแต่งงานก็โรแมนติกเว่ออออ มาดูที่อาหารกันบ้างดีกว่า Thai Set Dinner เป็นเซ็ทที่ลูกค้าชาวต่างชาติชอบ เริ่มที่ Starter กับเมนู "กุ้งโสร่ง" จะใช้หมี่ซั่วภูเก็ตมาพันรอบตัวกุ้ง ทอดกรอบทานคู่กับซอสแมงโก้สวีท และก็มี "ไก่ห่อใบเตย" เมนูยอดนิยม "ต้มยำกุ้งมะพร้าวอ่อน" เสิร์ฟมาในลูกมะพร้าว ใส่เนื้อมะพร้าวอ่อนลงไปเพื่อให้ความหวานและรสสัมผัสหวานน้ำสต๊อกที่มาจากเปลือกกุ้ง เมนู "ฉู่ฉี่ปลาแซลมอน" ออเดอร์ปลาแซลมอนจากทัสมาเนีย เพราะไขมันจะน้อย ใส่ลำไย องุ่น มะเขือเทศเชอร์รี่ลงไป เพื่อให้รสกลมกล่อม "ปูมะนาว" ใช้ปูม้าจาภูเก็ต จานนี้รสก็จัดจ้านหน่อย แต่ที่เลิฟสุดๆต้องเป็น "เนื้อผัดใบกระเพรา" ใช้เนื้อวากิวจากออสเตรเลียผัดกับใบกระเพราหอมแต่คงรสจัดจ้านถึงเครื่องสไตล์ไทย มื้อนี้ ทั้งอิ่มท้อง เพลินตา กับวิวสุดโรแมนติกช่วงพระอาทิตย์ตก
ซัมเมอร์นี้ที่ภูเก็ต ล่องเรือ HYPE Luxury Boat Club เที่ยวเกาะราชาใหญ่
อากาศมันร้อนร่างกายต้องการทะเล ทริปนี้เปรี้ยวปากพาไปล่องเรือ HYPE สุดหรูพร้อมกิจกรรมมากมาย ทั้งนอนอาบแดดชิลๆบนเรือ ดำน้ำดูปะการังที่เกาะราชาใหญ่ หรือจะมาปาร์ตี้สุดเหวี่ยงบนเรือแถมยังมีอาหารว่างพร้อม Soft Drink Cocktail ไว้บริการ เรือจะออกจากฝั่งเวลา 12.30 น. กลับถึงฝั่งประมาณ 18.30 น. ระหว่างทางก็จะล่องไปเรื่อยๆ แวะเกาะเฮเล่นน้ำสักแป๊บแล้วมุ่งน้ำไปเกาะราชาใหญ่ ปล่อยให้นักท่องเที่ยวได้ดำน้ำลงไปสัมผัสความงามใต้ท้องทะเล หรือจะชิลเดินเล่นบนหาดของเกาะราชาใหญ่ก็ชิลเวอร์ น้ำล่าเฉดสี ปล่อยร่างทิ้งตัวกลิ้งทรายแบบไม่กลัวดำ แอบกระซิบว่าไฮไลท์อยู่ที่ตอนเย็นล่องเรือชมพระอาทิตย์ตกดิน ดีงามมาก สายชิล สายปาร์ตี้ ฟินกันน่าดู เตรียมชุดบิกินี่ เตรียมกล้อง เตรียมท่าโพสมาให้พร้อม แล้วโดดขึ้นเรือไปกันเลย
ลางานไปแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน สวัสดีเพื่อนๆ ทุกคนค่ะ วันนี้ #แอดเปรี้ยว พาไป Slow Life ไกลกันถึงที่ อ.แม่ลาน้อย จ.แม่ฮ่องสอน ค่ะ #อาจจะโค้งเยอะไปหน่อย แต่รับรองว่า บรรยากาศทุ่งนาเขียวชอุ่ม อากาศยังบริสุทธิ์ ผ่อนได้เต็มอิ่มจากการทำงานอีก รับรองว่า คุ้มค่าแก่ 'การลางาน' ไปแน่นอนค่า #จุดเช็คอินสุดจี๊ด • ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแม่ลาน้อย'ธนาคารข้าวแห่งแรกของประเทศ' ที่มีทั้งข้าวและผลผลิตทางการเกษตรต่างๆ อีกทั้งยังมีผักให้เก็บสดๆ ตามฤดูกาล พร้อมกับถ่ายรูปบรรยากาศทุ่งนาเขียวชอุ่มของ #นาขั้นบันได ฟินอย่าบอกใครเชียวค่ะบรรยากาศทุ่งถั่วเหลืองทอง ระหว่างทางขับรถไปร้านอาหารที่เราจะไปฝากท้องค่ะ • ครัวเฮินไตทานมื้อกลางวันสุดอร่อย ฉบับเมนูชาวไทยใหญ่แท้ๆ ท่ามกลางหมอกและทุ่งข้าวเขียวขจีในช่วงปลายฝน ที่ 'ครัวเฮินไต' (เฮินไตรีสอร์ทแม่ลาน้อย) ที่มีเมนูแซ่บๆ รสชาติจัดจ้านให้ชิมเพียบ ใครที่ชอบอาหารรสชาติเข้มข้น อร่อย เจอร้านนี้รับรองต้องชอบ เมนูแนะนำของที่นี่ คือ 'ยำเฮินไต' ค่ะ ยำรสชาติจัดจ้าน หน้าตาคล้ายๆ ยำถั่วพู แต่มีรสชาติของถั่วเน่าวัตถุดิบท้องถิ่น ที่ช่วยชูรสให้กลมกล่อมมากขึ้น และ อีกเมนูที่ห้ามพลาดกับ 'เบบี้ฮ่องผัดน้ำมันหอย' เบบี้ฮ่องเต้ผักพื้นบ้านของคนที่นั่น เก็บมาสดๆ ผัดกินกรอบๆ หวานมาก ทานคู่กับข้าวกล้องร้อนๆ เป็นมื้อที่อร่อยทั้งอาหาร อร่อยทั้งบรรยากาศจริงๆ ค่ะ • โฮมสเตย์ห้วยห้อม ที่นี่เป็นที่พักโฮมสเตย์มีที่พักประมาณ 5 หลัง พักได้ประมาณ 20 คนนะคะ ราคารบกวนเช็คอีกทีหนึ่งอาจจะมีเปลี่ยนแปลงค่ะ ที่นี่ดีมากค่ะ เราจะเห็น และได้สัมผัสกับ กาแฟพันธุ์อาราบิก้าที่ขึ้นชื่อของแม่ฮ่องสอน ที่เขาจะทำเองตั้งแต่ปลูก เก็บ คั่ว บด ไปจนถึงบรรจุหีบห่อเลยล่ะค่ะ นอกจากกาแฟแล้ว ยังมีผ้าทอจากขนแกะที่จะให้เราได้เรียนรู้วิธีการทอขนแกะ มาเป็นเส้นด้าย ไปจนถึงการเย็บ ตัดชุดที่ทำจากขนแกะ จริงๆ ด้วยล่ะค่ะ
มัลดีฟส์สไตล์ไทย เกาะพยาม จ.ระนอง
มัลดีฟส์สไตล์ไทย ที่ เกาะพยามน่าฝนชุ่มฉ่ำแบบนี้หลายคนคิดว่าไปทะเล เจอมรสุมแน่ๆ แต่เราคิดต่างค่ะ ! เพราะไปช่วงนี้ถูกนะเออ (ถูกกว่า ช่วงไฮซีซั่นนิสนุง ก็แอดจนอะค่ะ 55555) อยากจะชวนเพื่อนๆ ไปมัลดีฟส์สไตล์ไทยๆ ที่เกาะพยามกันค่ะ น้ำอาจจะไม่สีฟ้าสดเหมือนของจริง #แต่ก็ใสน่าเล่นไม่แพ้กันเลยค่ะ• The Blue Sky Resortก่อนอื่นต้องบอกว่าเราไม่ได้ค่านายหน้านะคะ แต่คือตอบโจทย์ความมัลดีฟส์สไตล์ไทยจริงๆ บ้านยื่นออกไปในน้ำ ลงไปภายเรือคายัคเล่น แง ไปกับหวานใจนะ ยิ่งฟิน บรรยากาศชิลล์ๆ นั่งเล่นริมห้องพักค่ะหลับสบายมั้ยล่ะคะ พี่จอยหอยทับทิมค่ะ ทำให้หาดเป็นสีชมพูสวย ที่อ่าวเขาควาย เกาะพยาม นี่แหละค่ะ • ร้านสมยศปากน้ำซีฟู๊ดบรรยากาศร้านค่ะ ร้านอาหารซีฟู๊ดสไตล์ไทยจีน เป็นที่ชื่นชอบของทั้งนักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่นค่ะ เรียบง่าย แต่อร่อย สดมากน้ำพริกไข่ปูอร่อยมากค่ะ ระนองขึ้นชื่อเรื่องกะปิอยู่แล้ว ส่วนซีฟู๊ดก็สดมากจริงๆ อันนี้เป็นจานรวมซีฟู๊ดค่ะส่วนนี่คือ ต้มข่าทะเล บอกเลยว่าน่ากิน หอม อร่อย กลมกล่อมมากค่ะ จ.ระนอง สำหรับแอดนี่คือสวรรค์ของแดนใต้จริงๆ แต่ว่า เกาะพยามอาจจะมีเวลาและช่วงเวลาเปิด - ปิดเกาะ เพื่อความสวยงามและให้สภาพแวดล้อมของเราได้พักผ่อนนะคะ ยังไงเพื่อนๆ เช็คกันอีกทีนะคะ #แอดเปรี้ยว
ไปเขื่อนเชี่ยวหลาน สวีทหวาน ณ สุราษฎ์
• ไปเขื่อนเชี่ยวหลาน สวีทหวาน ณ สุราษฎร์ธานี •หน้าฝนชุ่มฉ่ำแบบนี้ #แอดเปรี้ยว ก็พยายามสรรหาสถานที่ท่องเที่ยวเอาใจแฟนๆ เพจเปรี้ยวปากกันซักหน่อย ใครที่กำลังหาที่สวีทหวีวีกับแฟนแล้วล่ะก็ #แนะนำที่นี่ #เขื่อนรัชชประภา หรือว่า #เขื่อนเชี่ยวหลานค่า ที่ห้อมล้อมไปด้วยเขา แสนอบอุ่น ✨• แพ 500 ไร่อีกหนึ่งรีสอร์ทเป็นรีสอร์ทที่ใครต่างก็นึกถึงนะคะ เพราะวิวดี อากาศดี ที่พักก็ส่วนตัวแบบสุดๆ เหมาะกับการไปพักผ่อนหย่อนใจแบบจริงๆ บอกเลยว่าสวีทหวานกันได้เต็มที่บรรยากาศเป็นใจมากเว่อร์ ยิ่งถ้าได้ไปหน้าฝนแบบนี้นะ ทั้ง• เขาสามเกลอนั่งเรือออกไปชมวิวเขาสามเกลอ เป็นเขาที่เกิดเป็นรูปทรงธรรมชาติ เรียงอยู่ใกล้กัน 3 อันค่ะ โรแมนติกสุดๆ• เขาสก หรือ กุ้ยหลินเมืองไทยเป็นอีกจุดขึ้นชื่อของบริเวณเขื่อนค่ะ สวนเหมือนกุ้ยหลิน ยิ่งช่วงหน้าฝน จะมีทะเลหมอกให้เราได้ชมกัน สวยมากๆ เลยค่ะ ห้ามพลาดน้า• ร้านอาหาร Riverviewออกไปชมวิวกันเหนื่อยๆ แล้ว พักเติมพลังกันที่ร้านอร่อย ริมแม่น้ำ ในบรรยากาศชิลๆ #อิ่มทั้งท้อง อิ่มทั้งบรรยากาศค่ะ #เมนูเด็ดฉบับคนใต้ ! #หนางหมู อารมณ์แกงข่าไก่ แต่ใช้ส่วนคางหมูที่นำไปหมักรสชาติคล้ายแหนม #น้ำพริกแมงดา #แกงไตปลาใส่กะทิ ตอนแรกแอดคิดว่าเขื่อนเชี่ยวหลานเป็นทะเลนะคะเนี่ย เพราะสวย น้ำใสมรกตมากๆ ใครที่อยากไปเที่ยว ที่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งที่ ที่น่าไปเลยค่ะ #แอดเปรี้ยว
• เปรี้ยวม่วนใจ๋ แอ่วนาขั้นบันได กับแอดเปรี้ยวก๋า •เอาจริงๆ บรรยากาศทางภาคเหนือกับช่วงที่ฝนตกพรำๆ แอดเชื่อว่าเป็นบรรยากาศที่ดีมากๆ เลยล่ะค่ะ พาไปแอ่วเหนืออีกครั้ง ครั้งนี้พาไปถ่ายรูปสุดฮิปที่นาขั้นบันไดที่เจียงใหม่เจ้า• นาขั้นบันไดนาขั้นบันไดเป็นพื้นที่เพาะปลูกของคนภาคเหนือที่ต้องปลูกผลผลิตบนเขา ที่เป็นพื้นที่ลาดชัน ทั้งนี้ยังลดการทำไร่เลื่อนลอย เพิ่มผลผลิต และรักษาหน้าดินด้วยล่ะค่านาขั้นบันได มีหลายจุดมากๆ เลยนะคะในเชียงใหม่ แต่ที่เราไป มีอยู่ 2 ที่ค่ะ ได้แก่ นาขั้นบันไดแม่กลางหลวง อ.จอมทอง และ นาขั้นบันไดป่าบงเปียง อ.แม่แจ่ม• ศูนย์ท่องเที่ยวแม่กลางหลวงที่นี่นอกจากจะได้สัมผัสนาข้าวขั้นบันไดเขียวชะอุ่มแล้ว ยังได้ สัมผัสวิถีชาวบ้าน ทั้งการทอผ้าฝ้าย รวมถึง นั่งจิบกาแฟคั่วบดที่เก็บจากไร่สดๆ อย่าง กาแฟพันธุ์อาราบิก้า ด้วยล่ะค่ะ #แอดเปรี้ยว
ธรรมชาติเนรมิตร ทะเลบัวแดง บึงหนองหาน จ.อุดรธานี
ไปเบิ่ง ธรรมชาติ เนรมิตรทะเลบัวแดง 🌷 เด้อค่า | บึงหนองหาน กุมภวาปี อุดรธานี#แอดเปรี้ยว🍋 ชูวับชูวับ มาแล้วค่า #มื้อหนี่สิพาไปเบิ่งทุ่งบัวแดงก๊ะจังหวัดอุดรเด้อค่า 😊 ธรรมชาติความสวยงามของทะเลดอกบัวแดงที่กว้างสุดลูกหูลูกตา บอกเลยว่าเลอค่าที่สุดค่ะบึงหนองหาน 🌅 ทะเลบัวแดงที่เราไปคือ ที่บึงหนองหานค่ะ ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องบัวแดงจริงๆ #แต่บอกก่อนเลยว่าช่วงพีคคือ #ธันวาถึงมกรา ค่ะ #ถึงแม้ว่าเราจะไปหลงฤดู 😅 แต่ทะเลที่นี่ ก็ไม่ทำให้เราผิดหวังค่ะ ควรไปตั้งแต่เช้า ไปจนถึงประมาณเที่ยงนะคะ ถึงจะเห็นดอกบัวแดงบานสะพรั่งแบบพี่จอยล่ะค่า แหมพี่เต๋อ ฮ่าๆๆ เก๊กถ่ายรูปซักหน่อยค่ะ📱 : เรือที่เรานั่งนั่งจาก ท่าเรือบ้านเดียมค่ะ 📞 : 081-964-5420สำหรับแอดเปรี้ยว 🍋💕 ส่วนตัวชอบไปเที่ยวเชิงธรรมชาติ 🌱 แบบนี้มากค่ะ พี่เต๋อพี่จอยเองก็ชอบ ทริปนี้ชวนน้อง โมนาไปด้วย ถ่ายรูปชิคๆ สวยๆ ได้ทั้งภาพคน ได้ทั้งภาพวิวแบบนี้ล่ะค่ะ 📸ปล. ช่วงที่ควรไปจริงๆ คือ ธันวาคม - กุมภาพันธ์ นะคะ จะได้เห็นดอกบัวแดงแบบ บานเต็มบึงกว่านี้แน่นอนเลยค่ะ ! #แอดเปรี้ยว
แข่งเรือแข่งพาย ที่ แก่งกระจาน
แข่งบุญแข่งไม่ได้ค่ะ 🤣 แต่ แข่งเรือแข่งพาย แข่งได้ ที่แก่งกระจานค่ะ อิอิกลับมาวีคนี้ จะชวนไปเที่ยวอะไร แอดเวนเจอร์ โหน่ยยย 💛55555 กับที่นี่เลย #เขื่อนแก่งกระจาน เพชรบุรี ค่า ทะเลก็เบื่อ จะไปภูเขาก็เบื่อ เลยหากิจกรรมสนุกๆ ไม่ไกลจากกทมมากกับที่นี่ค่ะ แก่งกระจาน ⭐️ แก่งกระจานแอดเวนเจอร์พอยท์ ที่นี่เอาจริงๆ คือศูนย์รวมความสนุกค่ะที่ครบวงจร สำหรับผู้ที่ชื่นชอบกิจกรรมเอาท์ดอร์ต่างๆ ค่า #เรือยางล่องแก่ง #วอเตอร์บอล #คายัคล่องแก่ง #แพเปียก #สไลเดอร์ แล้วก็มีกิจกรรมที่ไม่เปียกเหมือนกัน ทั้ง #เอทีวี #จักรยานเสือภูเขา ที่สำคัญมี #กิจกรรมท่องเที่ยวธรรมชาติด้วยน้า จะมาเป็นแก๊งเป็นทีมใหญ่ หรือครอบครัว 👨👩👦👦 เค้าก็มีโปรแกรม ที่พัก อาหาร กิจกรรมให้ค่ะ ✨😊👍🏼 ครบ !! ⏰ : กิจกรรมเปิด 10:00 - จนฟ้ามืด (ประมาณ 17:00) 📞 : 081-6163613 📱 : www.adventurespoint.com LINE : 0816163613 บอกเลยว่ามาเถอะจ๊ะ นางครบวงจรที่เดียวเลยจริงๆ #แอดเปรี้ยว
ปลายฝนต้นหนาว ไปหลงเสน่ห์แห่งสายน้ำ ทีลอซู
ปลายฝนต้นหนาว 🌧 ไปหลง มนต์เสน่ห์แห่งสายน้ำ ทีลอซู อุ้มผาง จ.ตาก ด้วยกันค่ะ #แอดเปรี้ยว🍋 กลับมาพร้อมกับ มนต์เสน่ห์ของน้ำตกที่จัดว่าสวยและอลังการที่สุดที่นึงของไทยเลยค่ะ กับทีลอซู ที่ อุ้มผาง จังหวัดตากค่ะ ~ 💛 ที่นี่อาจจะใช้เวลาในการเดินทาง 🚗💨 และ แรงใจที่จะฝ่าฟันไปถึงซักหน่อย แต่บอกเลยว่า คุ้มค่าแบบที่หลายๆ คนคุยไว้จริงๆ ค่ะ บรรยากาศต้นไม้เขียวชอุ่มสองข้างทาง 🌳 ชื่นใจตลอดการเดินทางเลยล่ะค่ะ🚗 : นั่งรถเข้าสู่อุทยานใช้เวลาประมาณ 40 - 60 นาที (ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศแล้วก็ถนนค่ะ อิอิ)ถึงสวนรุกขชาติ เดินเข้าสู่น้ำตกทีลอซูอีก ระยะทางประมาณ 1.5 กิโลเมตรค่า ทางเดินดีมากกกก เป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ป่าไผ่ ป่าเบญจพรรณ สวยงาม เดินสบายๆ เลยค่า 🌿แล้วเราก็จะถึงแล้วค่ะ สวรรค์บนดินที่แท้จริง บริเวณน้ำตกทีลอซูค่ะ🌟 : ควรไปเที่ยวช่วง มิ.ย. - พ.ย. ค่ะ แต่จะมีช่วงที่ทางอุทยานปิดไม่ให้เข้าเพื่อป้องกันอันตรายและรักษาความเขียวชอุ่มของป่าค่ะ ยังไงต้องเช็คกันอีกทีนะคะ ✨💕ส่วนเรื่องที่พัก เราจะพักที่ตัวเมืองอุ้มผาง หรือ กางเต๊นท์บริเวณเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผางได้ค่ะ#แอดเปรี้ยว
• Let’s go to เขาใหญ่ ไปสนุกเพลินใจกับ แอดสิคะ • เบื่อ #แอดเปรี้ยว แล้วหรือยังคะเนี่ย 55555 อย่าเพิ่งเบื่อแอดนะคะ วันนี้พาไปเขาใหญ่ ไม่ว่าจะกี่ปีผ่านไป ก็เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจได้อย่างดีเลยล่ะค่ะ #3พิกัดที่แอดอยากจะอวดรูป ! อิอิ (แอบเม้าท์ว่าเอาจริงๆ อยากไปถ่ายรูปเลย ไปรอบเดียวถ่ายเก็บไว้ลงทั้งปี 5555555)📍 Toscana Valley ⭐️ จำลองเมืองชนบทตอนเหนือของประเทศอิตาลีบรรยากาศอิฐสีแดง สถาปัตยกรรมความงามที่ปราณีตออกแบบอย่างสวยงาม ⭐️ ที่นี่เป็นหมู่บ้านที่มีคนอยู่จริงๆ 🏠 ค่ะ เสมือนที่พักตากอากาศ ที่สำคัญมีบริการห้องพักด้วย ทางเข้าด้านหน้าจะมียามคอยสอบถาม เข้มงวดนิดนึง ต้องแจ้งว่ามา Club House ซึ่งแอดจะไปทานอาหารอยู่แล้วค่ะไฮไลท์คือ ที่นี่เหมาะสำหรับการถ่ายรูป เดินเล่นชิลๆ เป็นอย่างมากค่ะ ส่วนถ้าใครอยากจะฝากท้องซักมื้อเหมือนแอดที่ทอสคานาแห่งนี้ ก็มีห้องอาหารไว้บริการด้วยล่ะ ที่สำคัญยังมีถนนเล็กๆ ที่เปรียบเสมือนดาวน์ทาวน์ให้เราเดินเล่นเดินช็อป มีสปา มีพื้นที่ให้เด็กๆ ได้เล่นสนุก โอ้ยครบมากๆ ~ (ราคาสูงนิดนึงนะคะ ลองดูในเว็บไซต์ http://toscanavalley.com/)🚩 : ถนนธนะรัชต์วิ่งมาเรื่อยๆ จนเจอป้ายไปวังน้ำเขียว เลี้ยวซ้ายเข้าไป วิ่งต่อไม่ไกล อยู่ซ้ายมือ สังเกตป้ายบอกทางได้ค่ะ📍 The Birder's Lodge Farmers Market ⭐️ เป็นสถานที่ช็อปปิ้งที่แอดชอบมว๊ากกก 🛍 เพราะจำลองบรรยากาศของโรงนาค่ะ ที่มีชาวบ้าน ชาวสวน คนท้องที่ เอาของมาขายกัน มีทั้งผัก 🥕ผลไม้ 🍑 ต้นไม้ 🌵 เสื้อผ้า 👗 ไอศกรีม 🍦 ของท้องถิ่นต่างๆ บอกเลยว่าใครที่รักช็อปปิ้งพวกของกิน ห้ามพลาดนะคะ 🚩 : ถนนกุดเคล้า-ผ่านศึก ถ้ามาจากกทม จะเข้าได้ตั้งแต่ก่อนถึงปากช่องเลยนะคะ ตรงแดรีโฮมค่ะ แต่เปิดแมพชัวร์ที่สุ้ด ⏰ : เปิดศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ นะคะ เวลาช่วงประมาณ 10.00 - 18.00 น. ค่ะ (ไปช้าระวังของหมดน้า) 📞 : 044 300 184⭐️ ปล. ที่นี่มีคาเฟ่น่ารักๆ ให้ฝากท้อง สำหรับขนมและจานหลักได้ด้วยนะคะ รวมถึงที่พัก เป็นรีสอร์ทสไตล์กระท่อม #โดนใจสายฮิปแน่นอน !📍 The Mew Khaoyai ⭐️ คาเฟ่บรรยากาศสุดน่ารักขวัญใจหลายคนที่ไปเขาใหญ่ค่ะ ที่นี่มีพื้นที่ให้เลือกนั่งทั้ง Indoor และ Outdoor ที่นี่ออกแบบคล้ายๆ โรงนาค่ะ แต่จะมีสวนสวยๆ 🌾 ล้อมรอบด้วยสายธารน้ำไหล ☁️ ชื่นใจสุดๆ ยามได้ย่างกรายเข้ามาที่นี่ค่ะ ⭐️ นอกจากร้านน่านั่งแล้ว อาหารก็น่ารัก แถมยังอร่อยไม่แพ้กันนะคะ ที่แอดไปทาน ก็จะมีตัว #เบอร์เกอร์หมูคุโรบูตะ อันนี้ดีมาก หมูรุ่มหมักจนหอมกำลังดี บวกกับ เซ็ทขนมคาวหวาน ทานคู่กับน้ำชา (คลิกดูในภาพนะคะ อยู่หลังๆ) สุดยอดมากกก 👍🏼👍🏼 💛 นอกจากคาเฟ่แล้ว ช่วงวันหยุด จะมีกิจกรรม และร้านค้ามาออกร้านกันด้วยนะคะ บริเวณ Mew Park ยังไงติดตามรายละเอียดได้ค่ะว่าเป็นกิจกรรมอะไร ในเฟซบุ๊กของ The Mew ✨🤗 นะคะ 🚩 : ถนนธนะรัชต์ กม.12 📍 : The Mew Khaoyai ⏰ : เปิดทุกวันศุกร์ 11.00 น. - 21.00 น. ส่วนเสาร์อาทิตย์ 8.00 - 20.00 น. ค่า 📞 : 098 382 5433
ณ นิรันดร์ มนต์เสน่ห์กลางเมืองเชียงใหม่
• หลงเสน่ห์ความงามกลางเมืองเชียงใหม่ ที่ ณ นิรันดร์ • ใครที่ไปเชียงใหม่ อย่าพลาดที่พักสวยๆ ซ่อนอยู่กลางเมืองเชียงใหม่ กับ NA NIRAND Romantic Boutique Resort ‘มนต์เสน่ห์แห่งความงามเหนือกาลเวลา’ (Na Nirand Romantic Boutique Resort) 🍋 : ที่พักที่นี่จะเป็นวิวสวยสไตล์ย้อนยุคสุดเก๋ริมแม่น้ำปิง ที่อยากชวนเพื่อนๆ มาผ่อนคลายกับบรรยากาศที่เงียบสงบ และ ร่มรื่น ภายใต้วิวของ “The Heart Of NA NIRAND” คือ #ต้นฉำฉา หรือว่า #จามจุรี อายุราว 100 ปี !! ที่ยิ่งใหญ่และงดงามมากๆ ค่ะ 😊 : ที่นี่จะมีห้องพักแตกต่างกันออกไป ทั้งดีไซน์ และ ราคาค่ะ แต่ทุกห้องจะใส่ใจรายละเอียดผสมผสานการตกแต่งด้วยหัตถกรรมท้องถิ่น และ จิตรกรรม รวมถึงใช้วัสดุจากไม้ เรียกได้ว่า สวยงามมากจริงๆ ค่าาา ⭐️⭐️⭐️⭐️⭐️ 🏢 : นอกจากสิ่งอำนวยความสะดวกทุกอย่างที่โรงแรม 5 ดาวอื่นๆ มีนะคะ ที่นี่ยังมีห้องอาหาร TIME Riverfront Cuisine & Bar ร้านอาหารสุดเก๋ แนว Industrial Vintage 👏🏼 ที่ให้บริการทั้งอาหารไทยและล้านนาฟิวชั่น รวมถึงอาหารนานาชาติ บอกเลยว่า แอด RECOMMENDED เลยน้า 👍🏼👍🏼👍🏼 #จะจัดงานแต่งปาร์ตี้หรือถ่ายพรีเวดดิ้งก็ดีน้า #แอดเปรี้ยวNa Nirand Romantic Boutique Resort
• วางแผนไป น้ำตกเอราวัณ ชุ่มชื่นใจ สดใสซาบซ่าน •มีแพลนไปเที่ยวน้ำตกกันหรือยังคะปลายปีนี้ #แอดเปรี้ยว🍋 จะชวนมาวางแผนล่วงหน้าไปเที่ยวน้ำตกกันค่ะ ที่ #น้ำตกเอราวัณ เป็นน้ำตกที่ใหญ่และสวยงาม บนฝั่งแม่น้ำแควใหญ่ ที่กาญจนบุรี แบ่งออกเป็นชั้นๆ ได้ 7 ชั้น⭐️ ไฮไลท์ของที่นี่อย่างที่รู้กันคือ น้ำตกจะมีน้ำใสแจ๋วมองเห็นตัวปลาแหวกว่ายไปมาใต้ผืนน้ำที่สะท้อนแสงเป็นสีฟ้าอมเขียวมรกตคล้ายน้ำในสระเลยล่ะค่ะ เพราะลักษณะของ ภูเขาในอุทยานฯ เอราวัณ เป็นเป็นเทือกเขาหินปูนที่เกิดจาก การทับถมของเปลือกหอย ปู หรือปะการัง 🐚🦀 💧 น้ำที่ไหลมาจากเทือกเขาหินปูนจึง มีสารละลายของแคลเซียมคาร์บอเนต เจือปนอยู่ เมื่อ #แสงส่องลงมาจะทำให้สะท้อนเป็นสีฟ้าหรือสีเขียวมรกตสวยงามมากน้ำตกเอราวัณ มี 7 ชั้นค่ะ ชั้นที่ 1 ไหลคืนรัง, ชั้นที่ 2 ชื่อ วังมัจฉา, ชั้นที่ 3 ผาน้ำตก, ชั้นที่ 4 อกผีเสื้อ, ชั้นที่ 5 เบื่อไม่ลง, ชั้นที่ 6 ดงพฤกษา, ชั้นที่ 7 ภูผาเอราวัณ ชื่อของแต่ละชั้นไม่เหมือนกันไม่พอ ความสวยงามและลักษณะ ยังแตกต่างกันออกไปด้วยค่ะ สำหรับเพื่อนๆ ที่ต้องการเยี่ยมชมน้ำตกทั้ง 7 ชั้นจาก ต้องใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงในการขึ้น - ลงนะค้าาาาาา ค่าเข้าชม คนไทย 100 บาท ส่วนต่างชาติ 300 บาทค่า แนะนำให้เที่ยวช่วงปลายปีค่ะ แต่ช่วงนี้ก็สวยนะคะ แต่ฝนอาจจะตกบ้างปรอยๆ (มิถุนายน - สิงหาคม)
ปั่นจักรยานสูดโอโซน บางกะเจ้า แบบใกล้ชิดธรรมชาติสีเขียว
"บางกะเจ้า จ.สมุทรปราการ" ปอดของกรุงเทพที่เหมาะสำหรับการมาเที่ยวพักผ่อน ไปปั่นจักรยานชิลๆได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติสีเขียว และมีกิจกรรมสนุกๆให้ทำเพียบ มาถึงบางกะเจ้าทั้งทีขอมา Check Point กันที่ "วิสาหกิจชุมชนบ้านธูปหอมสมุนไพร" มีกิจกรรมหลากหลายให้ทำทั้ง "ทำผ้ามัดย้อมแบบร้อน-เย็น" , "ทำธูปหอมสมุนไพร" , "ทำขนมไทย" และอีกมากมายแบบไม่ซ้ำกันเลยทีเดียว มาใกล้ชิดธรรมชาติและส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่นกันที่บางกะเจ้า จ.สมุทรปราการ ที่สำคัญใครอยากมีงานฝีมือตัวเองกลับบ้านไปชื่นชมกันอีกด้วย
Farm to Table โกดังผักสลัด ณ บางกะเจ้า เก็บผักปุ๊บกินปั๊บ
วันนี้เปรี้ยวปากขอพามาเก็บผักชิลๆกันที่ร้าน "โกดังผักสลัด" ของคุณเจก รัตนตั้งตระกูล โกดังผักสลัด เป็นทั้งฟาร์มไฮโดรโปนิกส์และร้านอาหารที่มีคอนเซ็ปต์ Farm to Table เก็บผักสวนผักปุ๊บนำมาปรุงแล้วทานปั๊บ รับรองความสดใหม่ แต่กว่าจะเป็นสวนผักสวยๆแบบนี้แต่ก่อนตรงส่วนของฟาร์มและร้านเป็นที่หลังบ้านของคุณเจกและพื้นที่ร่องสวน คุณเจกเลยลองปลูกผักตามร่องสวนดูและไปศึกษาการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ปรากฎว่าได้ผลดี ตอนแรกทางคุณเจกเองก็ทานกันเองภายในครอบครัวแล้วจึงขยายเป็นร้านโกดังผักสลัดในตอนแรกเองเปิดให้คนมาเก็บผักเท่านั้น แต่ทางลูกค้าได้สอบถามมาว่ามีอะไรให้ทานมั้ย ทางคุณเจกจึงเริ่มทำเป็นสลัดให้ลูกค้าทานและเริ่มมีแนวคิด Farm to Table"โกดังสลัด" เมนูซิกเนเจอร์ของทางร้าน ทำจากผักสดทั้งหมดที่มี จัดเต็มในจานเดียว เด็ดสุดคือทานคู่กับ "น้ำสลัดซีฟู้ด" ที่ทางร้านทำเอง รับรองถูกปากคนไทยแน่นอน"ข้าวหน้าไก่ย่างพริกไทยดำน้ำจิ้มแจ่ว""ข้าวหน้าหมูย่างพริกไทยดำน้ำจิ้มแจ่ว"น้ำสุขภาพทางร้านก็มีทั้ง "น้ำฝรั่งสด""น้ำแคนตาลูป""น้ำแตงโมเม็ดแมงลัก"
ย้อนรอยออเจ้า เที่ยววัดไทยในอยุธยา: วัดมหาธาตุ l วัดไชยวัฒนาราม
เปรี้ยวปากพามาย้อนรอยออเจ้าเที่ยววัดที่ "อยุธยาเมืองมรดกโลก" มาเริ่มชื่นชมความงดงามของวัดวาอารามกันที่ "วัดมหาธาตุ" ในสมัยที่อยุธยาเจริญรุ่งเรืองได้เป็นที่ประดิษฐานของพระบรมสารีริกธาตุและเป็นศูนย์กลางทางศาสนาในยุคนั้นวัดมหาธาตุยังเป็น "วัดที่มีเศียรพระพุทธรูปในต้นไม้" คาดว่าเศียรพระพุทธรูปเป็นศิลปะในสมัยอยุธยาที่ตกลงมาในสมัยที่เสียกรุงหลังจากนั้นก็มีรากไม้เข้ามาปกคลุมเกิดเป็นความงดงามของสถาปัตยกรรมโบราณและธรรมชาติ แม้จะถูกทำลายไปในช่วงเสียกรุงครั้งที่ 2 แต่ยังคงความงดงามไว้ไม่มีเปลี่ยนแปลง และภายในวัดยังมี "เจดีย์ทรงแปดเหลี่ยม" เป็นเจดีย์ลดหลั่นกัน 4 ชั้น 8 เหลี่ยม ชั้นบนสุดประดิษฐานปรางค์ขนาดเล็ก ซึ่งมีเพียงองค์เดียวเท่านั้นในอยุธยามาชื่นชมความงดงามของวัดกันต่อที่ "วัดไชยวัฒนาราม" เป็นสถานที่ถ่ายทำละครเรื่องบุพเพสันนิวาสใส่ชุดไทยถ่ายรูปสวยๆ ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่ห้ามพลาดวัดไชยวัฒนาราม ถือเป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองสร้างขึ้นสมัยพระเจ้าปราสาททองเพื่ออุทิศผลบุญให้กับพระราชมารดา รวมถึงเป็นการแสดงชัยชนะที่มีเหนือนครละแวก
มาอ่างทองทานกุ้งแม่น้ำตัวใหญ่ติดริมแม่น้ำที่ร้านนิรมิต
มาอ่างทองทั้งทีก็ต้องมาทานอาหารที่ "ร้านนิรมิต" ร้านเก่าแก่กว่า 12 ปี ที่สำคัญบรรยากาศดีเป็นเรือนไทยติดริมแม่น้ำน้อย นั่งทานอาหารได้แบบชิลๆ ได้ทั้งอาหารตาและอิ่มท้องเลยทีเดียวด้วยความที่ร้านอยู่ติดริมแม่น้ำ เมนูขึ้นชื่อของทางร้านก็จะเป็นพวกปลาหรือกุ้งแม่น้ำนั่นเอง! มาดูกันดีกว่าว่าเมนูเด็ดของทางร้านจะมีอะไรบ้าง"ฉู่ฉี่ปลาเนื้ออ่อนใส่ผักบุ้ง" ทอดปลาเนื้ออ่อนจนกรอบแล้วผัดกับพริกแกงที่ตำเอง ปิดท้ายด้วยใส่ผักบุ้งอ่อนๆกรอบๆลงไป "ปูหลนผักสด" ปูหลนใส่เนื้อปูลงไปด้วย! ทานคู่กับผักสดที่ทางร้านปลูกเอง "ต้มยำปลาคังใส่สายบัว""กุ้งแม่น้ำทอดเกลือ" กุ้งตัวใหญ่มากกกก ทานคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ด รับรองแซ่บบบ "ผัดไทย"
นั่งรถรางเที่ยวเชิงเกษตรที่ศูนย์ศิลปาชีพสีบัวทอง
มาวันเดย์ เที่ยวเท่ อ่างทองไปกับเปรี้ยวปาก เริ่มด้วยนั่งรถรางเที่ยวเชิงเกษตรที่ "ศูนย์ศิลปาชีพสีบัวทองและโครงการฟาร์มตัวอย่างบ้านยางกลาง" ที่นี่เป็นทั้งศูนย์ฝึกวิชาชีพสำหรับชาวบ้านและเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรอีกด้วย เมื่อปี 2549 เกิดภาวะน้ำท่วมหลายจังหวัดทำให้ประชาชนเดือดร้อนและไม่สามารถประกอบอาชีพในที่ดินของตนเองได้ "สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9" จึงทรงก่อตั้ง "ศูนย์ศิลปาชีพสีบัวทองและโครงการฟาร์มตัวอย่างบ้านยางกลาง" ขึ้นเพื่อช่วยเหลือชาวบ้าน ที่ศูนย์ศิลปาชีพฯจึงเปรียบเสมือนโรงเรียนที่สอนวิชาความรู้ทางด้านการเกษตรให้กับชาวบ้านเพื่อนำไปประกอบอาชีพต่อไป โดยมีหลากหลายกิจกรรมให้เรียนรู้ทั้ง กิจกรรมแปลงพืชผัก, โรงผลิตเห็ด, จุดคัดบรรจุผลผลิตของฟาร์มเพื่อจำหน่าย, กิจกรรมทางด้านปศุสัตว์ศูนย์ศิลปาชีพฯยังถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่จัดเป็นกลุ่มกิจกรรมให้ประชาชนทั่วไปเข้ามาเที่ยวชมและลงมือปฎิบัติจริงพร้อมได้ความรู้ในคราวทีเดียว เป็นกิจกรรม 1 วัน เช่น ทั้งเก็บเห็ด, ให้นมแพะ, ชิมเมล่อนสดๆจากต้น เป็นต้นแวะเก็บ "เมล่อนพันธุ์จันทร์ฉาย" ที่โรงเรือนเพาะปลูกเมล่อน เมล่อนพันธุ์จันทร์ฉายเป็นพันธุ์ที่เป็นที่ต้องการของตลาดมากเพราะอร่อย หวาน กรอบ ราคาก็ไม่แพง ปลูกได้ตลอดทั้งปีก่อนกลับมาแวะอุดหนุนจุดจำหน่ายผัก ผลไม้สดๆจากไร่ และผลิตภัณฑ์แปรรูปต่างๆ เช่น นมแพะ, ไอศกรีมข้าวโพด, ไอศกรีมม่อน, ไอศกรีมข้าวไรซ์เบอร์รี่, น้ำสมุนไพร
แวะซื้อของฝากที่ตลาดศาลเจ้าโรงทองแล้วไปไหว้พระแบบ Unseen ที่วัดสังกระต่าย
ก่อนกลับจากอ่างทองแวะซื้อของฝากติดมือกลับไปด้วยที่ "ตลาดศาลเจ้าโรงทอง" ที่นี่เป็นแหล่งรวมร้านขนมหวาน โดยเฉพาะ "ขนมดอกลำเจียก" ขนมประจำจังหวัดอ่างทองที่ร้านขนมพรพรรณที่นี่เขาทำขนมกันสดๆ หรือเราอยากจะลองทำด้วยตัวเองก็ได้ด้วย ขนมดอกลำเจียก เป็นขนมไทยโบราณของรัชกาลที่ 2 ทำมาจากแป้งข้าวเหนียวผสมน้ำกะทิ ร่อนผ่านตะแกรงลงในกะทะร้อนๆเป็นแผ่นบาง ม้วนใส่ไส้มะพร้าวอ่อนอบควันเทียน ทานตอนร้อนๆเนื้อแป้งจะนุ่มลิ้น รสชาติหวานหอมที่ร้านยังขายขนมไทยโบราณอีกหลายอย่างทั้งขนมเกสรลำเจียก และขนมไข่ปลา ร้านขนมพรพรรณ ตั้งอยู่ที่ตลาดศาลเจ้าโรงทอง อ.วิเศษชัยชาญ เปิดตั้งแต่ 8.00-16.00 น.โทร. 08-5194-5893เดินเที่ยวตลาดกันเสร็จแล้วมาแวะไหว้พระที่ "วัดสังกระต่าย" ตั้งอยู่ที่ ต.ศาลาแดง อ.เมือง จ.อ่างทอง เป็นสถานที่ท่องเที่ยว Unseen แห่งใหม่ในอ่างทอง มีต้นโพธิ์ขึ้นคลุมรอบโบสถ์และภายในโบสถ์ถึง 4 ต้น งดงามจับตาจริงๆ ภายในโบสถ์แบ่งออกเป็น 3 ห้อง โดยมี 2 ห้องที่เชื่อมกันอยู่ ภายในห้องแรกเป็นที่ประดิษฐาน "หลวงพ่อแก่น" ส่วนห้องที่สองมีพระประธานองค์ใหญ่ 1 องค์ คือ หลวงพ่อวันดี และอีก 2 องค์มีขนาดย่อมลงมา คือ หลวงพ่อศรี และหลวงพ่อสุข ส่วนห้องสุดท้ายอยู่แยกออกไปด้านนอก จะมี "องค์ปู่โสม" และ "องค์ปู่พญานาค"
ใครหาแพลนไปเที่ยวต่างจังหวัดสูดอากาศบริสุทธิ์ เปรี้ยวปากขอแนะนำให้ไปสูดอากาศบริสุทธิ์กันที่ บ้านคีรีวง จ.นครศรีธรรมราช มีทั้งแม่น้ำ ภูเขา ได้บรรยากาศชิคๆ คูลๆเริ่มจากปั่นจักรยานไปเล่นน้ำเย็นๆกันที่ "สะพานบ้านคีรีวง คลองท่าดี" เป็นแม่น้ำที่ผ่ากลางหมู่บ้านและเป็นแม่น้ำที่ไหลมาจากเทือกเขาหลวงปั่นจักรยานมาจนถึงแม่น้ำแล้วต้องบอกว่า วิวที่เห็นทำให้หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง เพราะวิวสวยมาก อย่ารอช้าเตรียมพับขากางเกงแล้วไปแช่น้ำเย็นๆกันเล่นน้ำกันจนหนำใจแล้วไปซื้อของฝากกันต่อที่ร้าน "พี่จึ่งมังคุดกวน" ทีเด็ดอยู่ที่ "มังคุดกวน" ทั้งเปลือก เมล็ด เนื้อ ทานได้มีประโยชน์ทั้งนั้นร้านพี่จึ่ง มังคุดกวน ที่ตั้ง: บ้านคีรีวง อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช โทร: 08-2429-8796ซื้อของกินเสร็จแล้วมาทำเวิร์คช็อปย้อมสีผ้ากันต่อที่ "กลุ่มมัดย้อมสีธรรมชาติ" สีที่ใช้ย้อมมาจากธรรมชาติ 100% เน้นใช้สีจากใบไม้เพราะเป็นการทำลายธรรมชาติน้อยที่สุด นักท่องเที่ยวเองก็สามารถมาเวิร์คช็อปทำผ้ามัดย้อมเองได้ ด้วยกลุ่มมัดย้อมสีธรรมชาติ ที่ตั้ง: บ้านคีรีวง อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช โทร: 08-6946-7786ปั่นจักรยานกันจนเหนื่อยมาเติมพลังด้วยของหวานกันที่ "ร้านบ้านนายทั่ง ณ คีรีวง" คาเฟ่น่ารักๆ พาย้อนวัยไปด้วยของเล่นสมัยก่อนที่ตกแต่งอยู่ทั่วร้าน"หนมชั้น" เมนูน่ารักสุดครีเอท เสิร์ฟขนมปังสังขยามาในปิ่นโตเป็นชั้นๆ "ชาหลงรัก""รักเธอนะคีรีวง"บ้านนายทั่ง ณ คีรีวง ที่ตั้ง: บ้านคีรีวง อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช โทร: 08-1866-3894
ล่องเล สปาโคลน ชิมซีฟู้ดกลางอ่าว
โดดขึ้นเรือตามเปรี้ยวปากไปเที่ยวแบบใกล้ชิดธรรมชาติ สัมผัสวิถีชีวิตชาวบ้านชุมชนบ้านแหลม อ.ท่าศาลา กิจกรรมวันนี้มีทั้งล่องเรือ จิบกาแฟ ชิมอาหารท้องถิ่นบนเรือ ต่อด้วยปิ้งย่างซีฟู้ดสดๆกลางทะเล และห้ามพลาดกับ สปาโคลน กลางทะเล จากธรรมชาติ ทำแล้วผิวเนียน เด้งดึ๋งล่องเรือชมธรรมชาติ จิบกาแฟ ทานอาหารเช้าแบบท้องถิ่นบนเรืออย่าง "ข้าวมันแกงห่อใบตอง" ล้างปากด้วยของหวาน "ข้าวเหนียวหน้ากุ้ง" ไปจับซีฟู้ดกลางทะเลแล้วย่างกินกันสดๆบนเรือ ด้วยความสด เนื้อจะเด้ง หวาน อร่อย ยิ่งกินกับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเด็ด รับรองว่าแซ่บแวะเก็บ "ใบโกงกาง" จะเอาไปลวกกะทิหรือชุบแป้งทอดก็อร่อยและแล้วก็มาถึงไฮไลท์เด็ด "สปาโคลนบำรุงผิวจากธรรมชาติ" โคลนเนื้อนิ่มละเอียด ช่วยผลัดเซลล์ผิวหนังกำพร้าให้ผิวเนียนนุ่ม ถือเป็นการบำบัดจากธรรมชาติ
ชุมชนบ้านแหลม ที่เดียวจบครบ ช้อป ชิม ชิล
ตามเปรี้ยวปากมาสัมผัสวิถีชีวิตชาวบ้าน "ชุมชนบ้านแหลม" ชุมชนเล็กๆทางภาคใต้ที่มีวิถีชีวิตเรียบง่ายแต่ซ่อนอะไรไว้มากมาย ปั่นจักรยานเที่ยวชมรอบชุมชนและเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆกับชาวบ้านทำให้เราได้ซึมซับวิถีชีวิตอันเรียบง่ายไม่ซับซ้อนและมีเอกลักษณ์ปั่นจักรยานชิวๆรอบหมู่บ้านแล้วแวะกิน "ขนมปะดา" ขนมพื้นเมืองภาคใต้ รูปร่างคล้ายโดนัท รสชาติหวานๆเผ็ดๆ นิยมทานคู่กับกาแฟชิมขนมพื้นเมืองไปแล้วต้องต่อด้วย "น้ำมัลเบอร์รี่ปั่น" เพื่อเพิ่มความสดชื่น รสชาติหวานอมเปรี้ยว ยิ่งดื่มตอนอากาศร้อนๆ รับรองสดชื่นปั่นจักรยานต่อมาอีกสักหน่อย มาแวะซื้อเครื่องแกงจากฝีมือชาวบ้านทั้งเครื่องแกงส้มใต้, เครื่องแกงกะทิ และอีกหลากหลายเครื่องแกง ผลิตภัณฑ์จากกลุ่มพริกแกงมุสลิมะฮ์ ที่ตั้ง: ชุมชนบ้านแหลม อ.ท่าศาลา โทร: 08-9594-0688มาลองทำ "แกงส้มปลากระบอกยอดมะพร้าวใส่มะม่วงเบา" จากเครื่องแกงของกลุ่มพริกแกงมุสลิมะฮ์ แวะพักทานอาหารพื้นเมืองและซีฟู้ดสดๆกัน ด้วยความสดใหม่ของซีฟู้ด เนื้อจะแน่น หวาน อร่อย จิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ดสักนิด แซ่บแน่นอน"ใบโกงกางชุบแป้งทอด""ผัดสะตอใส่กุ้ง""แกงส้มปลากระบอกยอดมะพร้าวใส่มะม่วงเบา"อิ่มท้องเรียบร้อยมาซื้อผลิตภัณฑ์จากฝีมือชาวบ้านกันต่อ เริ่มด้วยชาวบ้านจากกลุ่มผลิตภัณฑ์หางอวนที่ใช้ทักษะการสานอวนมาทำเป็นหมวก กระเป๋า เพื่อสร้างรายได้ และยังมีเสื้อผ้า สบู่โคลน ให้ช้อปอีกมากมาย ผลิตภัณฑ์จากกลุ่ม ผลิตภัณฑ์หางอวน ที่ตั้ง: ชุมชนบ้านแหลม อ.ท่าศาลา โทร: 08-6593-5157
Columbo Craft Village หมู่บ้านอาร์ตๆของคนฮิปๆ
"Columbo Craft Village" หมู่บ้านเล็กๆสำหรับคนรักงานศิลปะที่รวบรวมงานศิลปะไว้หลากหลายให้ได้ช้อป ชม ชิลกันจนอิ่มหนำ เห็นบรรยากาศในหมู่บ้านแล้วก็อดใจยกกล้องถ่ายรูปขึ้นมาถ่ายภาพเก็บไว้สักหน่อยไม่ได้ ภายในหมู่บ้านมีทั้งคาเฟ่ ร้านอาหาร ร้านขายของแฮนด์เมด เวิร์คชอปงานไม้ สตูดิโอของศิลปินทำงานผ้า รับรองว่างานนี้คนที่หลงใหลในงานศิลปะจะต้องฟินกันอย่างแน่นอน "Woodhaus" มาลองเวิร์คชอปงานไม้หรือจะเดินเลือกซื้องานไม้และผ้าปักลายน่ารักๆได้ที่นี่เลย"Clay - More Studio" ใครที่หลงใหลในงานเซรามิกต้องมาโดนที่ร้านนี้เลย"num - gun de" (นำกันเด๊ะ) ร้านงานผ้าสีสันสดใส ทั้งกระเป๋าผ้า หมวก สายคล้องกล้อง"DO homemade" ร้านกาแฟที่ใช้เครื่องชงแบบทำมือ รสชาติเป็นเอกลักษณ์"SUN" เมนูซิกเนเจอร์ของทางร้าน"ชาเขียวโฮจิฉะเย็น""1309 Handcraft Cuisine" ร้านหน้าตาคล้ายบ้านเรือนกระจกใช้โครงสร้างเป็นเหล็กที่มีเมนูเด็ดชวนลองอย่าง "สเต๊ก" แนะนำให้มากันตอนเย็นมานั่งสังสรรค์ ฟังดนตรีเพลินๆ
ร่วมสัมผัสวิถีชีวิตชาวผู้ไทย หมู่บ้านวัฒนธรรมผู้ไทยบ้านโคกโก่ง
เดินทางไปสัมผัสวิถีชีวิตชาวผู้ไทยที่ "หมู่บ้านวัฒนธรรมผู้ไทยบ้านโคกโก่ง จ.กาฬสินธุ์" เข้าร่วมประเพณีและกิจกรรมอันหลากหลายกับชาวบ้านทั้งนั่งรถอีแต๊กชมท้องทุ่งนา , เข้าร่วมประเพณีบายศรีสู่ขวัญ , ชมการแสดงพื้นบ้านจากกลุ่มเยาวชน , เรียนรู้วิถีชีวิตผ่านกิจกรรมภายในหมู่บ้าน แล้วทุกคนจะหลงรักวิถีชีวิตชาวบ้านโคกโก่งเริ่มต้นด้วยกิจกรรมเรียกขวัญกำลังใจของผู้มาเยือน ผ่านประเพณีบายศรีสู่ขวัญโดยผู้เฒ่าประจำหมู่บ้านมาถึง "หมู่บ้านวัฒนธรรมผู้ไทยโคกโก่ง" ทั้งทีต้องมาลองแต่งชุดของชาวผู้ไทยที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว นุ่งผ้าซิ่น ผ้าแดงโผกหัว ห่มสไบเฉียง จากฝีมือกลุ่มเย็บจักรปักมือก่อนจะเริ่มไปทำอาหารต้องมาหาวัตถุดิบกันก่อน เริ่มจากแหย่ไข่มดแดง และ จับปูนา ด้วยตัวเองมาขอเป็นลูกมือทำอาหารท้องถิ่นกับพ่อๆแม่ๆชาวผู้ไทยโดยใช้วัตถุดิบที่หามาได้เปิบกับข้าวเหนียว รับรองแซ่บหลาย"แกงไก่ใส่หวาย" "ก้อยไข่มดส้ม""แกงผักหวานใส่ไข่มดส้ม" "ป่นกะปู๋"
กาแฟบ้านไทลื้อ จิบกาแฟกลางทุ่งนา@ปัว
มาถึงอ.ปัว จ.น่าน ก็ขอมาแวะจิบกาแฟหอมๆ ท่ามกลางทุ่งนาในบรรยากาศสไตล์ไทลื้อที่ "ร้านกาแฟบ้านไทลื้อ" ของร้านลำดวนผ้าทอ ยิ่งมาช่วงหน้าฝนแบบนี้จะมีหมอก และทุ่งนาสีเขียวขจีเป็นวิวสุดอลังการให้ได้ถ่ายรูปกันแบบเต็มอิ่ม ร้านกาแฟแห่งนี้เป็นร้านกาแฟของร้านลำดวนผ้าทอ ร้านขายของที่ระลึกและผ้าทอไทลื้อ ชื่อดังแห่งปัว แวะมาช้อปของพื้นเมือง และเสื้อผ้าแบบชาวไทลื้อได้ในราคาย่อมเยาว์นอกจากวิวสวยๆแล้วที่ร้านยังมีมุมถ่ายรูปเก๋ๆอีกหลายจุด อย่างเช่น สะพานไม้ที่ตกแต่งด้วยผ้าซินไทลื้อยาวตลอดสะพาน อีกหนึ่งทีเด็ดของที่ร้านคือกาแฟสดที่ใช้เมล็ดกาแฟสดจากดอยสวนยาหลวง มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เป็นของดีจังหวัดน่าน อยากให้ทุกคนได้มาลองชิมกันสักแก้ว ได้กาแฟกันมาคนละแก้วแล้วก็มาหามุมนั่งดื่มกาแฟกัน ที่ร้านมีทั้งเป็นกระท่อมมุงด้วยหลังคาจาก ตั้งอยู่ริมนาข้าว และมีทางเดินไม้ทอดยาวเชื่อมต่อกันหมด มานั่งรับลมเย็นๆ จิบกาแฟแล้วถ่ายรูปเก๋ๆกันมาถึงปัวแล้วอย่าลืมมาแวะเช็คอินสัมผัสบรรยากาศดีๆ นั่งจิบกาแฟ ชมวิวกลางทุ่งนา แบบฟินๆในสไตล์ไทลื้อได้ที่ "ร้านกาแฟบ้านไทลื้อ"
่ครึ่งวันทริป ตลาดน้อย ร้อยกว่ารูป
วันนี้แอดเจน กับแอดนุ่ม ชวนกันมาหามุมถ่ายรูปที่ #ตลาดน้อย งานนี้สองสาวเค้า Acting กันไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่ เลยได้มาเบาๆ 4 - 500 รูป แต่แอดจ้อยขอคัดมาเฉพาะอันที่พอดูได้ให้ชมแล้วกันนะคะ นัดนี้แก๊งเราเดินทางมาด้วย MRT ลงที่สถานีหัวลำโพง แล้วต่อรถมาที่ตลาดน้อยเลยจ้า 10.00 น. เวลากำลังดีกับการนัดกันของทริปนี้ ทุกคนมาพร้อมรวมตัวกับที่โฮสเทลเล็กๆ ตรงหน้าปากซอยเจริญกรุง 22 วันนี้ถือว่าแดดดีทีเดียว มีครึ้มบ้างแต่ใจสู้ซะอย่าง ลุยค่ะ! เราเริ่มลั่น Shutter กันตั้งแต่หน้าปากซอย ที่ตลาดน้อยจะเป็นตึกแถวแบบโบราณ เหมือนที่เราเคยดูในละครพีเรียท เดินผ่านมาเห็นประตูบ้านสีวินเทจแบบนี้ เลยต้องขอถ่ายเก็บไว้หน่อยค่ะ 10.10 น. เดินเข้ามาอีกหน่อย ก็เจอกับร้านกะหรี่ปั๊บเจ้าดัง “คุณปุ๊กะหรี่ปั๊บ” ที่ใจดีหอบกระหรี่ปั๊บให้ทีมงานมา 1 กล่องใหญ่ และขนมเทียนอีกคนละ 2 ชิ้นให้ลองชิมกัน - แอดบอกแบบไม่อวยเลยว่า กะหรี่ปั๊บเค้าดีจริงๆ กรอบนอก อร่อยไส้ ไม่อมน้ำมัน ทานได้เรื่อยๆ -10.30 น. พวกเราโอ้เอ้ เดินถ่ายรูปกันไปเรื่อยๆ จะสุดซอยเจริญกรุง 22 (ก็จะเป็นซอยวานิช 2) ถ้าเราเลี้ยวขวา ก็จะเจอกับภาพวาดมุมฮิตอีกมุมที่ใครมาก็ต้องถ่ายรูปกัน แต่ถ้าเลี้ยวซ้าย ก็จะเจอกับ ร้านเป็ดตุ๋นเจ้าท่า ร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ดตุ๋นร้านฮิตที่ใครมาต้องแวะกินจุดหมายของเราคือฝั่งตรงข้ามกับร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ด จะเป็นทางเข้าของ “ศาลเจ้าฮ้อนหว่องกุง” หรือ “ศาลเจ้าโรงเกือก” ค่ะ จุดนี้คืออีกจุดพีคของที่นี่ ที่เราจะได้ถ่ายรูปแบบฮิพๆ กับภาพวาด Street Art ที่สะท้อนความเป็นตลาดน้อย เป็นทางยาวเกือบถึงทางเข้าศาลเจ้าเลยที่อยู่สุดซอยเลยทีเดียว - กว่าจะถึงวัด ....-10.50 น. หลังจากไหว้ขอพร เทพเจ้าในศาลเจ้าแล้ว ก็ขอเก็บภาพบรรยากาศหน่อย เพราะศาลเจ้าที่นี่ อยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา บรรยากาศดีมาก11.10 น. ออกมาจากศาลเจ้า เดินตรงตามทางเลี้ยวลัดต่ออีกหน่อย จะเจอกับ “บ้านโซวเฮงไถ่” คฤหาสน์เก๋งจีนโบราณ ที่มีสระน้ำโดดเด่นอยู่กลางบ้าน เป็นอีกหนึ่งจุดที่ใครๆ ก็ต้องมา เข้าไปอย่าลืมอุดหนุนเครื่องดื่มอย่างน้อยคนละ 1 แก้วนะคะ บอกเลยว่าเครื่องดื่มที่นี่ เติมความสดชื่นได้ดีจริงๆ แถมยังได้พักถ่ายรูปในนี้ได้อีกเป็นร้อย โดยเฉพาะมุมสระน้ำนี่แหละค่ะ12.00 น. เที่ยงตรงเป๊ะ แอดเจนต้องทานข้าวให้ตรงเวลา พวกเราเลยได้ทานเป็ดตุ๋นเจ้าท่าคนละชามสองชาม ก่อนที่จะขึ้นเรือที่ #ท่าเรือกรมเจ้าท่า แยกย้ายกัน แล้วเจอกันใหม่ทริปหน้าน๊า! คุณปุ๊ กะหรี่ปั๊บ ณ ตลาดน้อย ชิ้นละ 8 บาท มี 6 ไส้ด้วยกัน คือ ไส้ไก่ , เผือก , ถั่วหวาน , ถั่วเค็ม , สับปะรด , มะพร้าว โทร 0 2237 5425 , 08 0602 2055 #บ้านโซวเฮงไถ่ คฤหาสน์เก๋งจีนโบราณ เปิดอังคาร – วันอาทิตย์ เวลา 09.00 – 18.00 น. (ปิดวันจันทร์)
ตื่นตาไปกับประวัติอันยาวนานของภาพยนตร์ที่หอภาพยนตร์
หอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) ที่ศาลายา เป็นแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย ที่เก็บรักษาดูแลสิ่งของที่เกี่ยวกับฟิล์มภาพยนตร์ไทยเก่าๆตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ภายในหอภาพยนตร์มีจัดแสดงเมืองจำลอง ชื่อว่า "เมืองมายา" เป็นนิทรรศการกลางแจ้งที่รวมสถานที่สำคัญในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ไทยและโลกเอาไว้ ทั้งมงคลบริษัท สถานีรถไฟศินิมา ร้านถ้ำมอง คิเนโตสโคป กร็องด์ คาเฟ่ เป็นต้น"มงคลบริษัท" อาคารไม้สีแดง เป็นที่ติดต่อสอบถามข้อมูล ลงทะเบียนเข้าเยี่ยมชมสถานที่ และ ขายสินค้าที่ระลึก จำลองอุปกรณ์การถ่ายหนัง"โรงถ่ายภาพยนตร์เสียงศรีกรุง" อาคารสีเหลืองขนาดใหญ่ ด้านหน้ามีรูปหล่อจำลอง พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าทองแถมถวัลยวงศ์ กรมหลวงสรรพสาตรศุภกิจ หรือ พระบิดาแห่งภาพยนต์สยาม โรงถ่ายภาพยนตร์เสียงกรุงศรีเป็นกิจการแห่งเดียวที่สร้าง "หนังพูด" อัดเสียงลงฟิล์มขณะถ่ายทำพร้อมกัน ของ มานิต วสุวัต เจ้าของโรงถ่ายภาพยนตร์มาตรฐานสากลแห่งแรกของไทย ซึ่งได้ฉายา "ฮอลลีวู้ดเมืองไทย""สถานีรถไฟศินิม่า" เป็นการจำลองความเกี่ยวข้องของภาพยนตร์ไทยกับการรถไฟในอดีต ด้วยหัวจักรไอน้ำ โมกุล ซี 56 หมายเลข 738 ซึ่งเป็นหนึ่งใน หัวรถไฟที่ผลิตจากญี่ปุ่น เพื่อนำมาใช้ในสมัยสงครามโลกในไทยเวลาเปิด-ปิดโซนเมืองมายา โซนเมืองมายา และพิพิธภัณฑ์ภาพยนตร์ไทย เปิดให้บริการในวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่ 10.00-17.00 น. อีกจุดน่าสนใจคือ "โรงหนังตู้" หรือ "หนังถ้ำมอง" หนังสั้นที่ในอดีตได้รับความนิยมจนต้องต่อคิวดู และยังเป็นต้นแบบของภาพยนตร์ในโลกอีกด้วยเวลาเปิด-ปิดโซนต่างๆของหอภาพยนตร์ห้องสมุด วันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 09.00-17.00 น. พิพิธภัณฑ์ วันเสาร์ - อาทิตย์ และ วันหยุดนักขัตฤกษ์ วันละ 3 รอบ เวลา 10.00 น. 13.00 น. และ 15.00 น. โรงภาพยนตร์ วันจันทร์ - ศุกร์เวลา 17.30 น. วันเสาร์ - อาทิตย์ เวลา 13.00 น. 15.00 น. และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 13.00 น.
"จัยปูร์" หรือ "ชัยปุระ" ตั้งอยู่แคว้นราชาสถาน ทิศตะวันตกของประเทศอินเดียซึ่งที่มาของมหานครสีชมพูก็เพราะสมัยที่มหาราชรามซิงห์ (Ram Singh) ทรงสั่งให้ทาสีทั้งเมืองให้เป็นสีชมพู เพื่อเป็นการต้อนรับด้วยไมตรีจิตแก่มกุฎราชกุมารจากอังกฤษใน ค.ศ. 1876 โซนเมืองเก่าชัยปุระมองไปทางไหนอาคารบ้านเรือนก็เป็นสีชมพู สวยงามอลังการมาก เตรียมเสื้อผ้าสีสันมาสะบัดให้พร้อม สายถ่ายรูปกดชัตเตอร์กันรัวๆเลยข้อมูลการเดินทาง เวลาที่อินเดียช้ากว่าไทย 1.30 ชม. ค่าเงินอินเดีย 2.15 รูปี เท่ากับ 1 บาท แนะนำว่าแลกเงินรูปีไว้สำหรับใช้ซื้อของกินของฝากและจ่ายค่าทิป แต่ถ้าเป็นร้านค้าใหญ่ๆสามารถใช้บัตรเครดิตได้ปล.อินเดียทิปทุกที่เมนูท้องถิ่น: โรตีแป้งนานกับติกก้าชิกเก้น(ไก่ย่างหมักเครื่องเทศรสชาติเผ็ดนิดๆ ทานคู่กับโรตีร้อนๆ อร่อยมาก) ของฝากน่าซื้อ: สาหรี, กระเป๋าผ้าสไตล์อินเดีย(ใบละ 35 บาท)ปล.ซื้อของที่อินเดียต่อราคาให้ได้มากกว่าครึ่งเมืองชัยปุระถือเป็นเมืองท่องเที่ยวของอินเดียที่ค่อนข้างเจริญจึงทำให้เมืองนี้เที่ยวง่าย ดูปลอดภัย"พระราชวัง City Palace" พระราชวังอันดับที่ 2 ของเมืองชัยปุระ เป็นสถาปัตยกรรมแบบผสมระหว่างราชปุตกับโมกุล ปัจจุบันยังเป็นที่พำนักของราชวงศ์และเปิดบางส่วนให้ได้เข้าชม เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 9.30 - 17.30 น. ค่าเข้าชม 500 รูปี หรือประมาณ 250 บาท"Pitam Niwas Chowk" เป็นที่ตั้งของประตู 4 ฤดูกาล เรียกว่าเป็นมุมที่ใครๆก็ต้องมาถ่ายรูปเพราะความวิจิตรของลวดลายบนซุ้มประตู ประตูดอกกุหลาบ ตัวแทนของฤดูหนาว ประตูดอกบัว ตัวแทนของฤดูร้อน ประตูสีเขียว ตัวแทนของฤดูใบไม้ผลิ ประตูนกยูง ตัวแทนของฤดูฝน"Chandra Mahal" ห้องพิเศษ 3 ห้องภายใน City Palace มีค่าเข้าชม 2,400 รูปี ซึ่งในอดีตเป็นสถานที่พักและรับรองแขกที่มาเยือนพระราชวัง "ห้องรับแขกและจิบชา" เป็นหนึ่งห้องไฮไลท์ซึ่งในอดีตจะใช้รับรองแขกที่มาเยือนพระราชวัง"Blue Room" ในอดีตเป็นห้องสำหรับพักพระวรกายของราชวงศ์ด้วยการโล้ชิงช้า เป็นอีกหนึ่งห้องไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาด"ห้องบรรทม" ผนังและเพดานห้องประดับไปด้วยกระจก ไฮไลท์ของห้องคือ เมื่อปิดไฟแล้วจุดเทียนจะเห็นถึงความงดงามของผนังและเพดานที่สะท้อนกับแสงเทียนอย่างงดงาม เหมือนอยู่ท่ามกลางดวงดาวอีกจุดห้ามพลาดคือมาสักการะพระพิฆเนศ เทพแห่งความสำเร็จที่ "Moti Dungri Ganesh Temple" วัดพระพิฆเนศ เป็นวัดเก่าแก่อันศักดิ์สิทธิ์สร้างขึ้นปี ค.ศ. 1781 ตั้งอยู่เชิงเขา Moti Dungri บริเวณวัดจะมีร้านค้าจำหน่ายเครื่องสักการะ เช่น ขนมลาดู ดอกดาวเรืองเมื่อนำไปถวายเสร็จเราจะได้รับเครื่องสักการะบางส่วนกลับมาเพื่อความเป็นสิริมงคล วัดพระพิฆเนศ เปิดให้เข้าสักการะตั้งแต่เวลา 05.00 - 22.00 น. และจะมีเวลาพักในช่วง 12.00 - 15.00 น. และทุกวันพุธจะมีการทำพิธีใหญ่ตั้งแต่เวลา 04.00 - 22.00 น. จีงแนะนำให้หลีกเลี่ยงการมาในวันพุธ"Hawa Mahal Rd." เป็นถนนย่านเมืองเก่าที่สองข้างทางเรียงรายไปด้วยร้านอาหารของฝากงานฝีมือ ผ้าสาหรี และเครื่องประดับ และตลอดข้างทางจะมีอาหารแนวสตรีทฟู้ด ลองทานไอศกรีมนม "Pandit Kulfi" เป็นร้านยอดฮิตมีสาขาอยู่ทั่วเมืองชัยปุระ รสชาติละมุน เย็นชื่นใจ เปิดตั้งแต่เวลา 10.00 - 17.00 น."Hawa Mahal" พระราชวังแห่งสายลม อยู่บนถนน Hawa Mahal Road สถาปัตยกรรมที่ได้รับแรงบันดาลใจจากมงกุฎพระนารายณ์บนถนน Hawa Mahal Road มีถ่ายรูปวินเทจแบบกล้องโบราณด้วยสายคาเฟ่และสายถ่ายรูปห้ามพลาดร้านนี้ด้วยประการทั้งปวง! "Caffe Palladio" คาเฟ่สไตล์อิตาเลียนผสมอาหรับที่เมนูอาหารผสมผสานวัตถุดิบท้องถิ่นลงไปได้อย่างลงตัว และภายในร้านยังมีมุมของฝากที่เป็นผลิตภัณฑ์ของร้าน เช่น เทียนหอม งานฝีมือ และเป็นมุมถ่ายรูปยอดฮิตที่ไม่ควรพลาด วันจันทร์-วันเสาร์ เปิดตั้งแต่เวลา 12.30 - 22.30 น. วันอาทิตย์ เปิดตั้งแต่เวลา 10.30 - 22.30 น. (หยุดทุกวันอังคาร)เมนูเด็ด Cheese Pide Pomegranate Tabbouleh สลัดเลบานิสใส่ทับทิม Pasta alla Norma สปาเก็ตตี้สไตล์อิตาเลียน โรยหน้าด้วยมะเขือม่วงอบกรอบ ชีส และมะเขือเทศ Seftali Kebab เคบับเนื้อแกะ Ricotta Cannoliอีกจุดเช็คอินห้ามพลาด! "Jawahar Circle" ประตูเมืองสู่ชัยปุระสีชมพูสุดตระการตา ตั้งอยู่ที่วงเวียน Jawahar เป็นประตูเมืองลำดับที่ 9 ของชัยปุระ สีสันสะดุดตาด้วยภาพเขียนสีบนผนังแสดงเรื่องราวในประวัติศาสตร์ของชัยปุระ Jawahar Circle เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมทุกวัน ไม่เสียค่าใช้จ่าย ช่วงเช้าและช่วงเย็น แสงจะสวยที่สุดเหมาะแก่การมาถ่ายรูป
นมัสเต ยินดีต้อนรับเข้าสู่ "จัยปูร์" ภารตะในฝันของเหล่านักท่องเที่ยว จัยปูร์ หรือ ชัยปุระ ตั้งอยู่แคว้นราชาสถาน ทิศตะวันตกของประเทศอินเดียเวลาที่อินเดียช้ากว่าไทย 1.30 ชม. ค่าเงินอินเดีย 2.15 รูปี เท่ากับ 1 บาท แนะนำว่าแลกเงินรูปีไว้สำหรับใช้ซื้อของกินของฝากและจ่ายค่าทิป แต่ถ้าเป็นร้านค้าใหญ่ๆสามารถใช้บัตรเครดิตได้ เมนูท้องถิ่น: โรตีแป้งนานกับติกก้าชิกเก้น(ไก่ย่างหมักเครื่องเทศรสชาติเผ็ดนิดๆ ทานคู่กับโรตีร้อนๆ อร่อยมาก) ของฝากน่าซื้อ: สาหรี, กระเป๋าผ้าสไตล์อินเดีย(ใบละ 35 บาท)ปล.ซื้อของที่อินเดียต่อราคาให้ได้มากกว่าครึ่ง ชัยปุระมหานครสีชมพูเป็นเมืองที่เที่ยวง่าย สายถ่ายรูปคงเพลินกับสถาปัตยกรรมสีชมพูที่มีให้เห็นอยู่ในโซนเมืองเก่า ส่วนอาหารการกินมีให้ลองทานตั้งแต่สตรีทฟู้ดจนถึงคาเฟ่เก๋ๆ อยู่ในราคาที่สามารถจับต้องได้ ลองชิมมาให้แล้วอาหารอินเดียทานง่าย เครื่องเทศไม่แรงจนเกินไป หากมีโอกาสควรลิ้มลองสักครั้งเปรี้ยวปากจะพานั่งรถจิ๊บขึ้นเขาไปชมความยิ่งใหญ่ของป้อมปราการ Amber Fort พร้อมชมสถาปัตยกรรมสมัยราชปุตที่มีให้เห็นอยู่ทั่วเมืองชัยปุระที่ซ่อนอยู่ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆรอบเมืองชัยปุระ เสน่ห์อีกหนึ่งอย่างของที่นี่ บนความวุ่นวายก็มีอะไรให้เราได้ตื่นตา เช่น บนท้องถนนเราสามารถเห็นทั้งวัว อูฐ แพะ แกะ และงู ปะปนกับผู้คน รถยนต์บนท้องถนนเป็นภาพวิถีชีวิตที่กลมกลืน "Amber Fort" ป้อมปราการตั้งอยู่บนเทือกเขา "ชีลกาทีลา" ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1592 ป้อมปราการแห่งนี้มีชื่อเสียงทางด้านสถาปัตยกรรมซึ่งผสมผสานระหว่างศิลปะฮินดูและราชปุต ถือเป็นหนึ่งในป้อมที่สง่างามที่สุดของอินเดีย เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 8.00 - 17.30 น. สามารถเดินทางขึ้นไปด้วยการเดินเท้าหรือนั่งรถจิ๊บ มีค่าใช้จ่าย 300 รูปี หรือประมาณ 150 บาทบนเขาภายในป้อม Amber Fort มีจุดไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาด "Ganesh Pol หรือ ประตูพระคเณศ" ซุ้มประตูที่สำคัญของเมืองจัยปูร์ สร้างขึ้นเพื่อถวายองค์พระพิฆเนศ ด้านบนจะมีภาพเขียน องค์พระพิฆเนศ เป็นสัญลักษณ์สิริมงคลเมื่อประชาชนเดินลอดผ่านประตู มุมนี้ต้องขอแชะภาพเก็บไว้ประดับทริป "Sheesh Mahal" พระตำหนักของมหาราชาที่ประดับประดาเต็มไปด้วยกระจกเงาและกระจกสีเต็มเพดาน ลานด้านในสุดเป็นที่พักสำหรับเหล่าบรรดาสนมภายใน Amber Fort พิพิธภัณฑ์จัดแสดงงานศิลปะร่วมสมัยของอินเดียเอาไว้ด้วย เดินชมความสวยงามกันได้แบบเพลินๆระหว่างทางขึ้นเขา Amber Fort มีร้านค้าเรียงรายอยู่ตลอดสองข้างทาง มีทั้งส่าหรี ผ้าพื้นเมืองอินเดียด้านบนป้อม Amber Fort ยังมีร้านอาหารอินเดียชื่อ "1135 AD" ภายในร้านตกแต่งด้วยศิลปะราชปุต เน้นสีแดงและสีทอง ประดับไปด้วยเฟอร์นิเจอร์และเครื่องประดับราวกับอยู่ในพระราชวัง ที่สำคัญสูตรอาหารยังเป็นสูตรของราชวงศ์อินเดียที่สืบทอดกันมาเป็น 100 ปี! ตั้งอยู่บน Amber Fort เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 11.00 - 21.00 น.เมนูภายในคอร์ส Murg Sula ไก่ย่างสไตล์อินเดีย หอมเครื่องเทศ Dahi Kebab เมนูมังสวิรัติ ทำมาจากแป้งและเครื่องเทศต่างๆ Mutton Seekh Kebab เคบับเนื้อแกะ Pulao ข้าวผัดเนย ใช้ "ข้าวบาสมาติ" ในการผัดซึ่งเมล็ดจะมีลักษณะยาวกว่าข้าวของไทย Murge Musallam Laung Elaichi Gatta Curry Dal Punchmel ซุปถั่ว 5 อย่าง"Panna Meena Ka Kund" บ่อน้ำโบราณของเมืองจัยปูร์ที่มีขั้นบันไดให้ลงไปตักน้ำได้ โดยออกแบบทางเดินป้องกันการแซงแถว และมีจุดพักเป็นระยะซึ่งเป็นความมหัศจรรย์ของสถาปัตยกรรม แต่ในปัจจุบันบ่อน้ำไม่ได้เปิดใช้งานแล้ว แลนด์มาร์คนี้อย่าลืมเตรียมผ้าส่าหรีมาสะบัดให้เป็นสไตล์สาวอินเดีย เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมทุกวัน ไม่เสียค่าใช้จ่าย"Hawa Mahal หรือ พระราชวังแห่งสายลม" สีชมพูโดดเด่นตั้งอยู่ใจกลางเมืองบนถนน Hawa Mahal Road ถือเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของอินเดีย พระราชวังแห่งนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากมงกุฎพระนารายณ์ จุดเด่นคือมีหน้าต่างถึง 953 บาน! เป็นที่พำนักของเหล่าสนมของพระราชา ตรงข้าม Hawa Mahal จะเป็นที่ตั้งของร้าน Tattoo Cafe ซึ่งมีจุดชมวิวด้านบนมองเห็นพระราชวังแห่งสายลม ถ้าใครอยากได้รูปสวยๆต้องมาที่นี่ ในช่วงเช้าและช่วงเย็นแสงสวยงามเหมาะกับการถ่ายจบทริปกันไปแล้วกับทริปอินเดีย ทั้งความงดงามตระการตาของสถาปัตยกรรม และวิถีชีวิตของชาวอินเดียในจัยปูร์ คงทำให้เราชาวเปรี้ยวปากได้อิ่มเอมกัน แล้วเจอกันใหม่ทริปหน้านะจ้ะ
"ROMANTIC IN VIENNA" มหานครแห่งเสียงดนตรีและศิลปะ
ใกล้ช่วงสิ้นปีแบบนี้เปรี้ยวปากขอพาไปบุก "เวียนนา ประเทศออสเตรีย" ชมบรรยากาศสวยๆช่วงคริสต์มาสในยุโรป เวียนนาตั้งอยู่ตอนกลางของทวีปยุโรปตะวันออก ถือเป็น Destination สุดฮิตของเหล่าคู่รัก ยิ่งมาตอนช่วงอากาศหนาวๆแบบนี้โรแมนติกสุดๆ และยังเป็นเมืองที่สร้างแรงบันดาลใจให้เหล่าคีตกวีชื่อดังหลายท่าน เช่น โมสาร์ท, บีโธเฟนข้อมูลการเดินทาง เวลาช้ากว่าไทย 6 ชั่วโมง ฤดูหนาวมืดเร็วมาก หลัง 6 โมงแสงหมด ทำให้เวลาเที่ยวดูน้อยลง ค่าเงิน 0.38 เมนูท้องถิ่น: มาเวียนนาต้องกินไส้กรอกเวียนนา อร่อยมากกก และเราค้นผลว่าผลไม้อย่างสตรอเบอรี่,เบอร์รี่ ทั้งถูกมากและสดมาก ราคากล่องละ 60 บาท เอง การเดินทางเที่ยวในตัวเมืองเวียนนาง่ายๆ มีทั้งรถไฟใต้ดินและรถราง"พระราชวังเชินบรุนน์ (Schoenbrunn Palace)" พระราชวังฤดูร้อนของราชวงศ์ฮับบรูกส์ สวยงามและยิ่งใหญ่ ยูเนสโกยกให้เป็นมรดกโลก ในปี ค.ศ. 1996 พระราชวังแห่งนี้โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบรอคโคโค่ (Rococo) มีความหรูหรา อลังการ โดยเฉพาะตัวอาคารสีเหลืองทองอร่าม หรือที่ถูกเรียกกันว่าเป็นสีเหลืองของพระนางมาเรีย เทเรซ่า เพราะเป็นองค์สุดท้ายที่สร้างพระราชวังนี้จนสำเร็จ ภายพระราชวังกว้างขวางมา มีห้องถึง 1,441 ห้อง นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ประมาณ 40 ห้อง หากมาฤดูร้อนที่นี่จะสวยงามไปด้วยกุหลาบพันธุ์ไม้เลี้อยขนาดใหญ่บริเวณสวนหลังปราสาท"โบสถ์เซนต์สตีเฟน (St. Stephen's Cathedral)" อยู่ในบริเวณจัตุรัสสเตฟาน (Stephansplatz) ถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองเวียนนา และเป็นโบสถ์ที่สำคัญที่สุดของออสเตรีย สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงนักบุญเซนต์สตีเฟน สร้างตามสถาปัตยกรรมยุโรปแบบโกธิคภายในโบสถ์เซนต์สตีเฟน(St. Stephen's Cathedral) ตัวโบสถ์เป็นทรงสูงและหลังคาที่โค้งมนเข้าหากัน ส่วนกำแพงเป็นกระจกสีเพื่อแสงด้านนอกลอดเข้ามาได้จุดไฮไลท์ของโบสถ์คือ "หอคอยทางใต้ (South Tower)" ขึ้นบันไดไป 343 ขั้น มองลงมาจะเห็นวิวเมืองเวียนนาในมุมสูง สวยไปอีก!! (ค่าขึ้นชมหอคอย คนละ 5 ยูโร)มาเวียนนาก็ต้องไปช้อป ชิม ชิล ที่ "ถนนคนเดินคาร์ทเนอร์ (Kärntner Street)" ย่านจตุรัสสเตฟาน อยู่ไม่ไกลจากโบสถ์เซนต์สตีเฟ่น ถนนเส้นนี้ถือเป็นย่านการค้าใจกลางเมืองเต็มไปด้วยร้านค้าและคาเฟ่ชิคๆมากมาย ระหว่างทางเราก็จะได้เจอกับศิลปินอิสระที่มาแสดงดนตรี ยิ่งในช่วงเดือนธันวาคมแบบนี้ทั้งเมืองก็จะตกแต่งเพื่อต้อนรับเทศกาลคริสมาสต์ที่กำลังจะมาถึง ไปดูกันดีกว่าว่าถนนคนเดินคาร์ทเนอร์ เค้ามีอะไรเด็ดๆบ้างสายขนมหวานไม่ควรพลาดเมื่อมาที่ ถนนคาร์ทเนอร์ คือการมาทานเค้กช็อคโกแลตเก่าแก่อย่าง "Sacher Torte หรือ Chocolate Cake" ของ Hotel Sacher การันตีว่าทุกคนต้องมาทานด้วยแถวที่ยาวล้นออกมาถึงหน้าร้าน Hotel Sacher Wien ร้าน Cafe หน้าโรงแรม Hotel Sacher Wien ใกล้ๆกับโอเปร่า เฮ้าส์ บนถนนคาร์ทเนอร์ Sacher Torte หรือ Chocolate Cakeของฝากชื่อดังจากเวียนนา "ช็อคโกแลตรูปโมสาร์ทและพระยาซีซี่" ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์เวียนนา หาซื้อได้ทั่วไปตามร้านของฝากสารพัดชีสละลานตากว่า 300 ชนิด ที่ร้าน SHEESE & MORE นำเข้าจากฮอลแลนด์ ชีสพริก ชีสลาเวนเดอร์ จัดว่าเด็ดจากอพาร์ทเม้นกลายเป็นงานศิลปะเท่ๆ โดดเด่น Handertwasser House “อาคารฮุนเดอร์ตวาสเซอร์เฮ้าส์” ออกแบบโดย Friedensreich Hundertwasser ‘ศิลปะ’ ที่ไม่มีกฎเกณฑ์แต่โดดเด่นสะดุดตา แต่งแต้มสีสันฉูดฉาดบนอาคาร ปลูกต้นไม้ หญ้า คลุม เป็นมุมอาร์ตเท่ๆให้เหล่านักท่องเที่ยวดั้นด้นมาเช็คอินใครมายุโรปในช่วงเทศกาลคริสมาสต์แทบทุกเมืองก็จะมี Christmas Market แต่ที่ “Rathaus Christmas Market” เป็นงานที่ใหญ่ที่สุดในเวียนนา มากกว่า 200 ร้าน อากาศหนาวๆ กับกลิ่นอายแสงไฟทำให้เมืองนี้ดูมีชีวิตชีวา ใครที่กำลังเล็งของขวัญ ของตกแต่งบ้านในช่วงเทศกาลคริสต์มาส ปีใหม่รังรองว่าที่นี่คือแหล่งละลายทรัพย์ตัวจริง ของกุ๊กกิ๊ก น่ารักมากมีอาหารท้องถิ่นยอดนิยมอย่าง ไส้กรอกเวียนนา น้ำผลร้อนๆดื่มคลายหนาว และขนมปังท้องถิ่น ยิ่งค่ำยิ่งคึก คนแน่น ความสนุกสนาน แสงไฟ ประดับประดา โดยมีหลักฉากเป็นปราสาทศาลาว่าการขนาดใหญ่ งานนี้จะจัดขึ้นตั้งแต่ช่วงกลางเดือน พฤศจิกายน จนถึง 25 ธันวาคม หรือวันคริสมาสต์ นั่นเอง
"HALLSTATT Dream of Destination"
เปรี้ยวปากพาไปส่งท้ายปีกับเมืองริมทะเลสาบที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในโลก "HALLSTATT" ประเทศออสเตรีย เป็นหมู่บ้านเล็กๆริมทะเลสาบที่โอบล้อมด้วยภูเขา เป็น Destination ของคู่รักที่อยากมาสัมผัสเมืองนี้ รับรองไม่ว่าจะมุมไหนของเมืองก็ถ่ายรูปได้สวย ยิ่งมีหิมะโปรยปรายแบบนี้ความโรแมนติกมาเต็ม มาเที่ยว HALLSTATT แบบดื่มด่ำควรพักค้างคืนสัก 1 คืน ตื่นเช้ามาจะได้สัมผัสอากาศเย็นๆ พอสายๆก็เดินชิวเที่ยวรอบ Lake แวะช้อปปิ้งซื้อของฝาก และมีร้านอาหารเล็กๆหลายร้านให้ได้ลองชิม ที่สำคัญมุมถ่ายรูปน่ารักๆเยอะมากกข้อมูลการเดินทาง เวลาช้ากว่าไทย 6 ชั่วโมง ฤดูหนาวมืดเร็วมาก หลัง 6 โมงแสงหมด ทำให้เวลาเที่ยวดูน้อยลง ค่าเงิน 0.38 เมนูท้องถิ่น: HALLSTATT เป็นเมืองริมทะเลสาบ แน่นอนว่าเมนูท้องถิ่นต้องเป็น "ปลาเทราต์" จากทะเลสาบ การเดินทางจากตัวเมืองเวียนนามา HALLSTATT เดินทางโดยรถยนต์หรือรถบัสใช้เวลาประมาณ 3 ชม. หนึ่งในไฮไลท์ "จุดถ่ายรูป" ที่ต้องห้ามพลาด "จุดชมวิวท่าเรือ" อยู่ก่อนทางเข้าหมู่บ้าน มองเห็นบ้านริมทะเลสาบไล่ลำดับลงตามไหล่เขา ถ้าโชคดีก็จะมีหงส์โฉบมาทักทาย"HALLSTATT" หมู่บ้านเล็กๆที่มีเสน่ห์ในตัวเอง ถนนเลียบทะเลสาบ และสีสันอันสดใสของบ้านเรือนภายในหมู่บ้านที่ไล่ลำดับตามไหล่เขา สวยงามจนได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1997"มุมมหาชน" หรือ "มุมโปสการ์ด" ของจริงทีมงานบอกว่าสวยจนลืมหยุดหายใจ โลเคชั่นนี้อยู่ท้ายหมู่บ้าน มาถึงที่นี่ยังไงต้องมีภาพมุมนี้นางงามประจำหมู่บ้าน หงส์สีขาว เห็นนักท่องเที่ยวแล้วชอบว่ายมาทักทายแบบไม่ตื่นกล้องเลยทีเดียว"Hallstatt Central Square" ย่านใจกลางเมืองล้อมรอบไปด้วยร้านอาหาร คาเฟ่ และโบสถ์สัญลักษณ์ของเมือง เริ่มเดินชมความสวยงามแบบคิ้วท์ๆของบ้านเรือน มองไปทางไหนก็สีสันสดใสถ่ายรูปได้ทุกมุมจริงๆในอดีต Hallstatt ถือเป็นเมืองที่ร่ำรวยมากจากเหมืองเกลือ ดังนั้นของฝากแน่นอนว่าต้องเป็นผลิตภัณฑ์จากเกลือ เปรี้ยวปากเลยพามาที่ร้าน "Das Salzkontor" มีผลิตภัณฑ์มากมายทั้งเกลือขัดผิว ,โลชั่น ,สเปรย์น้ำเกลือฉีดจมูก ,เกลือที่ใช้สำหรับปรุงอาหาร และผลิตภัณฑ์จากเกลืออีกมากมาย แค่เดินเข้าไปก็เพลินและร้านนี้จัดของได้น่าช้อปมาก Das Salzkontor See Street 116, Hallstattช้อปปิ้งกันจนเหนื่อยมาพักจิบช็อกโกแลตร้อนๆท่ามกลางหิมะกันที่ "Maislinger" ร้านเบเกอรี่โฮมเมดเล็กๆ อยู่ปากทางเข้าหมู่บ้าน Maislinger See Street 156, Hallstatt"Atelier Jirasek" ร้านของฝากสไตล์แฮนด์เมด ทำของตามเทศกาล ยิ่งมาในช่วงเทศกาลอย่างคริสต์มาส หรือปีใหม่ จะมีของน่ารักคิ้วท์ๆจนอดใจไม่ไหวต้องช้อปติดมือกลับบ้าน Atelier Jirasek See Street 153, Hallstattถ้าอยากหาโปสการ์ดสักใบหรือแม็กเน็ตเป็นของฝากต้องที่ "ร้าน Kunsthandwerk" และมีงานฝีมือแฮนด์เมด เช่น จานเพ้นท์, งานไม้ และงานแกะสลัก Kunsthandwerk See Street 163, Hallstattที่พักแนะนำ "Seehotel Gruner Baum" โรงแรม Top 3 ใน Hallstatt อยู่ใจกลาง Hallstatt Central Square ตึกสีเหลืองโดดเด่นและมีชื่อเสียงเรื่องห้องพักที่สามารถมองเห็นวิวทะเลสาบได้สวยมากๆอีกแห่งของ HALLSTATTที่โรงแรมแห่งนี้ยังมีชื่อเสียงเรื่องเมนูอาหารท้องถิ่น มาแล้วต้องชวนคนพิเศษมาดินเนอร์ใต้แสงเทียน ทานเมนูปลาที่ผสมผสานอาหารท้องถิ่นในสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน ห้องอาหาร Seehotel Gruner Baum Marktplatz, Hallstattเมนูเด็ด "REINANKE IM GANZEN GEGRILLT" ปลา REINANKE หรือ ปลาขาว "SAIBLING IM GANZEN GEGRILLT" ปลาเทราต์
ICONSIAM แลนด์มาร์คแห่งใหม่สุดอลังการ!
New Destination แห่งใหม่สุดอลังการที่ทั้งฮอตและร้อนแรงแบบที่ใครไม่มาเช็คอินถือว่าพลาดกับ ICONSIAM แลนด์มาร์คแห่งใหม่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ไม่ว่าจะมาเดินช้อปปิ้ง ชมนิทรรศการ หรือหาร้านอร่อยๆทานก็เดินกันได้ทั้งวันแบบไม่มีเบื่อ และที่สำคัญรับรองว่าถ่ายรูปสวยทุกมุมแน่นอนมาเริ่มกันด้วยบริเวณหน้าห้างริมน้ำที่เป็นจุดชมวิวริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่สวยสุดๆ ถือเป็นจุดที่หลายๆคนต้องแวะถ่ายรูปเช็คอินกันก่อนเข้าห้างและบริเวณริมน้ำยังมี "พิพิธภัณฑ์ลอยน้ำแห่งแรกของไทย" หรือ "เรือศรีมหาสมุทร" เทียบท่าอยู่หน้า ICONSIAM อีกด้วย ภายในพิพิธภัณฑ์จะบอกเล่าพระราชประวัติของสมเด็จพระเจ้าตากสินเพื่อร่วมเฉลิมฉลองวาระ 250 ปี แห่งการสถาปนากรุงธนบุรีภายใน ICONSIAM แบ่งออกเป็นโซนต่างๆให้เลือกสรร เริ่มด้วย "โซนTheVeranda" ชั้น G ICONSIAM โซนที่รวมหลากร้านอาหารน่าสนใจมากมาย"ร้านจัมโบ้ ซีฟู้ดส์" ชื่อดังระดับตำนานเปิดมากกว่า 31 ปีแล้ว มีถึง 15 สาขาทั่วเอเชีย และที่ ICONSIAM เป็นสาขาน้องใหม่ล่าสุดส่งตรงมาให้ทุกคนได้ลิ้มลองแบบไม่ต้องไปต่อแถวยาวเหยียดถึงสิงคโปร์ ที่สำคัญน้ำจิ้มรสเด็ดในตำนาน Import มาจากสิงคโปร์ครบทั้ง 12 สูตรอีกด้วยร้าน Jumbo Seafood ชั้น G , Zone ICONLUXE เปิดทุกวันตั้งแต่ 10:00 - 22:00 น. โทร. 099-110-5888 "AWARD-WINNING CHILLI CRAB" เมนูซิกเนเจอร์ ปูยักษ์ใหญ่อลังการ ส่งตรงจากเคนยา เนื้อปูสดและแน่นมาก "STIR FRIED WITH PAPPER AND SPICED SALT DUNGENESS CRAB" ปูยักษ์ผัดซอสพริกเกลือ"SIGNATURE BLACK PEPPER ALASKAN CRAB" ปูอลาสก้าส่งตรงจากรัสเซียผัดซอสพริกไทยดำ"STIR FRIED WITH GOLDEN SALTED EGG CRAB" ปูอลาสก้าผัดซอสไข่เค็ม ร้าน WHITE PLATE BY LOBSTER AND MORE โซนThe Veranda ชั้น G ICONSIAM โทร. 09-5724-7980"โซนสุขสยาม" โซนยอดฮิต เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของ ICONSIAM ที่รวบรวมของอร่อยกว่า 77 จังหวัดมาไว้ในที่เดียว ภายในจะแบ่งออกเป็น 4 โซนตามภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคกลาง ภาคอีสาน และยังมีการจำลองแม่น้ำ มีเรือขายของกันจริงๆด้วย ได้ฟีลของตลาดน้ำสมจริงสุดๆ "ร้านกรุงสยาม" กุ้งแม่น้ำเผาตัวใหญ่ๆ ส่งตรงมาจากอยุธยาทั้งหอม มันเยิ้ม เนื้อแน่นเว่อ โซนสุขสยาม ชั้น G ICONSIAM ใครอยากจะมานั่งชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาในมุมสูงต้องมาที่ "โซนICONDiningRooms" เป็นโซนที่ร้านอาหารทุกร้านในโซนนี้จะมีโซนด้านนอกไว้ชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาแบบชิวๆ
พิชิตทะเลหมอกเขาโปกโล้น ล้อมวงกินอาหารท้องถิ่น
ใครอยากจะไปพิชิตทะเลหมอกที่เขาโปกโล้น หมู่บ้านนครชุม จ.พิษณุโลก เตรียมร่างกายมาให้พร้อมแล้วขึ้นรถแต๊กไปตามล่าทะเลหมอกกัน เริ่มเดินจากตีนเขาระยะทาง 1.3 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ในการพิชิตยอดเขาโปกโล้น เพียงแค่ขึ้นไปถึงยอดเขาก็หายเหนื่อย เพราะวิวตรงหน้าเต็มไปด้วยหมอก สวยเลอค่าจริงๆเดินขึ้นเขากันจนเหนื่อยลงมาเติมพลังกันต่อด้วยอาหารท้องถิ่นที่ "โฮมสเตย์บ้านป้าเบียบ" ที่หมู่บ้านนครชุมมีโฮมสเตย์อยู่ทั้งหมด 14 หลัง นักท่องเที่ยวสามารถมาพักที่โฮมสเตย์และลงมือทำอาหารท้องถิ่นได้ด้วยตัวเอง วัตถุดิบที่นำมาปรุงทางโฮมสเตย์ก็ปลูกเอง และหาของมาจากท้องนา เรียกได้ว่า ออร์แกนิคของแท้!
เที่ยวสวนบัวอมรรัตน์ บัวยักษ์ยืนได้ ถ่ายรูปได้ ไม่ตกน้ำ!!!
พิษณุโลกต้องห้ามพลาด จุดนี้มีความน่าตื่นเต้นสุดๆเพราะจะพามา "สวนบัวอมรรัตน์" หรือ สวนบัวยักษ์ ที่หลายๆคนเห็นในโซเชียลแล้วอยากไปลองยืนสักครั้งบัวยักษ์ ต้นกำเนิดในแถบประเทศแอฟริกาแต่ชื่อสายพันธุ์คือ "บัววิคตอเรีย" ภายในมีบัวยักษ์อยู่เต็มไปหมด สวยงามมากๆ มาถึงสวนบัวทั้งทีจะไม่ลองไปยืนบนบัวเดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึง การไปยืนบนบัวยักษ์ไม่ใช่ลงไปเหยียบบนบัวได้เลยแต่จะต้องมีแผ่นไม้รองบนกึ่งกลางใบบัวเพื่อกระจายน้ำหนักและทรงตัว ใบบัวยักษ์ที่สมบูรณ์สามารถรับน้ำหนักได้ถึง 100 กิโลกรัม!!!หากนักท่องเที่ยวสนใจเข้าชมสวนบัว มีค่าบำรุงสวนบัว คนละ 10 บาท หรือใครสนใจลงไปยืนถ่ายรูปบนบัวยักษ์ คนละ 100 บาท
ก๋วยเตี๋ยวห้อยขาป้ากฐิน @พิษณุโลก
เปรี้ยวปากพามาเช็คอินเจ้าตำรับก๋วยเตี๋ยวห้อยขาขนานแท้แห่งเมืองพิษณุโลกที่ "ก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ป้ากฐิน" ร้านเก่าแก่ระดับตำนานเปิดมากว่า 60 ปี "ก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ป้ากฐิน" ถือเป็นเจ้าแรกๆที่เป็นก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ช่วงแรกๆที่เปิดร้านขายอยู่ในแพแต่ทางร้านกลัวว่าลูกค้าจะตกไปในน้ำจึงสร้างที่กั้นขึ้นมา แม้ในปัจจุบันไม่ได้ขายอยู่ในแพแล้วแต่ยังคงกิมมิคห้อยขาเอาไว้ ทุกคนจึงเรียกว่า "ก๋วยเตี๋ยวห้อยขา" สูตรก๋วยเตี๋ยวก็ยังอร่อยเด็ดถึงเครื่องเหมือนเดิม"บะหมี่ต้มยำหมูแดงแห้ง""เส้นเล็กเย็นตาโฟ"
ต้นกัลปพฤกษ์เรืองแสงที่วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว จ.อุบลราชธานี
เปรี้ยวปากพามาออนซอนสถานที่ Unseen แห่งใหม่ในจังหวัดอุบลราชธานี "วัดเรืองแสง หรือ วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว" มาชมความงามของ "ต้นกัลปพฤกษ์เรืองแสง" ที่ไม่ใช้แสงไฟแต่เป็นงานศิลปะใช้สีที่มีสารเรืองแสงหรือฟลูออเรสเซนต์ ช่วงกลางวันจึงรับแสงพระอาทิตย์เก็บไว้ พอช่วงกลางคืนก็จะฉายแสงออกมาสวยงามจับตา "ต้นกัลปพฤกษ์เรืองแสง" เป็นฝีมือการออกแบบของช่างคุณากร ปริญญาปุณโณ ผู้ลงมือติดโมเสกแต่ละชิ้นด้วยตัวเองโดยได้แรงบันดาลใจมาจาก ต้นไม้แห่งชีวิตจากอวตาร ศิลปกรรมชิ้นนี้หันหน้าไปทางทิศตะวันออกจึงเหมือนฉากกั้นพลังงานในช่วงกลางวัน แล้วจะฉายแสงออกมาในตอนกลางคืนเป็นการคายพลังงานออกมาช่วงเวลาที่เหมาะในการชมแสงสวยๆ บริเวณวัดคือ 18.00-21.00 น. และจะเห็นชัดสุดในคืนเดือนคว่ำ แต่ภาพเรืองแสงหากมองด้วยตาเปล่าจะเห็นเพียงเล็กน้อย จะไม่เห็นชัดเจนเท่าภาพที่ถ่ายด้วยกล้องถ่ายภาพวัดแห่งนี้ยังมีจุดชมวิวลำนำโขงและบริเวณด้านหลังพระอุโบสถมีจุดชมวิวที่เห็นฝั่งประเทศลาวและด่านสากลช่องเม็กอย่างสวยงาม มาชมความงามของต้นกัลปพฤกษ์เรืองแสงได้ที่ วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี
สัมผัสวิถีชีวิตชาวอุบลกันที่ กาลครั้งหนึ่ง โขงเจียม
เปรี้ยวปากพาไปออนซอนลุ่มแม่น้ำโขง สัมผัสวิถีชีวิตชาวอุบลราชธานีกันที่ "กาลครั้งหนึ่ง โขงเจียม" ที่ อ.โขงเจียม ที่นี่เป็นทั้งคาเฟ่ โฮมสเตย์ และศูนย์รวมภูมิปัญญาของชาวโขงเจียมอย่างโรงทอผ้าฝ้าย นอกจากการทอผ้าแล้วที่นี่ยังมี Work Shop ให้นักท่องเที่ยวได้ลอง DIY ตามสไตล์ตัวเอง ทั้งพวงกุญแจจากเศษผ้าที่ทอเหลือ โมบาย หรือผ้าพันคอแบบมัดย้อมส่วนของโฮมสเตย์มีห้องพักเพียง 4 ห้อง ตกแต่งในสไตล์อีสานพื้นบ้าน เน้นความเป็นอยู่ที่กลมกลืนกับธรรมชาติ จะไม่มีทีวี ตู้เย็น ใครมาเที่ยวอุบลราชธานีอย่าลืมมาสัมผัสวิถีชีวิตชาวอุบลกันที่ "กาลครั้งหนึ่ง โขงเจียม" อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 7:00-18:00 น. โทร.0-4521-0324
เที่ยวเท่ เสน่ห์ประตูสู่ภาคใต้จังหวัดชุมพร
เที่ยวเท่ เสน่ห์สู่ภาคใต้จังหวัดชุมพร ทริปนี้เปรี้ยวปากจะพาไปสัมผัสความสวยงามของโลกใต้ท้องทะเลของชุมพรที่กำลังเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตในตอนนี้"เกาะยอ" เกาะกลางทะเลสาบที่มีจุดชมวิวมุมสูงให้นักท่องเที่ยวได้มาถ่ายรูปสวยๆกันก่อนไปดำน้ำดูปะการังทริปชุมพรคราวนี้เปรี้ยวปากขอพาไปชมความงามใต้ท้องทะเลของ "เกาะร้านเป็ด" และ "เกาะร้านไก่ หรือ อ่าวมรกต" ซึ่งโลกใต้ท้องทะเลของอ่าวไทยถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันดับต้นๆของนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่จะมาดำน้ำดูปะการัง เจ้าฉลามวาฬ และดอกไม้ทะเลเยอะแยะมากมาย หลังจากดำน้ำกันจนเหนื่อยก็มาพักเติมพลังทานซีฟู้ดสดๆจากฝีมือชาวบ้านทุ่งมหาที่ "กินปูห้อยขา" บรรยากาศก็ดีมานั่งห้อยขารับลมชมวิวเกาะยอพร้อมทานซีฟู้ดสดใหม่"ปูม้า" สด หวาน เนื้อแน่น"ข้าวผัดปูทุ่งมหา""กุ้ง""ปลาหมึกคั่ว""ยอดเหลียงผัดกุ้ง"ตามมาสัมผัสความงดงามของโลกใต้ท้องทะเลชุมพรกับ "จอยทัวร์ดำน้ำ เกาะร้านเป็ด เกาะร้านไก่" ได้ที่ อ.ประทิว จ.ชุมพร หรือโทรติดต่อสอบถามแพ็คเกจทัวร์ได้ที่เบอร์ 08-7881-3382 Facebook: https://www.facebook.com/joytourdumnumก่อนกลับขอมาแวะช้อปของฝากจากชุมพรกันที่ "ชายน้อยฟู้ด" ร้านของฝากชื่อดังที่มีการแปรรูปผลไม้ต่างๆมากมาย โดยเฉพาะกล้วยเล็บมือนางของขึ้นชื่อจังหวัดชุมพร ทุกผลิตภัณฑ์ใช้วัตถุดิบในและคนในท้องถิ่นเพื่อส่งเสริมรายได้ให้กับคนในชุมชน"กล้วยเล็บมือนางอบแห้ง" กล้วยเล็บมือนาง ของขึ้นชื่อจังหวัดชุมพรเพราะเป็นแหล่งปลูกกล้วยเล็บมือนางที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย นำมาแปรรูปเป็นกล้วยเล็บมือนางอบแห้ง"ทุเรียนทอด""แครกเกอร์ทุเรียนทอด"มาช้อปของฝากจากชุมพรได้ที่ร้าน "ชายน้อยฟู้ด" อยู่ที่ อ.ปะทิว จ.ชุมพร เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 08:00-14:00 น. หรือติดต่อสอบถามได้ที่เบอร์ 08-7887-5720 Facebook: https://www.facebook.com/pages/category/Food---Beverage-Company/%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A2-Chainoifood-218719378169667/
วนอุทยานปราณบุรี เส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน
ช่วง Green Season แบบนี้เปรี้ยวปากขอพาไปเที่ยวเส้นทางสายธรรมชาติกันที่ "โครงการพัฒนาป่าไม้ปากน้ำปราณบุรี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์" พื้นที่ป่าชายเลนแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำทางธรรมชาติเส้นทางศึกษาธรรมชาติจัดทำเป็นสะพานไม้ทอดยาวประมาณ 1 กิโลเมตร ลัดเลาะตามป่าชายเลนซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้ชมพันธุ์ไม้ชนิดต่างๆ โดยจะมีป้ายข้อมูลพันธุ์ไม้ให้ความรู้เป็นระยะๆเดินมาจนถึงเส้นทางสุดท้ายเป็นส่วนของหอคอยชมวิวที่สามารถมองเห็นวิวรอบป่าชายเลนได้แบบ 360 องศานอกจากเดินชมความร่มรื่นของธรรมชาติป่าชายเลนแล้วนักท่องเที่ยวยังสามารถช่วยอนุบาลสัตว์น้ำได้ด้วยการปล่อยปูลงป่าชายเลนซึ่งเป็นปูที่ชาวบ้านอนุบาลไว้เพื่อนำมาปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ"วนอุทยานปราณบุรี" อยู่ที่ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ 0-3262-1608
1d+Day Artist มาทำให้อารมณ์ดีที่วันดีดี
ในหัวหินมีทั้งร้านอาหารและคาเฟ่มากมายแต่จุดเช็คอินอันดับต้นๆต้องยกให้ "1d+Day Artist" ร้านอาหารชิคๆริมทะเลที่มีมุมให้ถ่ายรูปเยอะมาก เรียกได้ว่าเดินวนถ่ายรูปกันได้แบบไม่มีเบื่อร้านตกแต่งอย่างมีเอกลักษณ์ในสไตล์ชาวประมงที่มีเรือจริงปลดระวางให้ได้ไปถ่ายรูปเล่นกัน เมนูอาหารที่นี่จะเป็นฟิวชั่นเน้นเลือกซื้อวัตถุดิบจากชาวประมงในท้องถิ่น รสชาติเป็นเอกลักษณ์ด้วยฝีมือของลูกหลานคนท้องถิ่นเองRecommended Menu "ผัดทะเลใต้ (250 บาท)""คารามารี (150 บาท)""ทอดมันปูม้า (190 บาท)" "ประจวบเหมาะ (320 บาท)" แกงส้มปลาอินทรีย์ "ข้าวไข่ข้นต้มยำกุ้ง (235 บาท)""น้ำแตงโมปั่น (145 บาท)""น้ำสับปะรดปั่น (145 บาท)"ร้าน "1d+ Day Artist" อยู่ที่ ซอยหัวหิน 105 เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 10:00-22:00 น. หรือติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ 08-7656-9995
เดินชิลเมืองเก่าแวะถ่ายรูปชิคๆที่ Street Art สวรรคโลก
"Street Art สวรรคโลก" แลนด์มาร์กแห่งใหม่ของสุโขทัยอยู่ที่ถนนกลางเมือง มีภาพสตรีอาร์ตตามผนังบ้านเรือนสวยๆมากมายที่ถูกสร้างสรรค์โดยศิลปินอาร์ตชั้นนำของเมืองไทยและต่างชาติ แต่ละภาพจะมีสตอรี่เพราะเป็นหนึ่งในโครงการ Experiencing Asian Pop Culture ที่ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจัดทำขึ้นเพื่อให้นักท่องเที่ยวแถบภูมิภาคอาเซียนที่หลงเสน่ห์งานอาร์ตเดินทางเข้ามาเที่ยวประเทศไทยกัน"ภาพนักสู้" วาดโดยศิลปินชาวสิงคโปร์ และบุคคลในภาพคือ "สลักจิต เทียนหิรัญ" นักมวยชื่อดังชาวไทย"ภาพสาวน้อยผู้มาไกลจากต่างแดน" ผลงานของศิลปินชาวมาเลเซีย ใกล้ๆบริเวณ Street Art มีร้านกาแฟเล็กๆอย่างร้าน "ไฮ้กาแฟ" ที่เก๋าและยืนหยัดมากว่า 60 ปีแล้ว ทั้งคนสวรรคโลกและนักท่องเที่ยวต่างมานั่งจิบกาแฟชิลๆสัมผัสบรรยากาศคลาสสิกดูภาพสตรีทอาร์ทได้แบบเพลินๆ ร้านเปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 05.30-15.00 น. หรือติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 08-9642-6362ใครมาสวรรคโลกอย่าลืมมาแวะถ่ายรูปชิคๆกันที่ "Street Art สวรรคโลก" บริเวณถนนกลางเมือง ย่านการค้าเก่า อ.สวรรคโลก
ช้อป แชะ ชิม เชิงเกษตรกันที่ "ดูบัวคาเฟ่ (DUBUA Cafe)"
ก่อนกลับมาแวะกินแวะเที่ยวแลนด์มาร์คของนครปฐมกันที่ "ดูบัว คาเฟ่ (DUBUA Cafe)" ในบรรยากาศทุ่งดอกบัวไม่เหมือนใคร ใช้เวลาเดินทางไม่กี่ชั่วโมงก็ได้มาสัมผัสบรรยากาศสวยๆแบบนี้กันแล้ว"ดูบัวคาเฟ่ (DUBUA Cafe)" นอกจากจะเป็นคาเฟ่ท่ามกลางทุ่งดอกบัวสวยๆแล้วรอบๆยังเป็นที่เที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่เป็นเหมือนหมู่บ้านแสดงวิถีชีวิตของชาวนครปฐม และยังมีกิจกรรมให้ทำเพียบทั้งปั่นจักรยาน ถีบเรือ ฟาร์มสัตว์ คาเฟ่ และร้านอาหาร โดยภายในคาเฟ่ถูกแบ่งออกเป็นโซนต่างๆมากมาย"โซนโรงนา" มีสัตว์ต่างๆให้เยี่ยมชมมากมายโดยไฮไลท์ของที่นี่คือสัตว์ในฟาร์มที่ไม่ดุ และยังสามารถเข้าไปถ่ายรูปแบบใกล้ๆได้อีกด้วย"โซนร้านอาหารและคาเฟ่" มีทั้งอาหาร เครื่องดื่ม และเบเกอรี่ไว้ให้บริการ"โซนกาดบ้านควาย" เป็นเหมือน Walking Street เล็กๆที่มีผลิตภัณฑ์จากภายในชุมชนมาขาย ที่โซนนี้เปิดให้เข้าชมทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 8.00-18.30 น.และที่สำคัญห้ามพลาดแชะภาพสวยๆบนสะพานไม้ทอดยาวข้ามบึงบัวกว้างใหญ่ที่มีบัวหลากหลายสายพันธุ์ ยิ่งใครมาช่วงเช้าที่บัวบานจะได้ภาพที่สวยสุดๆ หรือจะมาเดินเล่นชมวิวสวยๆก็ชิลไม่แพ้กันมาชิลกับคาเฟ่ใกล้กรุงได้ที่ "ดูบัวคาเฟ่ (DUBUA CAFE)" ถนนบางพระ - นราภิรมย์ อ.นครชัยศรี ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น.(หยุดทุกวันจันทร์) หรือติดต่อสอบถาม โทร. 09-7024-0842
มาถึงสมุทรสงครามทั้งทีเปรี้ยวปากขอมาเดินชมสวนเพลินๆกันที่ "สวนมะนาวโห่ลุงศิริ" สวนท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่มีต้นมะม่วงหาวมะนาวโห่ให้ชิมกันแบบสดๆจากต้นจากผลไม้ในวรรณคดี "มะม่วงหาวมะนาวโห่" สู่ผลไม้ที่ช่วยชีวิต "ลุงศิริ เจริญช่าง" คุณพ่อของ "คุณทสน์ เจริญช่าง" ลูกชายคนเล็กของครอบครัว คุณทสน์เล่าให้ฟังว่า ลุงศิริ เคยป่วยหนักเป็นโรคถุงลมโป่งพองจากการสูบบุหรี่ กลับมีอาการดีขึ้นเมื่อได้ทานมะม่วงหาวมะนาวโห่ ครอบครัวจึงตัดสินใจนำผลไม้ชนิดนี้มาปลูกเป็นสวนจึงเกิดเป็น "สวนมะหาวโห่ลุงศิริ" "สวนมะนาวโห่ลุงศิริ" กลายเป็นธุรกิจครบวงจรที่ทั้งปลูก แปรรูปมะนาวโห่เป็นสินค้าหลากหลายชนิด ไปจนถึงศูนย์การเรียนรู้ คาเฟ่ และแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของอัมพวาเที่ยวรอบๆสวนจนเหนื่อยแล้วมาแวะพักกันที่ "สิริสมปองคาเฟ่" คาเฟ่ธีมมะนาวโห่แห่งแรกในไทยที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำแม่กลอง บรรยากาศร่มรื่นเหมาะแก่การมานั่งพักผ่อน เดินชมร้านกันจนอิ่มหนำแล้วมาลิ้มลองเมนูเด็ดๆจากมะม่วงหาวมะนาวโห่กัน"เครปเค้กแยมมะนาวโห่ (75 บาท)""เอสเปรสโซ มะนาวโห่ (70 บาท)""Summer Set (120 บาท)" เสิร์ฟมาทั้งเยลลี่มะนาวโห่, ไอศกรีมมะนาวโห่ และมะนาวโห่ลอยแก้ว"Waffle Set (120 บาท)" วาฟเฟิลเสิร์ฟมาพร้อมกับไอศกรีมที่ทำจากมะนาวโห่มาเที่ยวชมสวนและลิ้มลองความอร่อยของมะม่วงหาวมะนาวโห่ได้ที่ "สวนมะนาวโห่ลุงศิริ" ต.บางนกแขวก อ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 9.00-17.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-0566-5124
สามย่านมิตรทาวน์ กับโซน 24 ชั่วโมง แหล่งรวมของสุดชิคใจกลางกรุง
"สามย่านมิตรทาวน์" แลนด์มาร์คแห่งใหม่สุดจัดจ้านในสามย่าน ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่อย่างครบครันกับ "โซน 24 ชั่วโมง" ที่รวบรวมร้านอร่อยๆ และ Co-working Space มาไว้ในที่เดียว แถมยังเดินทางสะดวกมีรถไฟฟ้า MRT เชื่อมต่อมาถึงด้านในเลยที่ "สามย่านมิตรทาวน์" เดินทางสะดวกสบาายมีทั้งรถโดยารประจำทาง, รถไฟฟ้า BTS และรถไฟฟ้า MRT โดยลงที่สถานีสามย่าน จะมีมุมฮิต ถ่ายรูปเก๋ๆ ที่ทุกคนที่มาต้องแวะมาถ่ายรูปอย่าง "อุโมงค์อวกาศ" ทางเดินกว่า 100 เมตร ที่เป็นอุโมงค์ปูนเปลือยช่วงกลางทางเดินช่วงหนึ่งจะเป็นพื้นกระจกให้มองเห็นด้านล่างได้ ซึ่งอุโมงค์นี้จะเชื่อมจากสถานีสามย่านมายังสามย่านมิตรทาวน์เลยภายในศูนย์การค้ามีทั้งหมด 5 ชั้น และชั้นใต้ดินอีกหนึ่งชั้น และโซนไฮไลท์สำหรับที่นี่เลยคือ "โซน 24 ชั่วโมง" แหล่งรวมทั้งร้านอาหารอย่าง เคเอฟซี, ชาบูชิ, สตาร์บัคส์, คาเฟ่ อเมซอน, สเวนเซ่นส์ และอื่นๆ อีกมากมายอีกหนึ่งความน่าสนใจของที่นี่คือ "SAMYAN CO-OP" Co-Learning Space เปิดให้บริการฟรี 24 ชั่วโมง ครอบคลุมพื้นที่ตั้งแต่ ชั้น 2 ถึง ชั้น 3 ภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายทั้งร้านกาแฟ ห้องน้ำ ห้องทำงานส่วนตัว แถมยังมีปลั๊กไฟและ Wi-Fi อีกด้วย หากใครสนใจเพียงแค่ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันก็สามารถเข้าไปใช้บริการได้"MEDIUM and More" แหล่งรวมอุปกรณ์ศิลปะ งานประดิษฐ์ และงานฝีมือแบบที่ไม่เหมือนใคร แล้วยังมีกิจกรรมเวิร์กช็อปงานคราฟต์โดยผู้เชี่ยวชาญมากมายอีกด้วย"สามย่านมิตรทาวน์" ตั้งอยู่ที่หัวมุมถนนพญาไท-พระราม 4 เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00 - 22.00 น.โซน 24 ชั่วโมง เปิดบริการทุกวัน เวลา 00.00 - 23.59 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0-2764-6241
มุมถ่ายรูปเก๋ๆ 3 สถานี MRT เปิดใหม่ เราไกด์มาให้แล้ว
ช่วงวันหยุดถ้าใครยังไม่รู้จะไปไหนเปรี้ยวปากขอแนะนำมุมถ่ายรูปเก๋ๆทั้งในและนอกสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินที่ขยายเพิ่มสถานีใหม่อย่าง "สถานีสามยอด", "สถานีวัดมังกร", "สถานีสนามไชย" "สถานีสามยอด" ตั้งอยู่บนถนนเจริญกรุงตัดกับถนนมหาไชย หรือที่เรียกกันว่าแยกสามยอด สถานีนี้ต้องห้ามพลาดมาแชะภาพกับอาคารสีเหลืองเขียวที่เป็นสถาปัตยกรรมแบบชิโนโปรตุกีส "สถานีวัดมังกร" สถานีนี้ตกแต่งในสไตล์จีนให้เข้ากับบรรยากาศในบริเวณรอบๆสถานีอย่างเยาวราช แถมยังมีมุมฮิตไว้ถ่ายรูปเยอะมาก โดยเฉพาะมุมบันไดเลื่อนที่ตกแต่งเป็นท้องมังกร"สถานีสนามไชย"ฝ มีรูปแบบสถาปัตยกรรมสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นท้องพระโรงในสมัยรัตนโกสินทร์ ทางออกตรงมิวเซียมสยามก็เด็ดไม่แพ้กันเพราะขึ้นบันไดเลื่อนมาก็จะเจอมิเซียมสยามเลยแถมยังไม่มีหลังคามาบดบังทิวทัศน์อีกด้วย
"ไร่เหมือนจันทร์" ฟาร์มเมล่อนอินทรีย์และสวนกล้วยไม้สวยๆ ที่รวมเมล่อนหลายสายพันธุ์เอาไว้ เช่น เอ็นเอส เป็นพันธุ์นำเข้าจากญี่ปุ่น มีทั้งพันธุ์เนื้อสีส้ม สีเขียว และสีทอง เมล่อนพันธุ์สีทองจะมีเนื้อที่กรอบ ด้วยการปลูกที่พิถีพิถันและความใส่ใจ เมล่อนจึงมีรสชาติหอมหวาน กรอบ นอกจากฟาร์มเมล่อนแล้วยังมี "เรือนกล้วยไม้" สวยๆ ไว้ให้ถ่ายรูปชิลๆ กันอีกด้วย ที่นี่จะมีกล้วยไม้เพียงสายพันธุ์เดียว คือ กล้วยไม้หวาย ซึ่งเป็นกล้วยไม้ที่ส่งออกนอกไปยังฮาวายอีกด้วยที่ไร่เหมือนจันทร์ยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ อีก เช่น น้ำเมล่อนปั่น และเมล่อนสดๆ ให้ทานกันอีกด้วย ที่นี่ถือเป็นปอดในเมืองกรุงอีกแห่งเลยก็ว่าได้ จะมากันเป็นคู่หรือครอบครัวก็เหมาะมาก เรียกว่า ครบจบในที่เที่ยว ใครสายรักษ์โลกต้องมากันแล้วละ"ไร่เหมือนจันทร์" อยู่บนถนนเลียบคลองทวีวัฒนา เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 9.00-17.00 น. ติดต่อเพิ่มเติม โทร. 08-1808-2332
วันนี้เปรี้ยวปากขอพาทุกคนบินลัดฟ้ามาสัมผัสเสน่ห์ธรรมชาติในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีที่ภูมิภาคโทโฮคุ ประเทศญี่ปุ่นกัน เริ่มทริปกันที่ "จังหวัดมิยางิ" แหล่งท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในโทโฮคุซึ่งเต็มไปด้วยสีสันของธรรมชาติและอาณาจักรแห่งวัตถุดิบที่มีซีฟู้ดเน้นๆเริ่มออกเดินทางมากันที่ "น้ำตกอะคิว (Akiu Otaki)" ซึ่งมีความสูงถึง 55 เมตร เป็น 1 ใน 3 ของน้ำตกที่สวยที่สุดในญี่ปุ่นหากมาในช่วง ปลายเดือนตุลาคม จนถึงปลายเดือนพฤศจิกายน จะอยู่ในช่วงของฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ต้นไม้บริเวณรอบๆ น้ำตกจะเปลี่ยนสีเป็นสีแดง สวยงามสุดๆสำหรับการเดินทางมาน้ำตกอะคิว นั่งรถบัสจากสถานีรถไฟเซนไดใช้เวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมง ก็จะได้มาสัมผัสความสวยงามของน้ำตกแบบนี้เดินทางจากน้ำตกอะคิวมาเพียง 15 นาที ก็จะเจอจุดชมวิวสวยๆ อย่าง "สะพานโนโซกิบาชิ (Nozoki - Bashi Bridge)" อยู่ในหุบเขาไรไรเคียว (Rairaikyo Gorge) ทางทิศใต้ของเซนได ซึ่งเป็นเมืองหลวงของจังหวัดมิยางิ มีชื่อเสียงในด้านเกษตรและการประมงจุดไฮไลท์ในบริเวณสะพานโนโซกิบาชิก็คือ "แอ่งน้ำรูปหัวใจ (Nozokibashi Hear)" ที่มีความเชื่อว่าถ้ามากับคนรักแล้วมาขอพรจะทำให้รักแฮปปี้ เอนดิ้ง และเป็นจุดไฮไลท์ในการขอแต่งงานด้วยและบริเวณด้านหลังแอ่งน้ำรูปหัวใจยังมีลักษณะคล้ายๆ กับแกรนด์แคนยอนที่เป็นหิน เป็นธารน้ำสวยๆอีกหนึ่งสีสันของเมืองมิยางิก็คือการมาที่ "หมู่บ้านสุนัขจิ้งจอก (Zao Fox Village)" ซึ่งที่นี่จะปล่อยให้เหล่าสุนัขจิ้งจอกอยู่ท่ามกลางธรรมชาติป่าไม้ เห็นสุนัขจิ้งจอกน่ารักแบบนี้ที่นี่จึงติดโพลในรีวิวเยอะแยะมากมาย ดังนั้นใครมาที่มิยางิต้องห้ามพลาดแวะมาเล่นกับน้องๆ สุนัขจิ้งจอก มีค่าเข้าชมคนละ 1,000 เยนอีกกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดถ้ามาที่หมู่บ้านสุนัขจิ้งจอกคือ การได้อุ้มเหล่าสุนัขจิ้งจอก ซึ่งจะมีเวลาอุ้ม 5 นาที ในราคา 600 เยนช่วงฤดูหนาวระหว่างเดือนมกราคม ถึงเดือนมีนาคม เป็นฤดูกาลที่เหมาะในการชมสุนัขจิ้งจอก เพราะขนของสุนัขจิ้งจอกจะฟูปุกปุยและสวยงาม"หมู่บ้านสุนัขจิ้งจอก (Zao Fox Village)" อยู่ในเมืองซาโอะ จังหวัดมิยางิ สำหรับการเดินทางมายังหมู่บ้านสุนัขจิ้งจอก นั่งรถบัสจากสถานีชิโรอิชิไม่ถึง 1 ชั่วโมง ก็ถึงที่หมายได้มาใกล้ชิดกับน้องๆ สุนัขจิ้งจอกแบบฟินๆเมื่อมาถึงจังหวัดมิยางิจะได้เห็นสีสัน ความคึกคักของซีฟู้ดสดๆ จากอ่าวชิโอกามะ จากฝั่งทะเลมิยางิ โดยเฉพาะหอยนางรมและปลามากุโร่ เปรี้ยวปากจึงขอพาทุกคนมาที่ "ตลาดปลาชิโอกามะ (Shiogama Seafood Wholesale Market)" ศูนย์กลางค้าปลาที่คึกคักในโทโฮคุ มีทั้งร้านอาหารและของทะเลสดๆที่จังหวัดมิยางิ มีอ่าวใหญ่ๆ อยู่ 2 อ่าว คือ อ่าวชิโอกามะ และอ่าวมัตซึชิมะ เรียกได้ว่าเป็นดินแดนแห่งซีฟู้ดเลยเห็นซีฟู้ดสดๆ ละลานตาขนาดนี้ เดินทางมาจากสถานีชิโอกามะเพียง 15 นาทีก็ถึงตลาดปลาชิโอกามะแล้ว สามารถมาเดินเลือกปลาสดๆ กันได้แบบฟินๆ เลยละ
เปรี้ยวปากจะพาทุกคนไปสัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งวัฒนธรรมและความหลากหลายทางธรรมชาติในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีกันที่ "เมืองอะคิตะ" ภูมิภาคโทโฮคุ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นภูมิภาคที่อยู่ทางตอนเหนือสุดของเกาะฮอนชู และถือว่าเป็นอัญมณีเม็ดงามแห่งโทโฮคุ การเดินทางมาจังหวัดอะคิตะ จากโตเกียวและเซนได นั่งรถไฟชินคันเซ็นสายอะคิตะ(Akita Shinkansen) ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงเมื่อมาถึงจังหวัดอะคิตะเช็คลิสต์แรกที่ต้องมาเลยก็คือ "หมู่บ้านซามูไร (Kakunodate)" หมู่บ้านเก่าแก่อายุเกือบ 400 ปี ที่ยังคงอนุรักษ์บ้านเรือนของเหล่าซามูไรในอดีตเอาไว้ และได้รับฉายาว่าเป็น "Little Kyoto"ช่วงต้นเดือนพฤษภาคมของทุกปี หมู่บ้านซามูไร (Kakunodate) ถือเป็นจุดชมซากุระที่ได้รับความนิยมที่สุดในโทโฮคุหากใครสนใจนั่งรถลากชมหมู่บ้านซามูไรก็มีบริการอีกด้วย ค่าบริการรถลากเที่ยวชมหมู่บ้าน 15 นาที 3,000 เยน / 30 นาที 5,000 เยน / 60 นาที 9,000 เยน หรือสนใจเช่าชุดกิโมโนเดินเล่นรอบหมู่บ้านก็ ราคาคนละ 4,400 เยน สามารถเดินเล่นได้ทั้งวัน ตั้งแต่เวลา 10.00 - 17.00 น."เรือนหลังใหญ่ของตระกูลอาโอยากิ(Aoyagi Samurai Manor Museum)" เป็นหนึ่งในหกบ้านซามูไรที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชม ซึ่งเรือนของตระกูลอาโอยากิหลังนี้ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1860ตระกูลอาโอยากิมีบทบาทสำคัญทางด้านการทหารของเมืองคาคุโนดาเตะมากจนเจ้าเมืองอนุญาตให้ตระกูลนี้สร้างซุ้มประตูเพื่อเป็นรางวัลแสดงถึงความสามารถของตระกูลเรือนหลังใหญ่ของตระกูลอาโอยากิถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นพิพิธภัณฑ์แสดงวิถีชีวิตของชาวซามูไรในยุครุ่งเรืองผ่านข้าวของเครื่องใช้ เสื้อผ้า เสื้อเกราะซามูไร อาวุธต่างๆ ภายนบ้านจะแบ่งออกเป็นพิพิธภัณฑ์ ร้านอาหาร ร้านขายของ ห้องจิบชา และสวนสวยๆ เดินเที่ยวกันจนเหนื่องต้องแวะมาหาอะไรทานกันสักหน่อยมาถึงอะคิตะทั้งทีต้องลองมาทานอุด้งที่ร้าน "Inaniwa Koraido Aoyanagike" เป็นร้านที่ติด 1 ใน 3 ของเส้นอุด้ง ที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น ซึ่งร้านนี้ก็อยู่ในบ้านอาโอยากินั่นเองInaniwa Tempura Udon Noodle อุด้งร้อนInaniwa Tempura Udon Noodle อูด้งแบบเย็น ซึ่งตัวเส้นอูด้งจะมีสีชมพูนิดๆ เพราะผสมผงซากุระลงไปด้วยเส้นอุด้งของที่นี่จะมีลักษณะแบนและเล็กกว่าปกติแต่มีความหนึบซึ่งเป็นเส้นอุด้งสไตล์อะคิตะไฮไลท์ของฤดูใบไม้เปลี่ยนสีของจังหวัดอะคิตะที่ต้องห้ามพลาดเลยก็คือ การนั่งรถไฟท่องเที่ยวชมวิวธรรมชาติสองข้างทาง เริ่มจากสถานีคะคุโนะดาเตะโดยนั่งรถไฟสายอะคิตะ นาอิริกุ เป็นเวลา 2 ชั่วโมง เต็มบนรถไฟที่จะได้เห็นความสวยงามของฤดูใบไม้เปลี่ยนสีมาขึ้นกระเช้ากันต่อที่ "ภูเขาโมริโยชิ (Mt. Moriyoshi)" ภูเขาไฟที่สูงที่สุดในจังหวัดอะคิตะ ซึ่งสามารถเห็นความสสวยงามของใบไม้เปลี่ยนสีได้แบบ 360 องศา ในระดับความสูงจากพื้นดิน 1,454 เมตร นั่งชมวิวในกระเช้าแบบเพลินๆ ยาวไปถึง 20 นาทีเลย ค่าขึ้นกระเช้าเพียงคนละ 1,800 เยน ก็ได้เพลิดเพลินอย่างเต็มที่กับวิวใบไม้เปลี่ยนสีที่มองเห็นทั่วภูเขาสามารถชมความสวยงามของยอดเขาโมริโยชิได้ 2 ฤดู คือ ฤดูใบไม้เปลี่ยนสี และ ฤดูหนาว ที่นี่จะกลายเป็นลานสกีและชมความงามของ Snow Monsterมาถึงอะคิตะต้องอย่าลืมไปทักทายเจ้าถิ่นอย่าง "สุนัขพันธุ์อะคิตะ" ที่มีชื่อเสียงของที่นี่ เรียกว่าเป็นพระเอกกันเลยทีเดียว ไม่ว่านักท่องเที่ยวคนไหนก็ต้องแวะถ่ายรูปกับความน่ารักของเจ้าสุนัขพันธุ์อะคิตะอีกหนึ่งแลนด์มาร์คห้ามพลาดของอะคิตะคือ "ทะเลสาบทาซาวะ (Lake Tazawa)" ทะเลสาบที่ลึกที่สุดในญี่ปุ่น ที่นี่ยังมีกิจกรรมพายเรือคายัคให้เหล่านักท่องเที่ยวได้ชมความงามรอบๆ ทะเลสาบ ช่วงเวลาที่เหมาะกับการพายเรือคายัค คือช่วงเดือนมิถุนายน-ตุลาคม ทะเลสาบทาซาวะมีความลึกถึง 432.4 เมตร จึงเป็นทะเลสาบที่ลึกที่สุดในญี่ปุ่น และด้วยความลึกนี้ทำให้ฤดูหนาวทะเลสาบจึงไม่จับตัวเป็นน้ำแข็ง นอกจากนี้มีเรื่องเล่าขานกันว่าใครที่ได้มาดื่มน้ำในทะเลสาบ 3 อึก จะมีความงามที่เป็นอมตะ แต่ว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งที่ชื่อ "ทัตสึโกะ" ดื่มไปมากกว่า 3 อึก เทพเจ้าแห่งทะเลสาบโกรธมาก สาปให้เธอกลายเป็นมังกรเฝ้าทะเลสาบแห่งนี้ ซึ่งตำนานนี้เป็นแรงบันดาลใจให้ "ยาสึตาเกะ ฟูนาโคชิ" หล่อรูปปั้นของหญิงสาวขึ้นมา กลายเป็นแลนด์มาร์คของที่นี่ ในบริเวณนี้มีศาลเจ้าที่ยื่นออกไปในทะเลสาบให้มาขอพรกันอีกด้วย นั่นก็คือ "ศาลเจ้าอุคิกิ (Ukiki Shrine)" ศาลเจ้านิกายชินโตซึ่งคนนิยมมาขอพรเรื่องความสวยความงามกัน
เปรี้ยวปากพาบินลัดฟ้ามาภูมิภาคโทโฮคุ ประเทศญี่ปุ่น วันนี้ขอพาทุกคนมาปักหมุดเที่ยวที่ จังหวัดยามากาตะ จังหวัดที่มีชื่อเสียงในเรื่องของเชอร์รี่, แหล่งน้ำพุร้อน, และเสน่ห์ความเป็นชนบท ในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีสวยราวกับภาพวาด “น้ำตกเซคิยามะ (Sekiyama Otaki)” อยู่ในเมืองฮิกาชินะ หลังจุด Drive in ใกล้กับอุโมงค์เซกิกายะทางหลวงหมายเลข 48 ทางเข้าจะมีร้านอาหารท้องถิ่นด้วย หลังจากเที่ยวน้ำตกก็มาทานอาหารกันที่ร้าน “Otaki Drive-in Izumiya” ที่นี่จะเป็นอาหารเซ็ททานง่าย มีทั้งโอเด้งและขนมดังโงะด้วย อาหารเซ็ทขึ้นชื่อของที่นี่เลยก็คือ “เซ็ทโอตาคิ วาเตะโชคุ” ซึ่งไฮไลท์ของเซ็ทนี้ก็คือ ปลาอิวานะย่าง ปลาขึ้นชื่อของยามากาตะ ในเซ็ทจะมีทั้งเทมปุระ, ซุป, และเครื่องเคียงผักดองต่างๆ ส่วนขนมที่เป็นดังโงะจะมีเป็น "ถั่วซึนดะ" ซึ่งจะคล้ายๆ กับถั่วแระ แล้วก็จะมีงาดำและวอลนัท ทานอาหารคาวกันจนอิ่มขอมาแวะซื้อขนมปังไปนั่งทานชิลๆ กันที่สวนสาธารณะ Kajo ซึ่งร้านที่เปรี้ยวปากจะพามาก็คือ "ร้าน CYBELE" ที่มีทั้งขนมปังปกติและขนมปังตามฤดูกาล เช่น ฤดูใบไม้ร่วงจะมีขนมปังเกาลัด เป็นต้น ช้อปขนมปังกันจนพอแล้วมาปิคนิคกันต่อที่ "สวนสาธารณะ Kajo (Kajo Park)" ที่คนจะนิยมมานั่งปิคนิคกันช่วงดอกซากุระบาน แต่ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงหรือใบไม้เปลี่ยนสีก็ได้รับความนิยมและสวยไม่แพ้กัน เดินมาจากสถานียามากาตะเพียงแค่ 10 นาทีก็ถึงแล้ว สวนสาธารณะ Kajo เป็นส่วนสาธารณะที่ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของญี่ปุ่น ในอดีตสวนนี้เป็นที่ตั้งของปราสาทยามากาตะซึ่งในแต่ละฤดูจะสวยงามแตกต่างกันออกไป "Ginzan Onsen" เมืองน้ำพุร้อนที่เงียบสงบในจังหวัดยามากาตะ มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่นว่าเป็นเมืองออนเซ็นที่งดงามที่สุด เสน่ห์ของเมืองออนเซ็นแห่งนี้เต็มไปด้วยความคลาสสิกของเรียวกังที่เก่าแก่และนักท่องเที่ยวที่แต่งกายใส่ยูกาตะราวกับว่าย้อนยุคไปในสมัยต้นศตวรรษที่ 20 ที่นี่เป็นหมู่บ้านออนเซ็นกลางหุบเขา ตั้งอยู่ในเมืองโอบานาซาวะ(Obanazawa) เป็นหมู่บ้านเรียวกังที่คงความคลาสสิกเอาไว้ และมีคลองเล็กๆ ไหลอยู่กลางหมู่บ้าน ในอดีตตรงหมู่บ้านเคยเป็นเหมืองเงินขนาดใหญ่ เรียวกังแบบไม้สไตล์ตะวันตกจึงเริ่มมาสร้างเมื่อปลายยุคไทโชถึงยุคโชวะ ซึ่งในยุคโชวะมีน้ำร้อนผุดขึ้นมาทำให้ที่นี่กลายเป็นแหล่งแช่ออนเซ็นที่มีชื่อเสียง เดินชมความงามรอบหมู่บ้านจนอิ่มหนำก็เข้ามาหลบความหนาวสัมผัสไออุ่นกันที่คาเฟ่เล็กๆ น่ารักอย่าง "ร้าน Crie" "Yaki Coco" เมนูไฮไลท์ของร้าน ยิ่งเดินมาหนาวๆ มาดื่มโกโก้ร้อนๆ คู่กับมาร์ชแมลโลว์ย่าง ช่วยให้อุ่นขึ้นได้เยอะอีกหนึ่งร้านห้ามพลาดสำหรับสายแกงกะหรี่ "Haikarasan's Currybread" ร้านขนมปังแกงกะหรี่ที่สามารถเดินทานได้เลย แป้งกรอบๆ หวานๆ ไส้ด้านในเป็นแกงกะหรี่รสชาติกำลังดี มาในราคาชิ้นละ 230 เยนเดินมาถึงท้ายหมู่บ้านจะมี "น้ำตกชิโรกาเนะ (Shirohige)" และด้านในน้ำตกเคยเป็นประตูทางเข้าเหมืองเงินอีกด้วย และอีกหนึ่งเสน่ห์ของที่นี่คือการแช่ออนเซ็น ที่นี่มีทั้งออนเซ็นแบบส่วนตัวและออนเซ็นแบบสาธารณะ ซึ่งออนเซ็นสาธารณะจะเป็นเหมือนการสปาเท้าระหว่างการแช่ออนเซ็นหรือเดินเล่นรอบๆ หมู่บ้านสามารถซื้อเต้าหู้อร่อยๆ มาทานแก้หนาวกันได้จากที่ร้าน "Nagawa Tofu" เป็นเต้าหู้เก่าแก่กว่า 100 ปีแล้วสรุป 4 อย่างห้ามพลาดเมื่อมาที่ "กินซันออนเซ็น(Ginzan Onsen)" คือ1. สวมชุดยูกาตะเดินเล่นรอบๆ หมู่บ้าน2. เที่ยวน้ำตก3. พักค้างคืนที่เรียวกัง4. แช่ออนเซ็น พร้อมจิบเครื่องดื่มร้อนๆ
เปรี้ยวปากขอพาทุกคนมาชมความสวยงามของฤดูใบไม้เปลี่ยนสีที่ภูมิภาคโทโฮคุ ประเทศญี่ปุ่น วันนี้จะพาไปตะลุยสัมผัสความงดงามของ จังหวัดยามากาตะ สีสันของใบไม้เปลี่ยนสี ฟาร์มผลไม้อันเลื่องชื่อ และแช่ออนเซ็นกลางธรรมชาติ ก่อนตะลุยขึ้นบันไดไปที่วัดยามาเดระไปขอพรพระสังกัจจายน์กันที่ คอนปอนชูโด(Konponchudo) อาคารไม้บีชเก่าแก่ สร้างขึ้นปี ค.ศ.1356 เป็นห้องรวบรวมพระพุทธรูป ห้องสมบัติเล็กๆ และยังมีประดิษฐานรูปแกะสลักไม้พระสังกัจจายน์ที่คนนิยมมาขอพรเกี่ยวกับเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ บริเวณด้านหน้ามีเชือกให้แกว่งคล้ายกับวัดญี่ปุ่นทั่วไป กล่องไม้ด้านหน้าก็เป็นที่โยนเหรียญเพื่อทำบุญ วิธีการขอพรคือให้โยนเหรียญในกล่อง โค้ง 2 ครั้ง ปรบมือ 2 ครั้ง แล้วค่อยทำการขอพร จากนั้นให้โค้งปิดท้ายอีกครั้ง ทางเชื่อมนำไปสู่อาคารต่อไปอยู่บริเวณเสาโทริอิหินขนาดใหญ่ ข้างเสาหินนี้มีต้นเมเปิ้ลลขนาดใหญ่ เดินผ่านอุโมงค์เมเปิ้ลสั้นๆ แล้วจะเจอลานกว้าง โดยทางขึ้นจะอยู่ที่บริเวณต้นเมเปิ้ลสีแดงสด สามารถซื้อบัตรทางขึ้นเขาได้ที่จุดนี้ สำหรับผู้ใหญ่ราคา 300 เยน นักเรียนมัธยมต้น 200 เยน เด็กอายุ 4 ขวบขึ้นไป 100 เยน ถึงเวลามาตะลุยบันได 1,000 ขั้นไปที่ "วัดยามาเดระ(Yamadera) หรือ วัดริชชะคุจิ" ที่อยู่บนภูเขาเป็นวัดของนิกายเทนได สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 860 ระหว่างทางขึ้นมีทั้งพระพุทธรูปหิน ป้ายสลักที่คล้ายกับเป็นการพิมพ์ลงไปในหินของภูเขา เริ่มให้ความรู้สึกว่าคล้ายกับวัดเก่าแก่ของจีนที่มักมีการสลัดสิ่งต่างๆ ไว้ตามหิน นอกจากป้ายสลักหินแล้วยังมีรูปสลักซึ่งมีอยู่หลายรูปแบบ เดินขึ้นมาจนถึงวัดยามาเดระก็มาชมวิวสวยๆ กันที่ จุดชมวิววิหารโกไกโด(Godaido) ที่มีอายุเก่าแก่ราว 1,000 ปี เป็นศาลาไม้ยื่นออกไปจากหน้าผา สามารถมองเห็นเมืองยามาเดระที่มีภูเขาโอบล้อม ถือเป็นจุดชมวิวที่ดีที่สุดของวัดยามาเดระเลยละ การเดินทางก็ไม่ยากเพียง 10 นาทีจากสถานีรถไฟยามาเดระ หลังจากที่เดินกันมาทั้งวันขอพาทุกคนมาเติมพลังที่ร้าน "ฟุโมโตยะ(Fumotoya)" ร้านโซบะขึ้นชื่อในท้องถิ่น เปิดมากกว่า 80 ปีแล้ว ที่นี่จะเด่นเรื่องเส้นโซบะ มาถึงยามางาตะทั้งทีไม่ทานโซบะคงเหมือนมาไม่ถึง "Ika Tendon" ชุดเซ็ทโซบะกับข้าวหน้าปลาหมึกเทมปุระ "Ita Soba" เมนูโซบะเย็นที่เส้นโซบะจะเป็นสไตล์ยามากาตะเสิร์ฟมาในถาดไม้ ก่อนจะเข้าไปยัง "ซาโอ ออนเซ็น(Zao Onsen Dai Rotenburo)" ต้องแวะเก็บภาพสวยๆ รอบบึงที่ "ชิกิโน ยาชินูมะ(Shigino Yachinuma)" เป็นบึงที่มีทางเดินรอบๆ สามารถเดินชมใบไม้เปลี่ยนสีรอบบึงได้เลย "ซาโอ ออนเซ็น(Zao Onsen Dai Rotenburo)" เป็นออนเซ็นกลางแจ้ง ท่ามกลางธรรมชาติในหุบเขา ค่าบริการออนเซ็น ผู้ใหญ่ 550 เยน เด็กไม่เกิน 12 ปี 300 เยน ที่จังหวัดยามากาตะขึ้นชื่อเรื่องแหล่งออนเซ็นที่มีออนเซ็นมากถึง 20,000 แห่งเลย แต่ที่เมืองซาโอค้นพบน้ำพุร้อนเมื่อปี 110 ก่อนคริสต์ศักราช มีชื่อเสียงในความเก่าแก่และเป็น 1 ใน 3 ของน้ำพุร้อนที่ยอดเยี่ยมในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น อีกหนึ่งเสน่ห์ในฤดูที่เปลี่ยนสีของจังหวัดยามางาตะ คือการเที่ยวชม ชิมฟาร์มผลไม้ เรียกว่าเป็นแหล่งผลิตเชอรี่ที่ขึ้นชื่ออันดับต้นๆ ของประเทศญี่ปุ่น เปรี้ยวปากจะพาไปจัดเต็มบุปเฟ่ต์ไม่อั้นกันที่ “โอโช ฟาร์ม(Ohsyo Fruits Farm)” “โอโช ฟาร์ม(Ohsyo Fruits Farm)” เป็นฟาร์มผลไม้ยอดนิยมที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดยามากาตะ เชอรี่ที่นี่โด่งดังในเรื่องรสชาติและคุณภาพ แต่เรามาช้าไปนิดนึงฤดูเชอรี่หมดไปจึงขอบุกเก็บแอปเปิ้ลแทนละกัน ฤดูกาลของ Cherry - pick ตั้งแต่เดือน พ.ค. - ก.ค. ของทุกปี ฤดูกาลของ Apple - pick ตั้งแต่เดือน ต.ค. - พ.ย. ของทุกปี สายพันธุ์ของแอปเปิ้ลที่สวนนี้คือ "Wasefuji" มีทั้งลูกสีแดงสดและเขียว และ "Fuji" คือพันธุ์ยอดนิยมระดับโลกที่มีอัตราการปลูกมากกว่าครึ่งหนึ่งของแอปเปิ้ลที่ปลูกในญี่ปุ่น โดยรสชาติจะหวานอมเปรี้ยวลงตัว มีรสสัมผัสกรอบอร่อย นอกจากนี้ก็ยังฉ่ำน้ำและเนื้อแน่นเต็มอิ่ม นอกจากนี้ยังมีองุ่นอีกด้วย ที่ฟาร์มมีทั้งหมด 2 สายพันธุ์ คือ องุ่นเขียว และ องุ่นแดง ทีเด็ดของฟาร์มนี้อยู่ที่เดินกินไม่อั้นเต็มๆ 30 นาที แอปเปิ้ล คนละ 660 เยน องุ่น คนละ 770 เยน ฟาร์มเปิดให้เข้า ตั้งแต่กลางเดือน พ.ค. - กลางเดือน พ.ย. จะมีผลไม้หมุนเวียนให้เก็บตลอดทั้้งเชอรี่ พีช องุ่น และแอปเปิ้ล ฟาร์มที่นี่ครบวงจรเลยทั้งฟาร์มผลไม้ให้เที่ยวชม ชิม มีจุดขายของที่ระลึก และก็มีคาเฟ่อย่าง "โอโช คาเฟ่(Oh Show Cafe)" ก็สามารถมานั่งทานกาแฟ ทานขนมกันที่นี่ได้ "ซอฟต์ครีม ฟาร์เฟ่ต์ผลไม้(ถ้วยละ 800 เยน)" สวนผลไม้ "โอโช คาเฟ่(Oh Show Cafe)" ห่างจากสถานีเทนโดประมาณ 20 นาที
โครงการ Gump อารีย์ สถานที่แฮงค์เอ้าท์ใหม่ๆ คิ้วท์ๆ
ใครไม่อยากตกเทรนด์ต้องมาที่นี่เลย "GUMP'S Ari Community Space" สถานที่แฮงค์เอ้าท์ใหม่ๆ คิ้วท์ๆ สำหรับสายถ่ายรูป โดยเฉพาะคนที่ชอบความมินิมอล และที่นี่ยังรวบรวมคาเฟ่เก๋ๆ ไว้เพียบ รับรองถูกใจกันแน่นอน เริ่มร้านแรกด้วยเมนูแพนเค้กนุ่มเด้งดึ๋งที่ส่งตรงมาจากเชียงใหม่จของร้าน "Fuu.Soufflepancake" ร้านเปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 10.00-20.00 น. และอีกหนึ่งร้านที่มาจากเชียงใหม่ "TROPI HOOLA" ร้านขนมหวานสไตล์ฮาวายสีสันน่ารัก โดยเมนูเครื่องดื่มและโดนัทต่างๆ ร้านเปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 11.00-20.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-8975-3495 เมนูซิกเนเจอร์ของทางร้าน "Tropi Hoola Slurpee(129 บาท)" เป็นสเลอบี้ชานมไต้หวันเข้มข้น เสิร์ฟมาในใบจากเก๋ๆ ตามสโลแกนลดโลกร้อนและเมนูถัดไป "Donut Strawberry Cheese Brulee(79 บาท)" โดนัทโฮมเมดที่ย่างแล้วใส่ครีมสดเข้าไป ท็อปด้วยสตรอว์เบอร์รีสดร้านนี้คอกาแฟต้องห้ามพลาด "Cactus Nitro Beverage" เพราะเมล็ดกาแฟของทางร้านเน้นเป็นเมล็ดกาแฟไทย และความพิเศษของเมนูที่นี่คือเป็น Nitro Cold Brew ร้าน วันจันทร์-ศุกร์ ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 07.00-19.00 น. และวันเสาร์ – อาทิตย์ ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 10.00-19.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 06-1470-3690 "Sassy Girl" ชาดอกไม้ผสมเบสน้ำพริกเกลือ"Tub Tub Latte Coffee" จะมีซอสของตัวตุบตับอยู่ข้างใน ทานแล้วหวานมันหอมกลิ่นขนมที่โครงการ GUMP'S Ari ไม่ได้มีแต่คาเฟ่ขนมหวานเท่านั้น ของคาวก็มีอีกด้วยกับร้าน "ชอุ่ม - CHA UM" ที่แปลตามชื่อร้านได้ว่า อุดมสมบูรณ์ คอนเซ็ปต์อาหารของที่ร้านก็จะเป็นอาหารที่ทานแล้วสุขภาพดี"ข้าวหน้าแซลมอน" (ไซส์ S 109 บาท, ไซส์ M 189 บาท, ไซส์ L 279 บาท)"Set ข้าวแกงส้มปลากะพง ไข่เจียว(159 บาท)""Set ข้าวหมูอบ ไข่ดาว(139 บาท)""สลัดแซลมอนต้มยำ"ร้าน "ชอุ่ม" เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 11.00-21.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-4556-5654ใครอยากหาสถานที่แฮงค์เอ้าท์ใหม่ๆ มาชิล ถ่ายรูป หาอะไรทานก็มากันได้ที่ "GUMP'S Ari Community Space"
เห็นอากาศดีๆ วิวสวยๆ ริมสองฝั่งคลองแบบนี้เรายังอยู่กันในกรุงเทพแถวจอมทองนี่เอง เปรี้ยวปากเลยจะพาทุกคนมากันที่ "สวนภูมิใจการ์เด้น" สวนอนุรักษ์ที่เป็นพื้นที่สีเขียวในเมืองกรุง เป็นปอดเล็กๆ ให้กับเมืองกรุง ในอดีตพื้นที่ของสวนภูมิใจการ์เด้นเคยเป็นกองขยะมาก่อน ทำให้เกิดมลพิษต่อชาวบ้าน คุณเอ๋ – คุณพรทิพย์ เทียนทรัพย์ มาเจอเลยขอซื้อขยายพื้นที่ปรับปรุงขึ้นมาใช้เวลาฟื้นฟูกว่า 10 ปี ให้ตรงนี้เป็นพื้นที่สีเขียว ปรับปรุงสภาพแวดล้อมให้ดีขึ้น สวนภูมิใจการ์เด้น เกิดจากความตั้งใจของคุณเอ๋โดยให้พื้นที่นี้รวบรวมประวัติศาสตร์ท้องถิ่น รวมถึงต้นไม้ภายในสวน จนถูกยกให้เป็น "สวนรุกข" มรกดกของแผ่นดิน อย่างต้นลิ้นจี่ที่มีอายุกว่า 100 ปี และภายในสวนยังมีทั้งต้นเคราฤาษี, ต้นขนุน, ตะลิงปลิง, มะเฟือง, ลูกยอ, อัญชัน, กล้วย, ชมพู่มะเหมี่ยว, มะนาว, ส้มซ่า, มะม่วงเบา และไม่ได้มีแต่ผลไม้ พืชสวนครัวก็มีอย่าง ใบทองหลาง, ใบชะพลู, ใบมะกรูด, พริก และต้นจาก เป็นต้น ต้นจิกที่เป็นพืชระบบนิเวศที่สวนก็ปลูกไว้อีกด้วย พืชผักภายในสวนคุณเอ๋ตั้งใจ ปลูกแล้วกิน กินแล้วปลูก และใช้อาหารเป็นตัวเชื่อมให้กับคนที่มาเยี่ยมชมสวนภูมิใจการ์เด้น จนเกิดเป็นกิจกรรมหลักให้กับนักท่องเที่ยวได้เข้ามาเก็บผักสดๆ จากต้นหรือจะมาอิ่มอร่อยกับอาหารไทยชาวสวนที่ "Natura Garden Cafe" ก็รับรองว่าจะต้องติดใจในวิถีชาวสวนกันอย่างแน่นอน "เมี่ยงตะลิงปลิง (120 บาท)" "แกงคั่วขาวตะลิงปลิง (120 บาท)" "ใบทองหลางผัดไข่ (100 บาท)" "แกงมัสมั่น (120 บาท)" ใครอยากมาสัมผัสวิถีชีวิตชาวสวนแบบนี้ก็แวะมาเที่ยวที่สวนแห่งนี้กันดู "สวนภูมิใจการ์เด้น" ถนนพระราม 2 ซอย 28 แยก 18 เปิดตั้งแต่เวลา 10.00-17.00 น. (หยุดทุกวันอังคาร ) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-1733-9812
วันนี้เปรี้ยวปากพาสายกรีนมาตะลุยร้านสะดวกซื้อที่มีกิมมิคใช้แค่ไหน ซื้อแค่นั้น ที่ร้าน "Zero Moment Refillerty" แล้วทุกคนจะสนุกไปกับการเลือก ตัก ชั่ง ตวง กันอย่างแน่นอนร้านสะดวกซื้อแบบ Refill แห่งนี้ ไม่ว่าใครจะมาซื้อของก็ต้องนำเอาภาชนะหรือบรรจุภัณฑ์ ขวด กล่องต่างๆ มาเองแล้วนำมาเติมสินค้าจากทางร้านกลับไป เพื่อช่วยลดการใช้บรรจุภัณฑ์ต่างๆ โดยเฉพาะพลาสติกใช้แล้วทิ้ง สินค้าภายในร้านมีทั้งออร์แกนิคและผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติให้เลือกช้อปมากมาย โดยแบ่งเป็นหมวดหมู่ดังนี้Ready To EatFor CookingPersonal Care สินค้าเหล่านี้จะเป็นสินค้าที่ทางร้านติดต่อกับเกษตรท้องถิ่นโดยตรง เริ่มจากสรรหาในประเภทตั้งแต่ออร์แกนิค สินค้าที่ผ่านขั้นตอนการผลิตจากธรรมชาติ ไม่มีสารเคมี สินค้าที่ไม่มีในประเทศก็มีการนำเข้ามาจากต่างประเทศอีกด้วยมาตะลุยร้านสะดวกซื้อแบบ Refill กันได้ที่ร้าน "Zero Moment Refillert" ร้านอยู่ที่พระราม 9 ซอย 41 ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 10.00-19.00 น. (หยุดทุกวันจันทร์) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-2465-9262
สักการะขอพร วัดเล่งเน่ยยี่ 2 ย่านบางบัวทอง
หนีห่าว สวัสดีปีใหม่จีน เปรี้ยวปากขอพาทุกคนออกมาเที่ยวรับตรุษจีน พาไปสักการะขอพรความเป็นสิริมงคล เดินถ่ายรูปชิลๆ กันที่ "วัดบรมราชากาญจนาภิเษกนุสรณ์ หรือ วัดเล่งเน่ยยี่ 2" อีกหนึ่งแลนด์มาร์คของนนทบุรีที่สวยงามด้วยสถาปัตยกรรมจีน ที่ตั้งใจสร้างให้เป็นพุทธศิลป์ในราชวงศ์หมิง และ ราชวงศ์ชิง เหมือนพระราชวังปักกิ่ง ย่านบางบัวทองวัดเล่งเน่ยยี่ 2 เป็นวัดจีนนิกายรังสรรค์ที่อยู่ในความอุปถัมภ์ของคณะสงฆ์จีนนิกายแห่งประเทศไทย มีเนื้อที่ทั้งหมด 12 ไร่ จัดสร้างขึ้นเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสที่ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี (ในปี พ.ศ. 2539)พระอุโบสถเป็นสถานที่สำคัญและใหญ่ที่สุดในพระอาราม ประดิษฐานพระประธานที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และถอดแบบมาจากวัดมังกรกมลาวาส(เล่งเน่ยยี่) ที่เยาวราช ประกอบไปด้วย พระศรีศากยมุนีพุทธเจ้า(พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน), พระอมิตาภพุทธเจ้า และ พระไภษ์คูรุไวฑูร์ย์พุทธเจ้า(พระพุทธเจ้าแห่งยาและการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ) รอบๆ พระอุโบสถจะมีงานแกะสลักไม้เป็นเรื่องราวของเทพต่างๆ สวยงามเพลินตามากๆ และที่ด้านหลังพระอุโบสถก็ยังมี "พระแม่กวนอิมพันมือ" เป็นองค์ไม้แกะสลักจากประเทศจีนให้เข้าไปสักการะบูชากันด้วย"วัดบรมราชากาญจนาภิเษกนุสรณ์ หรือ วัดเล่งเน่ยยี่ 2" อยู่ที่อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี สอบถามเพิ่มเติม โทร.0-2571-1155
The Ozone Bangkrajao คาเฟ่และที่พักสุดชิลริมสวน
อีกหนึ่งแลนด์มาร์คใหม่ต้องมาสูดโอโซนให้เต็มปอดกันที่บางกระเจ้าต้องที่นี่เลย "The Ozone Bangkrajao" คาเฟ่และที่พักบรรยากาศสุดร่มรื่นที่ยังคงเอกลักษณ์ของบางกระเจ้าไว้ ทั้งร่องสวน ร่องน้ำ และยังมีโฮมสเตย์ให้พักอีกด้วยที่บางกระเจ้าถือเป็นแหล่งโอโซนที่สำคัญใกล้กรุงเทพนักท่องเที่ยวจึงค่อนข้างเยอะ เลยอนุรักษ์ความเป็นร่องสวนซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของบางกระเจ้าเอาไว้ ทั้งพวกกระต๊อบ ร่องน้ำ เป็ด ไก่ ที่นี่ก็คงไว้หมดเลย เดินชิลชมสวน จิบกาแฟเคล้าบรรยากาศสีเขียว นอนเล่นอากาศเย็นๆ ได้แบบสบายๆ เลย มุมถ่ายรูปก็ค่อนข้างเยอะนอกจากร่องสวนแล้วที่นี่ยังมีโฮมเสตย์น่ารักๆ ให้เข้าพักได้อีกด้วย ตอนเช้าอากาศเย็นสดชื่น ตอนกลางคืนนอนชมแสงหิ่งห้อยก็ฟินได้อีก ราคาเพียง 2,500 บาท / 4 คน (รวมอาหารเช้า)มาถึงโซนร้านอาหาร ที่นี่จะเน้นบริการอาหารจานเดียวแบบง่ายๆ ทานไป ชิลไปกับบรรยากาศ มีทั้งข้าวผัดหมู, ข้าวกะเพราทะเล (79 บาท), ส้มตำ (69 บาท) และอื่นๆ อีกมากมายแจกพิกัดใกล้กรุงให้มารีเฟรชร่างกาย หายใจให้เต็มปอดกันได้ที่ "The Ozone Bangkrajao" ตั้งอยู่ถนนเพชรหึงษ์ ซอยเพชรหึงษ์ 26 ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 9.00-18.00 น.(หยุดทุกวันจันทร์) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-1439-8239
สุริยันจันทรา เต็มอิ่มกับทริปล่องเรือและอาหารไทยโบราณ
"ร้านสุริยันจันทรา" ร้านอาหารและที่เที่ยวแห่งใหม่ในจังหวัดอยุธยา ทั้งทริปล่องเรือในแม่น้ำน้อย ได้แวะไหว้พระและเที่ยวชมสถานที่สำคัญของอยุธยา และพอขึ้นฝั่งก็จะได้ฟินกับอาหารไทยโบราณแบบเต็มอิ่มทริปล่องเรือในแม่น้ำน้อยแม่น้ำสายหลักของเมือง ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง แสามารถแวะไหว้พระตามวัดสำคัญๆ บริการล่องเรือ พร้อมอาหารว่าง, เครื่องดื่มบนเรือ และอาหารหลักพร้อมเครื่องดื่มที่ร้านอาหาร ราคาเริ่มต้น 13,900 บาท สำหรับ 6 ท่าน (บริการล่องเรือสามารถรับลูกค้าได้สูงสุดประมาณ 15 ท่าน) สำหรับลูกค้าที่ต้องการเฉพาะทานอาหารหลักที่ร้านอาหาร มีบริการเฉพาะเซตอาหาร ราคาเริ่มต้น 2,500 บาท สำหรับลูกค้า 4 ท่าน ทางร้านรับบริการเฉพาะลูกค้าจองล่วงหน้าเท่านั้น (Booking วันธรรมดา 1-2 วัน, วันเสาร์-อาทิตย์ 7 วัน)"เซตขนมไทย"ในส่วนของร้านอาหารเป็นโรงสีโบราณอายุกว่า 130 ปี แต่ตกแต่งดีไซน์ให้ดูร่วมสมัยแต่ยังมีกลิ่นอายความคลาสสิกอยู่ เมนูอาหารในร้านเป็นอาหารไทยโบราณรสมือแม่ครัวที่เป็นอยุธยาดั้งเดิมเลยตัวอย่างเซตอาหารหลัก"ปลาโบราณ" ปลาทอดราดซอสน้ำยำโบราณ"ห่อหมกบัวหลวง" เสิร์ฟมาในดอกบัวสวยๆ"ผัดผักเบญจรงค์" ผักผัก 5 สี กับกุ้งตัวใหญ่ๆ"แกงนพเก้า" แกงกะทิโบราณ สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย มีผัก 9 อย่าง พริกแกงแดงที่ร้านก็ตำเอง และกุ้งแม่น้ำตัวโตๆ จากอยุธยา"แกงรัญจวน" แกงโบราณที่มีบันทึกไว้ในสมัยรัชกาลที่ 5 เครื่องปรุงที่สำคัญคือ น้ำพริกกะปิ มีรสเปรี้ยว เค็ม เผ็ด"กุ้งหลน" กุ้งแม่น้ำหลนเต้าเจี้ยวสูตรโบราณใครที่อยากจะมาซึมซับบรรยากาศคลาสสิกในเมืองประวัติศาสตร์อย่างอยุธยา ขอให้ลิสต์ "ร้านสุริยันจันทรา" ไว้เลย ร้านอยู่ อ.บางบาล ติดริมแม่น้ำน้อย เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00-21.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 06-2852-8883
อินเทรนด์สุดๆ กับร้านคาเฟ่สไตล์แคมป์ปิ้งแบบ Self Service ที่สามารถครีเอทได้เองว่าจะใช้โต๊ะ เก้าอี้แบบไหน รวมถึงเลือกมุมนั่งได้แบบจุใจกันที่ "ร้าน Haylo. Craft & Pinic & Yard" ไม่ต้องเดินทางไปไกล มาแค่พุทธมณฑลสาย 2 ก็ได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติแล้ว นอกจากนี้ที่โซน Beaver Nest ยังมีกิจกรรมให้เลือกทำหลากหลาย ทั้งงานคราฟ ร้อยลูกปัด หรือสกรีนกระเป๋าผ้าลดโลกร้อน รับรองว่าคนชอบงานคราฟจะชิล สนุกได้ทั้งวัน ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายของอุปกรณ์แล้วแต่กิจกรรมที่เลือกทำด้วย ที่นี่จะเป็นแบบ Self Service พอเลือกชุดปิกนิกได้แล้ว ก็สามารถเลือกเฟอร์นิเจอร์เก้าอี้เองได้ โดยเดินถือเข้ามาในพื้นที่ที่จัดเตรียมไว้แล้วจับจองหาที่นั่งกันได้เลย "Moose Herd Set (ราคา 650 บาท)" เซตใหญ่จุใจ จะได้เครื่องดื่ม 4 อย่าง เบเกอรี่ 2 อย่าง และได้เก้าอี้ ทั้งแบบ Basic และ Comfort อย่างละ 2 ตัว และโต๊ะอีก 1 เซต "เซตบาร์บีคิว" เป็นบาร์บีคิวหมูส่วนสันคอ หมักกับกระเทียมพริกไทย ซึ่งทุกคนสามารถนำไปปิ้งได้ที่ส่วนกลางสำหรับปิ้งบาร์บีคิว "Haylo. Craft - Picnic - Yard" อยู่ที่พุทธมณฑลสาย 2 ซอย 21/1 แยก 8 วันเสาร์-อาทิตย์ เปิดตั้งแต่เวลา 10.00-18.30 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-4655-2484
พื้นที่แบ่งปันความสุขและสุขภาพดีให้กับทุกคน "ตลาดบ้านรังนก" ตลาดอินทรีย์ที่รวมเกษตรกร ผู้ผลิต กลุ่มวิสาหกิจชุมชน ทั้งในท้องถิ่นและจังหวัดใกล้เคียงกว่า 50 ร้านค้า โดยร้านค้าในตลาดบ้านรังนกจะเป็นสินค้าอินทรีย์ อาหารปลอดภัย และสินค้าแฮนด์เมด คำว่า 'บ้านรังนก' เกิดจากไอเดียที่อยากให้ตลาดเป็นพื้นที่สีเขียวที่แม่นกเลือกทำรัง แล้วพ่อค้าแม่ค้าที่นี่เปรียบเสมือนแม่นกที่มาป้อนอาหาร ป้อนสิ่งดีๆ ให้กับลูกค้าจึงมีกฎที่ตลาดตั้งไว้คือ อาหารปรุงสุขจะต้องทำจากวัตถุดิบออร์แกนิคหรือปลอดสารเคมี 70 เปอร์เซ็นต์ อีก 30 เปอร์เซ็นต์เป็นวัตถุดิบที่หาซื้อได้ตามท้องตลาดแต่ต้องมีระบุไว้ว่าไม่มีสารต้องห้ามใดๆ เช่น ผงชูรส สารกันเสีย หรือมีมาตรฐานตรารับรองว่าเป็นผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคที่เป็นที่ยอมรับ หรือที่เรียกว่าอาหารปลอดภัยตลาดบ้านรังนกมีมาตรฐานการตรวจสอบสำหรับสินค้าเกษตรอินทรีย์ของตลาดคือ Salana PGS ระบบตรวจสอบคุณภาพผ่านกระบวนการรับรองแบบมีส่วนร่วม ที่ริเริ่มขึ้นโดยสมาพันธ์เกษตรอินทรีย์นานาชาติ(IFOAM) ซึ่ง Salana นำมาปรับใช้ให้เกษตรกรอินทรีย์ในชุมชนมารวมกลุ่มกันเป็นเครือข่าย ทั้งแลกเปลี่ยนความรู้กัน สร้างมาตรฐานในการตรวจสอบสมาชิกร่วมกันอย่างโปร่งใส ตั้งแต่การกำหนดเงื่อนไขการตรวจแปลงหรือการผลิต และออกใบรับรองเพื่อเพิ่มความไว้วางใจให้ผู้บริโภคนอกจากตลาดจะมีกฎและมาตรฐานต่างๆ แล้วยังมีการสุ่มตรวจารเคมี 2 เดือนครั้งแบบไม่บอกล่วงหน้าอีกด้วย และแม้แต่ร้านที่ขายพืช ผัก ผลไม้ หรือมีส่วนของตัวเองที่เอาผลผลิตมาทำอาหาร ทางตลาดจะลงพื้นที่ตรวจสอบถึงแปลงปลูกเลย ทำให้ผู้ซื้อมั่นใจได้ว่าของจากร้านค้าในตลาดบ้านรังนกสด สะอาด ปลอดภัยจริงๆตลาดแห่งนี้จึงถือเป็นพื้นที่ชุมชนที่เปิดโอกาสให้คนปลูก คนปรุง และผู้ผลิตได้เอาความตั้งอกตั้งใจมาบอกเล่า ผู้ซื้อก็วางใจได้ว่าได้กินของดีๆ และเป็นแรงสนับสนุนให้กับผู้ผลิต/ผู้ขายอีกแรงตลาดบ้านรังนกแบ่งออกเป็นทั้งหมด 3 โซน คือ - โซนปรุงอินทรีย์ จะมีผลผลิตทางเกษตรแบบปลอดสารพิษ เกษตรอินทรีย์ต่างๆ อย่างผักสวนครัว ผักพื้นบ้าน ไข่ไก่ และเนื้อสัตว์- โซนปรุงสุข โซนนี้จะเน้นอาหารปรุงสำเร็จพร้อมทาน- โซนปันสุข จำหน่ายสินค้าทำมือ สินค้าแฮนด์เมด สินค้าท้องถิ่น หรือของฝากนั่นเอง"ร้านแม่ชอบปรุง" (โรลสมุนไพร 65 บาท, ข้าวยำสมุนไพรสูตรน้ำบูดู 65 บาท) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-9510-5424ข้าวยำของที่นี่นอกจากจะใส่ผักสมุนไพรแล้วก็เพิ่มดอกไม้เข้าไปอีกเกือบ 20 อย่าง เช่น อัญชัน, เล็บมือนาง, ดอกเข็มสีเหลือง, ดาวกระจาย, ดาหลา, กุหลาบ พวกตัวดอกไม้มีสรรพคุณช่วยคลายเครียด ต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเรื่องระบบทางเดินอาหาร และกลีบบัวหลวง ช่วยบำรุงหัวใจ ส่วนผักส่วนใหญ่ก็จะช่วยเรื่องการขับลม ระบบขับถ่าย และวิตามินต่างๆ"ร้านพิซซ่าเวียดนาม" สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-1488-4568แผ่นแป้งทำมาจากข้าวออร์แกนิคของแบรนด์ที่ผ่านการรังรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ ส่วนไส้ด้านในจะเป็นหมูสับ ไข่ ผัก ก็เลือกมาจากสินค้าเกษตรอินทรีย์ในตลาด"ร้านต้นไผ่ใบพุฒิ" (ตะโก้สาคูต้น 4 ชิ้น/25 บาท, เปียกสาคูต้น 35 บาท)สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-9449-0326- ตะโก้สาคูต้น ไส้เป็นสาคูข้าวโพด สาคูเผือก สาคูแก่นตะวันที่เป็นพืชตระกูลหัว รสชาติคล้ายมันแกว แต่เนื้อสัมผัสคล้ายแห้ว สีของหน้ากะทิก็มาจากธรรมชาติ สีฟ้าจากอัญชัน สีเหลืองจากเนื้อฟักทองบดละเอียดแล้วผสมกับกะทิ- เปียกสาคูต้น จากต้นสาคูแท้ๆ ใส่มะพร้าวอ่อน เผือก ข้าวโพด ราดกะทิที่มาจากมะพร้าวที่ปลูกเองซึ่งผ่านการตรวจของตลาดมาแล้ว"ร้านโรงบ่มธรรมชาติ" (แฮมเบอร์เกอร์, พิซซ่าแป้งข้าว)เมนูพิซซ่าแป้งข้าว ทำมาจากแป้งข้าวหอมนครชัยศรีมีคุณค่าทางสารอาหาร มีประโยชน์ต่อกระบวนการสร้างเม็ดเลือด กรดเฟอรูลิกสำหรับต้านอนุมูลอิสระ และที่สำคัญมีความนุ่ม ความหอมอ่อนเฉพาะตัว การใช้ข้าวพื้นเมืองยังช่วยส่งเสริมเกษตกร และอนุรักษ์สายพันธุ์ข้าวพื้นเมืองอีกด้วย "ร้านเกษตรทฤษฎีใหม่หัวใจอินทรีย์" (ก๋วยเตี๋ยวต้มยำเห็ดสมุนไพร 50 บาท) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-1665-1374ก๋วยเตี๋ยววัตถุดิบออร์แกนิคที่ไม่มีเนื้อสัตว์เลย ตัวน้ำซุปทำจากข้าวโพด ข่า ตะไคร้ มะกรูด เห็ดนางฟ้าภูฐาน เห็ดหอม แครอท หัวไชเท้า เวลาเสิร์ฟก็จะปรุงรสต้มยำแยก เส้นที่ใช้เป็นเส้นหมี่ข้าวกล้องอบกรอบ ไร้สารกันบูด ส่วนผักก็จะมีต้นอ่อนผักบุ้ง ตำลึง ถั่วงอก คะน้า กวางตุ้ง ที่ปลูกเองทั้งหมด "ร้าน Umaphan Soap" (สบู่สครับถั่วเขียว) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-4665-6199สบู่จากสมุนไพรและสารสกัดจากธรรมชาติ ปลอดภัยไร้สารเคมี เบสหลักของสบู่คือน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นที่ปลูกแบบออร์แกนิค"ร้านบ้านผ้าคราม" (ผ้าซิ่นผ้าฝ้ายเข็นมือ,เสื้อมัดย้อม) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-7750-7771งานผ้าฝ้ายแฮนด์เมดที่ใช้ผ้าฝ้ายธรรมชาติย้อมสีจากธรรมชาติ จากอำเภอพรรณนานิคม จังหวัดสกลนคร ทั้งสีน้ำเงินจากไม้คราม สีเหลืองจากไม้ประดู่ และเปลือกต้นมะม่วงกับแก่นเข ที่ร้านบ้านผ้าครามมีทั้งเสื้อผ้าฝ้ายย้อมคราม เดรส เสื้อยืดมัย้อม หรือลายหยดเทียน ลายดรอป ผ้าคลุมไหล่ ผ้าพันคอ ผ้าซิ่น หมวก เป้ ทุกอย่างเป็นของแฮนด์เมดทั้งหมดเลยช่วงวันหยุดแวะมาเที่ยวตลาดสีเขียวกันได้ที่ "ตลาดบ้านรังนก" อยู่ที่ อ.บางเลน จ.นครปฐม เปิดวันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น.
สำหรับคนที่ชอบเที่ยวในช่วงวันหยุดมาชิลกันได้ที่ "The Yard Hostel Bangkok" หรือชื่อภาษาไทยว่า "บ้านญาติ" โฮสเทลในบรรยากาศสบายๆ เป็นกันเอง เพราะคุณส้มเจ้าของโฮสเทลตั้งใจทำให้เหมือนมาพักผ่อนกันที่บ้านญาติจริงๆ และทุกคนที่มาก็เปรียบเสมือนญาติกัน ห้องพักในโฮสเทลแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ห้อง Private และห้องพักแบบรวม ห้องพักแบบรวมทุกเตียงจะมีช่องหน้าต่างเป็นของตัวเองสามารถเปิดรังแสงเองได้ แต่ความเก๋อยู่ที่แต่ละห้องจะถูกตั้งชื่อตามเครือญาติ เช่น พี่ชาย, พี่สาว, ปู่ และย่า เป็นต้น ในบริเวณลานพื้นที่จัดกิจกรรมคนที่มาพักก็สามารถมาทำกิจกรรมร่วมกัน เช่น อ่านหนังสือ ฟังเพลง นอกจากที่นี่จะเป็นโฮสเทลแล้วยังเปิดเป็นพื้นที่ให้สามารถจองจัดกิจกกรรมได้ด้วย ทั้ง Mini Concert, Movie Night, ทำงานคราฟท์ และในตอนเย็นก็จะเปิดเป็นร้านอาหารในธีมปิ้งย่างบาร์บีคิว ในช่วงเย็นก็จะมีเซตปิ้งย่างให้เลือกทานคือ Family Set และ Skewer Set ซึ่งวัตถุดิบแต่ละอย่างก็ไม่ธรรมดา ทั้งเนื้อไทยวากิว A5 คุณภาพพรีเมี่ยมจาก จ.สุรินทร์ วัวจะถูกเลี้ยงโดยให้กินข้าวหอมมะลิเพื่อให้ได้เนื้อคุณภาพดี มาสัมผัสเปลี่ยนบรรยากาศ เปลี่ยนที่นอน สัมผัสกับความชิลได้ที่ "The Yard Hostel Bangkok" อยู่ที่ซอยพหลโยธิน 5 ส่วนของ Hostel เปิดตั้งแต่เวลา 09.00-22.00 น. และ BBQ เปิดเฉพาะวันอังคาร-เสาร์ ตั้งแต่เวลา 11.30-21.30 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 08-9677-4050
The Pattern Boutique Hotel & The Pattern Cafe
"The Pattern Boutique Hotel & The Pattern Cafe" Boutique Hotel ขนาเล็กที่รีโนเวทมาจากโรงงานเสื้อผ้าที่เปิดมากว่า 40 ปี การดีไซน์จึงเน้นกลิ่นอายความเป็น Pattern เหมือนชื่อของโรงแรมห้องพักของที่นี่จะแบ่งออกเป็น 6 ประเภท โดยทุกห้องจะใช้ชื่อเป็นไซส์ของเสื้อผ้า เริ่มจาก XS, S, M, L, XL และ XXL การดีไซน์ของแต่ละห้องจะได้รับแรงบันดาลใจมาจากตู้เสื้อผ้า ห้องลองชุดต่างๆ เพื่อคงคอนเซ็ปต์ของโรงแรมเอาไว้นอกจากส่วนของห้องพักแล้วยังมี "The Pattern Cafe" ร้านคาเฟ่น่ารักๆ สไตล์มินิมอล ซึ่งอาหารและขนมทุกอย่างเป็นแบบโฮมเมด มีทั้งอาหารไทยและเมนูฟิวชั่นให้เลือก"กุ้งแม่น้ำผัดพริกกระเทียมราดข้าว(195 บาท)" "ริกาโทนี่ผัดแหนมใบโหระพา (160 บาท)" "หมูสับผัดปลาเค็มราดข้าว (150 บาท)""สลัดไก่ย่างแจ่วมาโย (150 บาท)""Sunny Side Up (120 บาท)" เครื่องดื่มน่ารักๆ ที่มีไข่จิ๋วท็อปอยู่ด้านบนซึ่งก็คือไข่แดงที่ทำออกมาในรูปแบบของเยลลี่ ก่อนทานต้องชิมไข่ดาวก่อนแล้วค่อยคนที่เหลือให้เข้ากัน"The Cactus (140 บาท)" มัทฉะพรีเมี่ยมนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น ส่วนกระบองเพชรทำมาจากไวท์ช็อกโกแลต"ไดฟูกุมะพร้าว (100 บาท)" ใครที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศ แวะมาพักกันได้ที่ "The Pattern Boutique Hotel & The Pattern Cafe" อยู่ที่ ซอยกรุงธนบุรี 6 แยก 7 ส่วนของ Hotel เปิดตลอด 24 ชม. และส่วนของ Cafe วันจันทร์-ศุกร์ เปิดตั้งแต่เวลา 11.30-19.00 น. และวันเสาร์-อาทิตย์ เปิดตั้งแต่เวลา 10.00-19.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-2424-2989
รักดอก RakDok Floral Destination
"รักดอก RakDok Floral Destination" นิทรรศการดอกไม้ชื่อดังในธีม Flower Wanderlusters จำลองความสวยงามของดอกไม้ในสถานที่ต่างๆ โดยมีการจัดมุมถ่ายรูปออกเป็น 3 โซน คือ- Zone 1 The Gatherin มีจุดถ่ายภาพ 4 จุด- Zone 2 The Scenery มีจุดถ่ายภาพ 6 จุด- Zone 3 The Trial มีจุดถ่ายภาพ 5 จุดราคาบัตรเข้าชมนิทรรศการ ผู้ใหญ่ 150 บาท/ เด็ก 100 บาท (เด็กอายุไม่เกิน 3 ขวบ)/ เด็กสูงไม่เกิน 110 ซม. สามารถเข้าชมได้ฟรี บัตรเข้าชมงานเป็นประเภท One Day Pass ใช้ได้เพียงครั้งเดียว พนักงานจะปั้มสัญลักษณ์มือให้สามารถเดินเข้าออกถ่ายภาพได้ทั้งวัน ภายในนิทรรศการจะมีร้านจำหน่ายอาหาร ขายของ และเครื่องดื่ม สามารถแวะพักเหนื่อยจิบน้ำทานอาหารกันได้ในระหว่างรอคิวเลยภายในนิทรรศการมีจุดถ่ายรูปถึง 15 จุด และในแต่ละจุดสามารถเข้าไปถ่ายรูปได้คนละ 2 นาที พอหมดเวลาพนักงานจะเรียกจุดแรกคือ Unhidden หรือ พบเพียงหา อยู่ในโซน The Trial เปรียบเป็นอีกหนึ่งโลกที่รอให้นักเดินทางมาสัมผัส ภายในจุดนี้รายล้อมไปด้วยดอกไม้โทนชมพูแดงและตรงกลางเป็นสะพานไม้อีกจุดไฮไลท์ที่ห้ามพลาด Indigo Mount หรือ ภูเขาสีคราม อยู่ในโซน The Scenery เป็นฟีลคล้ายกับทะเลสาบในเมืองหนาวด้วยการตกแต่งดอกไม้ในโทนสีม่วงจุดต่อมาคือ Floral Leaves หรือ ดอกไม้ที่ไม่ใช่ดอกไม้ อยู่ในโซน The Trial ที่ทำให้เหมือนฤดูใบไม้ร่วงคือช่วงเวลาที่ใบไม้เปลี่ยนตัวเองเป็นดอกไม้ใครสายถ่ายรูปต้องห้ามพลาด "รักดอก RakDok Floral Destination" อยู่ที่บึงไมตรีจิต วันจันทร์-พฤหัส เปิด ตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น. และวันศุกร์-อาทิตย์ เปิดตั้งแต่เวลา 06.30-17.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 06-1899-7893
อีกหนึ่งร้านในพัทยาที่ไม่มาถือว่าเอาท์ "Cave Beach Club" ที่ตกแต่งแบบเมดิเตอร์เรเนียน สไตล์ชนเผ่าชาวเกาะ ยิ่งมาถ่ายรูปช่วงบรรยากาศแสงสุดท้ายของวันจะยิ่งสวยมากๆ เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ภายในร้านก็เป็นงานฝีมือชนเผ่าจากทั่วโลก บางชิ้นก็นำเข้ามาจากอเมริกาใต้ หรือ South Africa ด้วยภายในร้านจะแบ่งออกเป็นโซน Restaurant, Cafe and Bar และโซน Fine Dining ส่วนเรื่องอาหารอร่อยแน่นอน เพราะใช้ครัวเดียวกับ The Glass House แต่ทางร้านก็จะมีเมนูพิเศษเฉพาะที่ Cave Beach Club อีกด้วย"ปลาอินทรีย์ล่องใต้ (240 บาท)" ใช้ปลาอินทรีย์ไซส์ใหญ่ส่งตรงจากทะเลไทย นำมาปรุงกับเครื่องแกงใต้ใส่ใบชะพลูเพื่อเพิ่มความหอม"ทะเลลาวา (290 บาท)" เมนูนี้จะคล้ายกับปลาหมึกผัดไข่เค็ม มีทั้งกุ้ง ปลาหมึก หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์"แกงคั่วแซลมอนย่างไข่เค็ม (390 บาท)" ทางร้านใช้พริกแกงคั่วสูตรพิเศษ และใส่ไข่เค็มลงไปตอนทำน้ำแกง เพื่อให้ได้ทั้งรสชาติที่มันและเค็ม ส่วนปลาแซลมอนก็มาจากนอร์เวย์เลย"พล่ากุ้งหมูสับ (260 บาท)" เป็นพล่ากุ้งสูตรโบราณของทางร้าน แต่เพิ่มความพิเศษด้วยการใส่หมูสับ เมนูนี้จะหอมสมุนไพรมาก"ร้าน Cave Beach Club" อยู่ที่ซอยนาจอมเทียน 10 สอบถามเพิ่มเติม เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00-23.00 น. โทร. 08-3825-8283
อัพเดทร้านใหม่กับร้านราเมนชื่อดังจากญี่ปุ่น "TSUTA Japanese Soba Noodles" ร้านแรกของโลกที่ได้รับรางวัลมิชลินสตาร์ 1 ดาว ที่ส่งตรงความอร่อยมาถึงเมืองไทยแล้วกับเมนูซิกเนเจอร์ที่มีขายไม่เกินวันละ 50 ชามเท่านั้น ร้าน TSUTA Japanese Soba Noodles เกิดจากความชื่นชอบทำอาหารของเชฟ Yuki Onishi และสืบทอดการทำอาหารมาจากครอบครัวและบรรพบุรุษ เชฟจึงต้องการให้คนญี่ปุ่นได้ทานราเมนแบบญี่ปุ่นโดยฝีมือคนญี่ปุ่นแท้ๆ จึงเกิดเป็นร้านนี้ขึ้นมา โดยคัดสรรเฉพาะวัตถุดิบจากธรรมชาติที่ต้องระบุอย่างเฉพาะจงเจาะลงไปว่าต้องมาจากที่ไหนบ้าง กว่าจะได้ราเมนหนึ่งชามจึงใช้วัตถุดิบจากหลากหลายที่ และโด่งดังจนทั้งคนญี่ปุ่นและคนไทยถ้าได้ไปโตเกียวก็ต้องไปต่อคิวชิมราเมนที่ร้านกันเป็นชั่วโมงร้าน TSUTA Japanese Soba Noodles สาขาแรกในไทยเปิดอยู่ใจกลางเมืองในห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ที่ไม่ต้องบินไปถึงญี่ปุ่นก็มีราเมนญี่ปุ่นแท้ๆ ให้มาทานกันถึงเมืองไทย"Tsuta Signature Shoyu Soba With Truffle Slice (680 บาท)" เมนูไฮไลท์ระดับมิชลินสตาร์ 1 ดาว ที่มีเพียงวันละ 50 ชามเท่านั้น เบสน้ำซุปเป็นซุปไก่ ปลา หอยตลับ ที่ต้มแยกแล้วนำมารวมกัน ปรุงด้วยซอสถั่วเหลืองที่สุกเต็มที่ซึ่งกว่าจะสุกนั้นใช้เวลานานถึง 2 ปี เมนูนี้มาพร้อมหมูคุโรบูตะและอิเบอริโคซึ่งเป็นส่วนพุงของหมูที่สั่งตรงมาจากสเปนเท่านั้น ส่่วนเส้นจะนำเข้าแป้งมาจากญี่ปุ่นและนำมารีดเป็นเส้นสดเอง ที่ขาดไม่ได้เลยคือ Black Truffle Oil พร้อม Truffle สไลซ์ด้านบนที่ทางร้านนำเข้ามาจากสเปน"Mala Tonkotsu Soba (270 บาท)" เมนูนี้จะมีเฉพาะสาขาในเอเชียเท่านั้น เบสของเมนูนี้จะเป็นทงคัตสึ ใช้ซุปกระดูกหมูที่เคี่ยวนานกว่า 6-7 ชม. และใส่หมาล่า Hot Oil สูตรของทางร้านหยดลงไปเพิ่มความหอม"Tsuta Signature Shio Saba (370 บาท)" เบสของชามนี้คือซุปเกลือจากเกาะโอกินาวาและเกลือหินจากมองโกเลีย เพิ่มความหอมด้วย White Truffle Oilนอกจากราเมนแล้วยังมีเมนู Side Dish ให้เลือกอีกด้วย "Aburi Niki (150 บาท)" เมนูขายดีของทางร้าน โดยจะใช้หมูชาชูชิ้นหนานำไปย่างแล้วเอามาหั่นเต๋า ราดด้วยซอสหัวหอมโชยุที่จะช่วยเพิ่มรสความหวาน"ร้าน TSUTA Japanese Soba Noodles" อยู่ที่ Central World ชั้น 3 โซน Atrium ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00-22.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0-2001-6030
James500 City Camp & City Farm
ใกล้สิ้นปีแบบนี้หลายคนมองหากิจกรรม สถานที่สวยๆ เตรียมไปเที่ยวพักผ่อนกัน วันนี้เปรี้ยวปากเลยชวนทุกคนมาแคมป์ปิ้งริมทะเลสาบเท่ๆ ที่ไม่ต้องขนของให้ยุ่งยาก "James500 City Camp & City Farm" ที่นี่มีของให้ครบทั้งเต็นท์ อาหาร และเครื่องดื่มมากมาย "James500 City Camp & City Farm" เกิดจากการต่อยอด Organic Farm ของ 'คุณเจมส์' เจ้าของที่นี่ แล้วขยายมาเปิดเป็นทั้งฟาร์มและแคมป์ปิ้งริมทะเลสาบ ที่อยากให้คนเมืองได้มีโอกาสมาพักผ่อนในวันสบายๆ ไม่ต้องเดินทางไกล แต่ก็ได้บรรยากาศเหมือนไปตั้งแคมป์จริงๆ ซึ่งเหมาะกับคนเมืองที่มีเวลาน้อย ถ้าใครมาแคมป์ที่นี่ไม่ต้องเตรียมอะไรมาเลยก็สามารถเข้ามาพักผ่อนได้ โดยทางฟาร์มจะเตรียมทุกอย่างไว้บริการหมดแล้ว เต้นท์มีให้เลือก 6 แบบ พร้อมอุปกรณ์ต่างๆ ส่วนอาหารก็มีบาร์บีคิวไว้ให้บริการด้วยที่นี่ถูกแบ่งออกเป็น 3 โซน คือ โซนกางเต็นท์ริมทะเลสาบ, โซน Base Camp ขายอาหาร เครื่องดื่ม และโซนยอดฮิตของทุกคน โซนท่าน้ำ เป็นมุมไฮไลท์เพราะจะได้นั่งชมพระอาทิตย์ตกสวยๆ และด้านหน้าของทุกเต็นท์ก็จะติดกับทะเลสาบ ซึ่งจะเห็นวิวเลคเหมือนกันทั้งหมดเต็นท์ของที่นี่มีให้เลือก 6 แบบ- เต็นท์หมีน้อย สำหรับ 2 คน ในเต็นท์จะมีโต๊ะ, เก้าอี้ 2 ตัว, พัดลม, ตะเกียง, เตาบาร์บีคิว, บาร์บีคิวเซต (เลือกได้ทั้งหมูและไก่), เครื่องดื่ม 1 แก้ว, Marshmallow 1 ชุด- เต็นท์หมียักษ์ สำหรับ 6 คน เป็นเต็นท์ใหญ่ ของครบ พร้อมบาร์บีคิวเซตใหญ่หากต้องการสั่งอาหารเพิ่มก็มีทั้ง "เซตลุยกันเป็นแก๊งค์ (บาร์บีคิว 6 ไม้ พร้อมผัก, ซอส 3 แบบ, เครื่องดื่ม 3 แก้ว, และ Marshmallow 3 ชุด)"ใครอยากมาพักผ่อนเปลี่ยนบรรยากาศชิลๆ ไม่ต้องเดินทางไกล มากันได้ที่ "James500 City Camp & City Farm" อยู่ที่หมู่บ้านสัมมากร ซอยรามคำแหง 110 ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 15.00-21.00 น. (หยุดทุกวันพุธ) สอบถามเพิ่มเติม โทร.06-4595-4494
"Hokkaido Flower Park Khao Yai" แลนด์มาร์คแห่งใหม่ของเขาใหญ่ที่ต้องมา ยิ่งช่วงอากาศหนาวๆ แบบนี้ ดอกไม้ยิ่งบานสวยเหมือนอยู่ญี่ปุ่นตามชื่อสวนเลยทีเดียวทีมาของสวนดอกไม้แห่งนี้เกิดจากแฟนเจ้าของสวนเป็นคนญี่ปุ่น แล้วสัญญาไว้ว่าจะพาไปเที่ยวสวนดอกไม้ที่ฮอกไกโดแต่ก็ยังไม่ได้ไป จึงตัดสินใจยกสวนจากฮอกไกโดมาไว้ที่เขาใหญ่ซะเลย ซึ่งที่สวนก็มีดอกไม้อยู่หลายสายพันธุ์ ทั้งดอกเวอร์บีน่า, ซิโลเซีย, คัสเตอร์สีขาว, ทุ่งมากาเร็ต ที่กำลังบานสะพรั่งสวยทางสวนจะเก็บค่าบริการเข้าสวน สำหรับเด็ก 20 บาท, ผู้ใหญ่ 50 บาท และยังสามารถพาสุนัขหรือแมวเข้าสวนมาถ่ายรูปได้อีกด้วยนอกจากนี้ที่สวนยังมีคาเฟ่เล็กๆ ที่มีทั้งเครื่องดื่มและขนมไว้บริการ "Ichigo Daifuku""ไอศกรีมนมฮอกไกโด และไอศกรีมลาเวนเดอร์"มาถ่ายรูปในทุ่งดอกไม้สวยๆ ได้ที่ "Hokkaido Flower Park Khao Yai" อยู่บนถนนธนะรัชต์ ช่วงกิโลเมตรที่ 16 ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-7926-8662
Follow us on INSTAGRAM